เทคโนโลยี Crypto ที่ช่วยในการปกปิดตัวตนนั้นถือเป็นเหรียญที่มี 2 ด้าน ในแง่มุมหนึ่ง มันก็ทำให้ผู้ใช้งานสบายใจเรื่องความเป็นส่วนตัวได้ แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง (ของรัฐ) นั้น มันมักจะถูกใช้ไปในการกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ เช่น การปกปิดร่องรอยการทำธุรกรรมของแฮกเกอร์ เป็นต้น ดังนั้น ในช่วงเดือนสิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำการคว่ำบาตรและสั่งห้ามไม่ให้พลเมืองชาวสหรัฐฯ ใช้งานหนึ่งในบริการ Crypto Mixer (บริการที่ช่วยปกปิดการทำธุรกรรม Crypto ด้วยเทคนิคต่างๆ) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่าง Tonado Cash นั่นส่งผลให้ผู้ใช้งาน Cryptocurrency ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรกพยายามที่จะค้นหา “ตัวเลือก” อื่นๆ มาแทน Tornado Cash ก่อนที่เราจะมาดูรายชื่อของ ”ตัวเลือก” เหล่านั้น สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกคือการสำรวจว่าเหตุใดผู้ใช้งาน Crypto ถึงอาจจะต้องการใช้บริการอย่าง Tornado Cash ในโลกบล็อกเชนที่เต็มไปด้วยความโปร่งใส
ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการความโปร่งใสเต็มรูปแบบของ Blockchain
บล็อกเชนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายนั้นจะมีการบันทึกประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดที่ทำโดยผู้ใช้ทั้งหมดที่เคยมีมาซึ่งมันจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยพื้นฐานแล้ว Blockchains เหล่านี้มีความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์ ใครก็ตามที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถดูยอดเงินปัจจุบันและประวัติการทำธุรกรรมของผู้ใช้งานเครือข่าย Polygon และ Litecoin ทั้งหมดที่เคยมีมาได้
ผู้ใช้งาน Crypto นั้นโต้ตอบกับเครือข่ายผ่านกระเป๋าเงิน ซึ่งกระเป๋าเงินแต่ละใบมีสิ่งที่เปิดเผยต่อสาธารณะที่เรียกว่า ที่อยู่ (Address) การสร้างกระเป๋าเงินไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใช้งานป้อนข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ก็จริง แต่กระเป๋าเงินเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็น “นิรนาม” ซะทีเดียว กระเป๋าเงินเหล่านี้จะถูกอ้างอิงว่าเป็นแบบ “กึ่งนิรนาม” ในกรณีของ Ethereum ผู้ใช้งานอาจเลือกที่จะเชื่อมโยงข้อมูลประจำตัวส่วนบุคคลของตนกับกระเป๋าเงินสาธารณะของตนได้
หลายคนทำเช่นนี้โดยใช้แอปพลิเคชั่น Ethereum Name Service (ENS) ยอดนิยม ซึ่งเปลี่ยน “ที่อยู่สาธารณะ” (Public Address) ของกระเป๋าเงินให้เป็นชื่อผู้ใช้งานที่กำหนดเองได้ แต่ผู้ใช้งาน Ethereum จำนวนมากอาจจะต้องการเก็บข้อมูลประจำตัวและประวัติการทำธุรกรรมไว้ในบล็อกเชนแบบไม่ระบุตัวตน ผู้ใช้งานเหล่านี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูก “เปิดเผยตัวตน” กล่าวก็คือ ตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาสามารถเชื่อมโยงกับ Public Address **ของกระเป๋าเงินของพวกเขาได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพวกเขา ผู้ใช้งาน Bitcoin และผู้ใช้งานบล็อกเชนอื่นๆ ที่มีความโปร่งใสก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
ทำไมผู้ใช้งานถึงต้องการความเป็นนิรนาม?
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะลืมมันไปสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศโลกตะวันตกที่เป็นเสรีประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ทุกคนในโลกที่จะโชคดีพอที่จะแบ่งปันเสรีภาพของตน ผู้ใช้งาน Bitcoin และ Ethereum ในประเทศเผด็จการอาจจะต้องการใช้เครือข่ายเพื่อสนับสนุน / บริจาคต่อสิ่งที่อาจจะทำให้พวกเขามีปัญหากับรัฐบาลได้ สำหรับผู้ใช้งานเหล่านั้น การรักษาความเป็นนิรนามจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
มันมีเหตุผลส่วนตัวดีๆ มากมายที่จะไม่เปิดเผยตัวตนในประวัติการทำธุรกรรมของคุณ คนส่วนใหญ่นั้นอาจจะไม่สบายใจกับความคิดที่ว่าทุกคนสามารถรู้ประวัติของการบริจาคทางการเมือง, ความร่วมมือเพื่อการกุศล, และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั้งชีวิต (หรือใกล้เคียง) ของพวกเขา
แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้ใช้งานทุกคนที่ต้องการรักษาความเป็นนิรนามบนบล็อกเชนด้วยเหตุผลที่ตรงไปตรงมาเหล่านั้น อาชญากรบางรายต่างก็เพ่งเล็งมาที่พื้นที่ Crypto มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลให้มีความต้องการความสามารถในการโต้ตอบกับ Blockchain โดยไม่ต้องระบุตัวตน และนั่นคือที่มาของแอปพลิเคชั่นอย่าง Tornado Cash
Tornado Cash คืออะไร?
Tornado Cash เป็นโอเพ่นซอร์ส Decentralized Application (DApp) ที่ทำงานบนเครือข่าย Ethereum ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานย้ายสินทรัพย์ Crypto ระหว่างกระเป๋าเงินได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน มันใช้งานกลุ่มสัญญาอัจฉริยะที่ไม่เปลี่ยนรูปส่วนใหญ่ที่ทำงานบน Ethereum Blockchain สัญญาอัจฉริยะนั้นมีการเริ่มใช้งานครั้งแรกในปี 2019
สัญญาอัจฉริยะจะเสริมพลังให้กับแต่ละกลุ่มของ Tornado Cash เมื่อผู้ใช้งานโอน Crypto ของพวกเขาไปยังหนึ่งในกลุ่มเหล่านี้ กลุ่มจะสร้างข้อมูลเฉพาะที่เรียกว่าหลักฐานการฝากเงิน ผู้ใช้งานสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อถอนเงินฝากเข้ากระเป๋าเงินอื่นได้ เทคโนโลยีการเข้ารหัสนี้เรียกว่าเป็น Zero-Knowledge Proof หนึ่งในแนวคิดที่ได้นำมาใช้งานมากที่สุดก็คือ zk-SNARK
ด้วยการใช้เทคโนโลยี zk-SNARK กลุ่มสัญญาอัจฉริยะของ Tornado Cash จะไม่สร้างข้อมูลใดๆ บนบล็อกเชนที่เชื่อมต่อกระเป๋าเงินที่ฝากเข้ากับกระเป๋าเงินที่ถอนได้โดยตรง แอปพลิเคชั่นที่ใช้ Zk-SNARK จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานถอนโทเค็นที่พวกเขาฝากไว้ในสัญญาอัจฉริยะเท่านั้น จะไม่มี “การผสมคริปโต” — หรือก็คือ การรวม Cryptocurrency เข้าด้วยกันในกระเป๋าเงินเดียวกันโดยที่ผู้ใช้งานจะถอนโทเค็นที่แตกต่างจากที่พวกเขาฝากไปได้
คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการของโปรโตคอลคือไม่มีการควบคุมอย่างสมบูรณ์ ตลอดกระบวนการทั้งหมดของการใช้งาน Tornado Cash คือตัวตนเดียวที่มีข้อมูลที่ช่วยให้เข้าถึง Crypto ของพวกเขาได้ ซึ่งรวมถึงเมื่อทรัพย์สินของพวกเขาถูกฝากไว้ในกลุ่มสัญญาอัจฉริยะของ Tornado Cash
รัฐบาลสหรัฐฯ คว่ำบาตร Tornado Cash
ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ (OFAC) ประกาศว่ากำลังคว่ำบาตรโปรโตคอล Tornado Cash ตามคำแถลงการณ์ที่ออกโดยปลัดกระทรวงการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงินระบุว่า Tornado Cash ล้มเหลวในการกำหนดแนวทางปฏิบัติ AML อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันกระแสเงินทุนที่ผิดกฎหมาย
แถลงการณ์ยังได้เสริมว่าโปรโตคอลยังล้มเหลวในการใช้โปรโตคอลการจัดการความเสี่ยงขั้นพื้นฐาน U.S. Treasury ได้เผยแพร่ลิสต์รายชื่อที่อยู่กระเป๋าเงินสัญญาอัจฉริยะของ Tornado Cash ซึ่งได้ถูกขึ้นบัญชีดำไว้ในเว็บไซต์ มาตรการคว่ำบาตรใหม่ของ OFAC นั้นห้ามมิให้พลเมืองและหน่วยงานของสหรัฐฯ มีการโต้ตอบกับโปรโตคอล
ผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรจะถือเป็นผู้กระทำความผิดทางอาญาและต้องเสียค่าปรับจำนวนมากหรือจำคุกสูงสุด 30 ปี จากข้อมูลของ OFAC สัญญาอัจฉริยะของ Tornado Cash ต้องรับผิดชอบต่อการฟอกเงินกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในกองทุนที่ผิดกฎหมายนับตั้งแต่เปิดตัวโปรโตคอลขึ้นมาในปี 2019 ซึ่งรวมถึงการปล้นเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์โดย Lazarus Group กลุ่มแฮกเกอร์ของชาวเกาหลีเหนือเมื่อต้นปีนี้ และการปล้น 100 ล้านดอลลาร์ บน Horizon Bridge
การคว่ำบาตร Tornado Cash นั้นทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสมาชิกของชุมชน Crypto ซึ่งโต้แย้งว่าการจำกัดการใช้งานดังกล่าวนั้นละเมิดสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัว ในเดือนตุลาคม กลุ่มผู้สนับสนุนนโยบาย Crypto อย่าง Coin Center ได้ยื่นฟ้อง OFAC — ซึ่งเป็นการท้าทายอำนาจของหน่วยงานในการคว่ำบาตร Tornado Cash — Jerry Brito กรรมการบริหาร Coin Center บน Twitter เชื่อว่านี่อาจจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีได้
ไม่กระจายอำนาจอย่างที่คิด — การเซ็นเซอร์ Crypto เพิ่มสูงขึ้น
แม้ว่าองค์ประกอบบางอย่างของชุมชน Cryptocurrency จะถูกผลักดันกลับ แต่องค์ประกอบอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะ “เริ่มปฏิบัติตามไป” 51% ของการบล็อกธุรกรรม Ethereum นั้นเป็นไปตามข้อกำหนดของ OFAC กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ตัวตรวจสอบความถูกต้องของบล็อกเหล่านี้สามารถเซ็นเซอร์ธุรกรรม Ethereum ได้
แต่เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไรในเครือข่ายบล็อกเชนที่ควรป้องกันการเซ็นเซอร์ได้? การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ Ethereum จาก Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake ได้ทำให้เกิดกลุ่มเครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องของเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น เครื่องมือตรวจสอบจำนวนมากใช้ซอฟต์แวร์รีเลย์ Maximum Extractible Value (MEV) Boost เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้มากที่สุด
ในบรรดาผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รีเลย์ MEV-Boost 7 อันดับแรก ในปัจจุบัน 4 รายได้เซ็นเซอร์ธุรกรรมที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ OFAC ตัวตรวจสอบความถูกต้องของ Ethereum ที่ใช้ซอฟต์แวร์นี้เป็นตัวตรวจสอบในส่วนใหญ่ของเครือข่าย ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีคำเตือนในเรื่องการเปลี่ยนแปลง Ethereum ไปสู่ Proof-of-Stake ซึ่งได้เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเซ็นเซอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
องค์ประกอบอื่นๆ ในพื้นที่ Crypto ก็ดูเหมือนว่าจะถูกกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อการคว่ำบาตรของ OFAC ในเรื่อง Tornado Cash ทาง Circle Internet Financial ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ Stablecoin USDC ได้อายัดเงินจำนวน 75,000 ดอลลาร์ที่ถือโดยผู้ใช้งานที่เชื่อมโยงกับโปรโตคอลความเป็นส่วนตัวดังกล่าว ผู้เล่นรายใหญ่ในพื้นที่ DeFi ก็กำลังทำการปิดกั้นกระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับ Tornado Cash ตัวอย่างเช่น Uniswap และ Aave ทั้ง 2 แพลตฟอร์มได้บล็อกกระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับโปรโตคอล Tonado Cash ที่ถูกคว่ำบาตร
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ก่อให้เกิดความกังวลใจต่อผู้ที่หวังว่าระบบนิเวศ Crypto ที่เกิดขึ้นใหม่นี้จะต้านทานรัฐบาลได้ แต่ผู้ที่ต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวต่อ Crypto ของพวกเขานั้นยังคงมีตัวเลือกอื่นๆ อีกมากมาย
Privacy Coins จะเป็นทางออกหรือไม่?
”ตัวเลือก” คือการทำธุรกรรมโดยใช้เครือข่าย Cyptocurrency ที่สร้างขึ้นให้คำนึงถึงการไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ใช้งานโดยเฉพาะ Privacy Coins (เหรียญที่มีความเป็นส่วนตัว) ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในพื้นที่ Crypto ในขณะนี้คือ Monero
เครือข่าย Cryptocurrency แบบโอเพ่นซอร์สจะใช้เทคโนโลยีเพิ่มความเป็นส่วนตัวที่ช่วยปิดบังที่อยู่ที่ทำการซื้อขาย, จำนวนเงินที่ทำธุรกรรม, ประวัติการทำธุรกรรม, และยอดคงเหลือในบัญชี
มันแตกต่างจาก Bitcoin และ Ether ตรงที่เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบได้ว่าโทเค็น Monero แต่ละรายการอยู่ที่ไหนในอดีต ทำให้มันเป็นการเพิ่มการต่อต้านการเซ็นเซอร์อีกชั้นให้กับเครือข่าย ตัวอย่างเช่น พ่อค้าแม่ค้าที่รับชำระด้วย Bitcoin และ Ethereum สามารถปฏิเสธที่จะรับโทเค็นที่เคยอยู่ในที่อยู่ที่น่าสงสัยได้ เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นในเครือข่าย Monero เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเหรียญอยู่ที่ไหนในอดีต
ZCash ก็เป็น Privacy Coin ที่ใช้โปรโตคอลความปลอดภัย zk-SNARK ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมจะไม่เปิดเผยตัวตนโดยสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่า — เช่นเดียวกับ Monero — ประวัติการทำธุรกรรมของผู้ใช้งาน ZCash และยอดเงินปัจจุบันจะไม่สามารถตรวจสอบโดยผู้อื่นได้
อย่างไรก็ตาม Privacy Coins ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั้นไม่ได้ทำงานบนบล็อกเชนที่เปิดใช้งานสัญญาอัจฉริยะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นไรหากมันต้องการทำหน้าที่เป็น ”ตัวเลือก” แทน Bitcoin ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่มันก็จำกัดขอบเขตของมันเองในการเพิ่มอรรถประโยชน์ให้กับระบบนิเวศ DeFi
ในเรื่องนี้ มันเป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้ใช้งาน Cryptocurrency อาจจะยังต้องการทำธุรกรรมและโต้ตอบกับบล็อกเชนที่เปิดใช้งานสัญญาอัจฉริยะที่ไม่เน้นความเป็นส่วนตัว เช่น Ethereum แต่ด้วยการที่ Tornado Cash ตกภายใต้การโจมตีจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ผู้ใช้งานเหล่านี้มีตัวเลือกใดบ้างในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
มันยังมี “ตัวเลือก” อื่นๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถลองใช้งานแทน Tornado Cash ได้ นี่คือรายชื่อที่น่าสนใจ 8 อันดับแรก
”ตัวเลือก” ในการใช้งานแทน Tornado Cash
1. UniJoin
UniJoin เป็นบริการ Crypto Mixing ที่ระบุว่ามีเป้าหมายเพื่อ “ทำให้การเงิน Crypto ของคุณไม่สามารถตามรอยได้” แอปพลิเคชั่นนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ความเป็นนิรนามของ Crypto กลับคืนมา โดยการผสม Crypto ในกลุ่มกับผู้ใช้งานรายอื่นก่อนที่จะส่งคืนเหรียญที่ไม่สามารถติดตามได้ให้ เพื่อที่จะทำเช่นนั้น UniJoin ใช้เทคโนโลยี CoinJoin ซึ่งถูกระบุว่าให้คุณภาพสูงสุดและวิธีการผสมที่เหมาะสมที่สุด
บริการ Crypto Mixing เช่น UniJoin นั้นแตกต่างจากแอปพลิเคชั่นที่ใช้เทคโนโลยี zk-SNARK เพื่อบดบังการทำธุรกรรม ผู้ใช้งาน UniJoin มีแนวโน้มที่จะได้รับโทเค็นที่แตกต่างจากที่ฝากไว้ ซึ่งไม่เหมือนกับในกรณีของผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน zk-SNARK เนื่องจาก Tornado Cash เป็นบริการ Crypto Mixing บน Ethereum UniJoin จึงถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่สำคัญของ Tornado Cash สำหรับผู้ที่ต้องการปิดบังธุรกรรม Bitcoin
คุณสมบัติ
UniJoin อ้างว่าความเรียบง่ายในการใช้งานเป็นหนึ่งในจุดแข็งของแพลตฟอร์มและบริการ ผู้ใช้งานทำธุรกรรมของพวกเขาได้ภายในไม่กี่คลิก แพลตฟอร์มนี้ยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้
ผู้ใช้งานสามารถเก็บเหรียญ Crypto ที่ไม่สามารถติดตามได้ในกระเป๋าเงินหลังจากที่มันผสมกันแล้ว อีกทางหนึ่ง ผู้ใช้งานสามารถใช้แพลตฟอร์มเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และส่ง Crypto ให้ผู้อื่นได้ ผู้ใช้งานจะมีตัวเลือกในการกำหนดการธุรกรรมให้เกิดขึ้นโดยทำให้เกิดดีเลย์เพื่อเพิ่มความเป็นนิรนามของคุณ
UniJoin กล่าวว่าแพลตฟอร์มนี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในสถานที่ที่ Crypto ถูกแบนได้ บริการ Crypto Mixing อ้างว่าจะไม่บันทึกกิจกรรมของผู้ใช้งานเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปกปิดตัวตนอย่างสมบูรณ์ UniJoin นั้นรองรับ Tor (เครือข่าย)
ประโยชน์
- ใช้งานได้ง่าย
Unijoin เป็น Bitcoin Mixer ที่ใช้งานได้ง่าย 66% ของคำวิจารณ์บน Trustpilot ของ UniJoin นั้นให้คะแนน 5 ดาวเต็ม โดยมักจะพูดถึงความง่ายในการใช้งานและความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม
ในขณะเดียวกัน คำวิจารณ์ที่ไม่ดีจำนวนมากนั้นดูเหมือนจะมาจากผู้ใช้งานที่ถูกหลอกโดยเว็บไซต์ฟิชชิ่งปลอมที่แอบอ้างเป็น UniJoin คะแนนโดยรวมของแพลตฟอร์มบน Trustpilot คือ 3.8 เต็ม 5
- ฟังก์ชั่น
ในขณะที่ Tornado Cash ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมบล็อกเชนที่ไม่เปิดเผยตัวตน UniJoin มีฟังก์ชั่นอื่นๆ เพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานสามารถใช้ UniJoin เพื่อซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ได้โดยตรง
ข้อเสีย
- UniJoin เป็นแบบรวมศูนย์
Unijoin นั้นแตกต่างจาก Tornado Cash มันเป็นเหมือนตัวกลางของระบบรวมศูนย์ กลุ่ม Tornado Cash ส่วนใหญ่นั้นไม่เปลี่ยนรูปแบบ หมายความว่าไม่มีใครสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของมันได้ ในทางตรงกันข้าม UniJoin ทำงานไปตามดุลยพินิจของทีมพัฒนา
- UniJoin ดูแลทรัพย์สินของคุณ
ในระหว่างกระบวนการผสม Unijoin จะดูแลทรัพย์สิน Crypto ของคุณ ผู้ใช้งาน Tornado Cash ไม่เคยสูญเสียความสามารถในการดูแลทรัพย์สินของพวกเขา
- ตอนนี้รองรับเฉพาะ Bitcoin เท่านั้น
ในตอนนี้ UniJoin อนุญาตให้ผู้ใช้งานผสมธุรกรรม Bitcoin เท่านั้น พวกเขากล่าวว่าในไม่ช้าจะขยายขอบเขตเพื่อให้บริการ Ethereum, Litecoin และ Tether
2. Coinomize
Coinomize เป็น Bitcoin Mixer เช่นเดียวกับ UniJoin ใช้เทคโนโลยี CoinJoin เพื่อปกป้องผู้ใช้งานที่ไม่เปิดเผยตัวตนในขณะที่ทำธุรกรรมบน Bitcoin blockchain
คุณสมบัติ
Coinomize กล่าวอ้างบนเว็บไซต์ว่าการใช้แพลตฟอร์มนั้นจะเป็นไปแบบนิรนาม 100% เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เก็บบันทึกหรือข้อมูลใดๆ ของผู้ใช้งานหลังจากทำการผสม เช่นเดียวกับ UniJoin ผู้ใช้งาน Coinomize สามารถกำหนดค่าดีเลย์ในการทำธุรกรรมเพื่อเพิ่มความเป็นนิรนามได้
ผู้ใช้งาน Coinomize สามารถส่ง Crypto โดยไม่ระบุตัวตนไปยังที่อยู่ที่แตกต่างกันได้ถึง 5 แห่ง ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งค่าธรรมเนียมที่พวกเขาจ่ายได้ ผู้ใช้งานยังสามารถกำหนดระยะเวลาในการผสมได้อีกด้วย Coinomize กล่าวบนเว็บไซต์ว่าค่าธรรมเนียมที่มากขึ้นพร้อมทั้งเวลาผสมที่นานขึ้นจะช่วยเพิ่มความเป็นนิรนามให้มากขึ้น
ประโยชน์
- ใช้งานได้ง่าย ได้รับคะแนนสูง
เช่นเดียวกับ UniJoin Coinomize เป็นตัวเลือกที่ใช้งานแทน Tornado Cash ได้ง่าย เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอนง่ายๆ บนเว็บไซต์ Coinomize ผู้ใช้งานก็สามารถเริ่มผสม Bitcoin ได้ จากข้อมูลของ Trustpilot Coinomize ได้ 4.3 จาก 5 คะแนน ผู้ใช้งานยกย่องเรื่องบริการและการสนับสนุนที่ดีของเว็บไซต์ รวมถึงการออกแบบเว็บไซต์ที่ทันสมัย
ข้อเสีย
- จำนวนการทำธุรกรรมขั้นต่ำ
จำนวนเงินฝากขั้นต่ำในการใช้ Coinomize คือ 0.0015 BTC เท่ากับประมาณ 30 ดอลลาร์ของมูลค่าในเดือนตุลาคม 2022 ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่หากราคา Bitcoin พุ่งกลับไปสู่จุดสูงสุดตลอดกาล มันอาจจะพุ่งไปที่ 100 ดอลลาร์ ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหาก Coinomize ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวนเงินฝากขั้นต่ำ
- Bitcoin เท่านั้น
Coinomize ผสมได้เพียง Bitcoin เท่านั้นและไม่ได้มีเป้าหมายใดๆ ในการรองรับ Cryptocurrencies เพิ่มเติมในบริการผสม
- Coinomize เป็นแบบรวมศูนย์และดูแลสินทรัพย์ระหว่างการผสม
เช่นเดียวกับ UniJoin และแตกต่างจาก Tornado Cash คือ Coinomize เป็นผู้ให้บริการแบบรวมศูนย์และดูแล Crypto ของคุณในระหว่างกระบวนการผสม
- ขาดฟังก์ชั่น
Coinomize มีบริการที่เป็นพื้นฐานอย่างมาก มันผสม Bitcoins และส่งไปยังที่อยู่ใหม่ ซึ่งแตกต่างจาก UniJoin ตรงที่ไม่มีบริการอื่นๆ เช่น ความสามารถในการซื้อสินค้าออนไลน์โดยไม่เปิดเผยตัวตน
3. MixBTC
MixBTC เป็น Bitcoin Mixer หรือ Tumbler แอปพลิเคชั่นนี้อนุญาตให้ผู้ใช้งานปิดบังธุรกรรม Bitcoin ของพวกเขาได้ในลักษณะเดียวกับที่ Coinomize และ UniJoin ทำได้
คุณสมบัติ
MixBTC มียูสเซอร์อินเตอร์เฟซที่เรียบง่ายและใช้งานได้ง่าย ผู้ใช้งานเพียงป้อนที่อยู่กระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ต้องการส่ง Crypto ไปโดยไม่ระบุชื่อ ระบุค่าธรรมเนียมที่ต้องการชำระค่าบริการ และกำหนดค่าดีเลย์สำหรับการทำธุรกรรม เช่นเดียวกับบริการผสม Crypto Mixer อื่นๆ การเพิ่มค่าบริการและการหน่วงเวลาจะเพิ่มความเป็นนิรนามของธุรกรรม MixBTC อ้างว่าจะไม่เก็บบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งาน
ประโยชน์
- ใช้งานได้ง่าย
MixBTC นั้นใช้งานง่าย นั่นหมายความว่ามือใหม่จะพบว่ามันใช้งานได้ง่าย ปัจจุบัน MixBTC มีคะแนน 3.5 จาก 5 ใน Trustpilot
ข้อเสีย
- Bitcoin เท่านั้น
ตามชื่อที่บ่งบอก MixBTC โฟกัสไปที่การให้บริการผสม Bitcoin เท่านั้น นั่นหมายความว่ามันมีประโยชน์เพียงเล็กน้อยสำหรับผู้ใช้งาน Cryptocurrency อื่น ๆ
- MixBTC เป็นแบบรวมศูนย์
เช่นเดียวกับ UniJoin และ Coinomize MixBTC เป็นตัวกลางของระบบรวมศูนย์ มันทำงานตามดุลยพินิจของทีมพัฒนา
- MixBTC ดูแลทรัพย์สินของคุณ
ในระหว่างกระบวนการผสม MixBTC จะดูแลทรัพย์สิน Crypto ของคุณ ผู้ใช้งาน Tornado Cash ไม่เคยสูญเสียความสามารถในการดูแลทรัพย์สินของพวกเขา
4. zk.money
zk.money อธิบายว่าตัวเองเป็นแอปพลิเคชั่นความเป็นส่วนตัวเลเยอร์ 2 ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ Ethereum ปกป้องโทเค็นและปกป้องข้อมูลการทำธุรกรรมจากการตรวจสอบจากสาธารณะ ผู้สร้าง Aztec Blockchain ได้สร้าง zk.money เพื่อให้ทำงานบนเครือข่ายของตน
แอปพลิเคชั่นใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบ Zero-Knowledge Proof (zk-SNARK) เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถส่งการเข้ารหัสลับโดยไม่ระบุชื่อได้ นั่นหมายความว่าข้อมูลการทำธุรกรรมของผู้ใช้ยังคงเป็นส่วนตัว
คุณสมบัติ
ปัจจุบัน zk.money รองรับเพียง Cryptocurrency เพียง 2 ตัวเท่านั้น — ETH และ DAI เมื่อส่งผ่าน zk.money ผ่านเครือข่าย Aztec แพลตฟอร์มจะแปลง ETH และ DAI เป็น zkETH และ zkDAI จากนั้นผู้ใช้งานสามารถแปลงโทเค็นทั้งสองแบบ 1:1 กลับเป็น ETH และ DAI ปกติเมื่อต้องการกลับไปทำธุรกรรมบน Ethereum Blockchain
zk.money ให้บริการการรวม DeFi Yield แก่ผู้ใช้งาน ตามที่ระบุบนเว็บไซต์ของ zk.money สามารถลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมได้มากถึง 100 เท่า โดยใช้ Blockchain เลเยอร์ 2 ของ Aztec แทนที่จะดำเนินการโดยตรงบนเครือข่าย Ethereum
ประโยชน์
- สะดวกในการใช้
มันง่ายมากที่จะใช้ zk.money เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม Ethereum ส่วนตัว ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงหน้าเก่าของ zk.money ได้ที่นี่ ผู้ใช้งานมีตัวเลือกในการเข้าสู่ระบบและเริ่มปกป้องธุรกรรม ETH ทันที
- ไม่นำทรัพย์สินของคุณไปดูแล
เนื่องจากเป็นโปรโตคอลที่ทำงานบนบล็อกเชน zk.money จะไม่ดูแล Crypto ของคุณในขณะที่ใช้บริการ
ข้อเสีย
- ยังไม่กระจายอำนาจ…
ในปัจจุบัน Aztec Network เป็นตัวขับเคลื่อน zk.money อย่างไรก็ตาม zk.money กล่าวว่าผู้ให้บริการโรลอัพรายใหม่จะถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลังในปี 2022 ซึ่งจะทำให้แอปพลิเคชั่นมีการกระจายอำนาจมากขึ้นใน อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ หาก Aztec ยกเลิกการรองรับ zk.money จะหยุดทำงาน
ตรงกันข้ามกับ Tornado Cash ซึ่งเป็นเพียงชุดของสัญญาอัจฉริยะส่วนใหญ่ที่ไม่เปลี่ยนรูปแบบ ซึ่งจะทำงานอย่างไม่มีกำหนดบน Ethereum Blockchain และไม่สามารถปิดได้
- ถอนเงินช้า
ตามเว็บไซต์ของ zk.money โปรโตคอลจะสร้างการหมุนเวียนใหม่ (เทียบเท่าบล็อกเชนของ zk.money) ทุกๆ 4 ชั่วโมง แพลตฟอร์มการชำระเงินแบบไม่ระบุชื่อกล่าวว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการใช้บริการเพิ่มขึ้น ผู้ใช้งานสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการธุรกรรมได้รวดเร็วยิ่งขึ้นได้
- ขีดจำกัดการทำธุรกรรมขั้นต่ำ
ขณะนี้ผู้ใช้งานไม่สามารถส่งธุรกรรมที่มีการป้องกันมากกว่า 100,000 ดอลาร์ได้ สำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ของแพลตฟอร์ม สิ่งนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก ในขณะเดียวกัน ETH ขั้นต่ำที่สามารถป้องกันได้โดยใช้แพลตฟอร์มคือ 0.01 ซึ่งประมาณ 13 ดอลลาร์จากราคาในเดือนตุลาคม 2022
- การเซ็นเซอร์?
ย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคม FTX กระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งรายงานว่าบัญชีของผู้ใช้งานถูกระงับหลังจากที่พวกเขาส่งเงินไปที่ zk.money FTX ได้แปะป้าย Aztec Network ว่า zk.money สร้างขึ้นจากบริการที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งถูกห้ามในเงื่อนไขการให้บริการ ผู้ใช้งาน zk.money ดูเหมือนจะเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเซ็นเซอร์/การปิดบัญชีที่อื่นภายในพื้นที่ Crypto หากพวกเขาเชื่อมโยงกับบริการ
- รองรับ Crypto จำกัด
ตามที่ระบุไว้ข้างต้น zk.money อนุญาตให้ผู้ใช้งานป้องกันการชำระเงินใน ETH และ DAI ได้เท่านั้น เนื่องจากบริการนี้ทำงานบนเลเยอร์ 2 ของ Ethereum Blockchain
5. 0xMonero
0xMonero เป็นโทเค็น ERC-20 แบบหลายเชนที่เน้นความเป็นส่วนตัว, ขุดได้, และสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum ซึ่ง Monero เวอร์ชั่นที่ทำงาน Ethereum เปิดตัวในปี 2020 เนื่องจากมันทำงานบน Ethereum Blockchain จึงเข้ากันได้กับระบบนิเวศ DApps และกระเป๋าเงินขนาดใหญ่ของ Ethereum ผู้สร้าง 0xMonero เป็นการผสมผสานระหว่างผู้ก่อตั้งและนักลงทุน Monero
คุณสมบัติ
ผู้สร้าง 0xMonero ได้สร้างทางเลือกบน Ethereum เพื่อเอาชนะปัญหาต่างๆ ที่พวกเขาถือว่าเป็นการปิดกั้นเส้นทางของ Monero ไปสู่การยอมรับกระแสหลัก ซึ่งรวมไปถึงความยากลำบากในการใช้งาน/ซื้อขาย Monero, อุปทานของเหรียญที่มีไม่สิ้นสุด, การถอนรายชื่อเหรียญในกระดานเทรดใหญ่ๆ และการขาดฟังก์ชันสัญญาอัจฉริยะของเหรียญ
ผู้สร้าง 0xMonero กล่าวว่าการวนซ้ำของเหรียญใหม่ที่ทำงาน Ethereum ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้มากมาย ปริมาณรวมของ 0xMR ถูกจำกัดไว้ที่ 18.4 ล้าน ทีมงาน 0xMR กล่าวว่ากระเป๋าเงินของตนนั้นใช้งานง่าย, Cryptocurrency นั้นง่ายต่อการขุด, ปรับขนาดได้มากกว่ามาก, เข้ากันได้กับสัญญาอัจฉริยะและไม่สามารถแบนหรือเพิกถอนได้
0xMonero เพิ่งเปิดตัวโทเค็นบริดจ์และ Crypto Mixer 0xTIP ทำงานเป็นบอท Telegram และอนุญาตให้ผู้ใช้งานย้ายการถือครอง 0xMR ของพวกเขาบน Ethereum Blockchain ไปยังที่อยู่อื่นๆ บนเชน BNB แบบไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
ประโยชน์
- ง่ายต่อการซื้อและใช้งาน
ใครก็ตามที่ใช้งานเครือข่าย Ethereum อยู่แล้วสามารถครอบครองและทำธุรกรรมได้อย่างง่ายดายโดยใช้โทเค็น 0xMR หลายคนคิดว่าสิ่งนี้ทำให้โทเค็นใช้งานและแลกเปลี่ยนได้ง่ายกว่า Monero ซึ่งยากที่จะซื้อและแลกเปลี่ยนในกระดานเทรดจำนวนมาก
- 0xMR ไม่สามารถถือเป็นหลักทรัพย์ได้
เนื่องจาก 0xMR เปิดตัวตามปกติ (กล่าวคือ ไม่มีการขุดล่วงหน้าสำหรับนักลงทุนในช่วงเริ่มต้น) ก.ล.ต. จึงไม่สามารถกล่าวว่ามันเป็นหลักทรัพย์ได้
- 0xMR เป็นแบบกระจายอำนาจ
0xMR เป็นสัญญาอัจฉริยะที่ไม่เปลี่ยนรูปแบบซึ่งทำงานบนเครือข่าย Ethereum และได้รับการจัดการโดยชุมชนที่กระจายอำนาจ ไม่มีบริษัทหรือมูลนิธิใดที่สามารถตกเป็นเป้าหมายเพื่อขัดขวางการดำเนินงานได้
- ไม่มี 0xMR แจกจ่ายล่วงหน้า
สำหรับนักลงทุน ข้อเท็จจริงที่ว่า 0xMR เปิดตัวโดยไม่มีการจัดสรรโทเค็นให้กับนักลงทุนก่อนเผยแพร่ควรเป็นตัวกระตุ้นความมั่นใจ เป็นที่ทราบกันดีว่า นักลงทุน Crypto ในช่วงก่อนเปิดตัว มักจะขายโทเค็นของพวกเขาทิ้งเมื่อพวกเขาไปถึงเป้าหมายราคาที่กำหนด ทำให้เกิดตลาดหมีอย่างรวดเร็วใน Cryptocurrency ใหม่จำนวนมาก
- ไม่นำทรัพย์สินของคุณไปดูแล
เมื่อทำธุรกรรมกับ 0xMR เพื่อรักษาความเป็นนิรนาม คุณไม่จำเป็นต้องให้สิทธิ์ในการดูแลสินทรัพย์ Crypto ของคุณ
ข้อเสีย
- ผู้ใช้งานจะต้องแลกเปลี่ยนโทเค็น 0xMR หากต้องการความเป็นส่วนตัว
ผู้ใช้งาน Cryptocurrency จำนวนมากต้องการแลกเปลี่ยนและทำธุรกรรมในเหรียญหลักและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางที่สุด เช่น Bitcoin และ Ethereum ผู้ใช้งาน Cryptocurrency ไม่มากนักที่รู้จัก 0xMR ในขณะนี้ และอาจจะต้องการใช้ Crypto Mixers ตัวอื่นตามรายการด้านบน
6. Cyclone Protocol
จากข้อมูลของ GitHub Cyclone Protocol เป็นโปรโตคอลการรักษาความเป็นส่วนตัวสากลแบบข้ามเชน ซึ่งไม่ดูแลสินทรัพย์ให้ โปรโตคอลใช้การเข้ารหัส zk-SNARK เพื่อทำลายการเชื่อมโยงระหว่างที่อยู่ของผู้ฝากและผู้รับ
คุณสมบัติ
โค้ดของ Cyclone นั้นส่วนใหญ่มาจาก Tornado Cash โปรโตคอลนี้เปิดตัวครั้งแรกบนบล็อคเชน IoTeX แต่ตอนนี้ มันยังมีกลุ่มสัญญาอัจฉริยะที่ทำงานบน Ethereum, BNB Chain และบล็อกเชนที่เข้ากันได้กับ Ethereum Virtual Machine (EVM) อีก 2-3 ตัว เช่นเดียวกับ Tornado Cash ตลอดกระบวนการของการใช้ Cyclone Protocol เพื่อปิดบังธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล ผู้ใช้งานจะไม่ต้องละทิ้งการดูแลสกุลเงินดิจิทัลของตน
ประโยชน์
- คล้ายกับ Tornado Cash
Cyclone Protocol เป็นสัญญาอัจฉริยะที่ทำงานคล้ายกับ Tornado Cash สำหรับผู้ใช้งาน Tornado Cash ที่ค้นหาตัวเลือกที่คล้ายคลึงกันซึ่งมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาก Cyclone Protocol อาจจะป็นตัวเลือกที่ดี
- ฟังก์ชั่นข้ามเชน
Cyclone Protocol ต่างจาก Tornado Cash ตรงที่มีฟังก์ชั่นการทำงานข้ามเชนในตัวและทำงานข้ามบล็อกเชนหลักหลายตัว
- การกระจายอำนาจการปกครอง
Cyclone Protocol แตกต่างจาก Crypto Mixer เช่น UniJoin และ Coinomize โปรโตคอล Cyclone ถูกควบคุมโดย Decentralized Autonomous Organization (DAO) ซึ่งหมายความว่ามีการกระจายอำนาจ DAO ของ Cyclone อยู่บนบล็อกเชน IoTeX
- กระบวนการที่ไม่ต้องมอบสิทธิ์ดูแลให้
การใช้ Cyclone Protocol เพื่อทำธุรกรรม Crypto นิรนาม ผู้ใช้ไม่ต้องมอบสิทธิ์ในการดูแลสกุลเงินดิจิทัลของตนให้กับแพลตฟอร์ม
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงของการเป็นโปรโตคอลใหม่
ในขณะที่ Cyclone Protocol สร้างขึ้นโดยใช้โค้ดที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว เว็บไซต์ของโปรโตคอลมักจะเตือนผู้ใช้งานว่ามันยังคงเป็นซอฟต์แวร์ทดลอง และผู้ใช้งานควรใช้โปรโตคอลโดยยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเองเอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง Cyclone Protocol ไม่สามารถรับประกันกับผู้ใช้งานว่าโค้ดที่อยู่เบื้องหลังสัญญาอัจฉริยะจะทำงานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้งาน 1) ถูกขโมยเงินไปโดยแฮกเกอร์ หรือ 2) เงินไม่สามารถกู้คืนได้
7. Messier 87
Messier 87 เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Crypto/DeFi บนบล็อกเชนหลักหลายตัว เป้าหมายที่ระบุไว้คือ “การนำ DeFi ไปใช้ต่อสาธารณะโดยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจที่หลากหลายซึ่งมอบเครื่องมือที่จำเป็นให้กับผู้บริโภคและธุรกิจในการแทนที่สกุลเงิน Fiat ด้วย Cryptocurrency”
Messier ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า “Horizon” ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินแบบนิรนามแบบกระจายอำนาจ ในรูปแบบปัจจุบันจะใช้ Codebase ของ Tornado Cash และใช้เทคโนโลยี zk.SNARK เหมือนกัน เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นผ่านแอปจะได้รับการป้องกัน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ล่าสุดที่มีการคว่ำบาตร Tornado Cash นั้น Messier 87 ได้ตัดสินใจที่จะสร้าง Horizon ขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้น มันจึงไม่ได้อิงตามโค้ดของ Tornado Cash อีกต่อไป เมื่อมีการปล่อยแอปพลิเคชั่นใหม่อีกครั้ง มันมีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและมีความเสี่ยงสูงบนแพลตฟอร์มได้ดียิ่งขึ้น
คุณสมบัติ
แอปพลิเคชั่น Horizon ของ Messier 87 อนุญาตให้ผู้ใช้งานส่งสกุลเงินดิจิทัลให้กันได้ในลักษณะที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะเหมือนกับธุรกรรมบล็อกเชนทั่วไป บริษัทกล่าวว่าเมื่อเปิดตัวแอปเวอร์ชั่น Ethereum มันจะรองรับ ETH, USDC, M87, SHIB, Verse, Hex และ Cult เมื่อเวลาผ่านไป การสนับสนุนโทเค็นจะขยายขอบเขตออกไปอีก
ประโยชน์
- มีโอกาสน้อยที่จะถูกเซ็นเซอร์เหมือน Tornado Cash
ด้วยขั้นตอนที่ Messier 87 ดำเนินการเพื่อสร้างแอปพลิเคชั่นการชำระเงิน Horizon ที่ไม่ระบุชื่อขึ้นใหม่ ซึ่งช่วยให้สามารถป้องกันกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยผู้บังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย แอปพลิเคชั่นนี้มีโอกาสน้อยที่จะถูกเซ็นเซอร์ ดั่งเช่นที่เกิดขึ้นกับ Tornado Cash
- ฟังก์ชั่นมัลติเชน
ด้วย Horizon เวอร์ชั่นที่กำลังจะเปิดตัวใหม่บนบล็อกเชนหลายๆ ตัว มันควรจะช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งานให้มากกว่า Tornado Cash ที่ทำงานบน Ethereum เพียงอย่างเดียว
- กระบวนการที่ไม่ต้องมอบสิทธิ์ดูแลให้
แอปพลิเคชั่น Horizon ของ Messier 87 เป็นบล็อกเชนที่อิงตามสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องให้สิทธิ์การดูแล Cryptocurrency
ข้อเสีย
- ผู้ใช้งานอาจจะถูกล่วงละเมิดจากรัฐบาล
Messier 87 กล่าวว่า Horizon เวอร์ชั่นใหม่จะจัดเก็บบันทึกการทำธุรกรรมหากแอปพลิเคชั่นได้รับหมายเรียกหรือหมายจับจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดูธุรกรรมเฉพาะหรือบันทึกการทำธุรกรรมของแต่ละบุคคล มันเปิดโอกาสที่รัฐบาลที่ต้องการทำเรื่องที่ไม่ดีสามารถกดดัน Messier 87 ให้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานด้วยเหตุผลที่ผิดๆ ได้ ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการไม่เปิดเผยตัวตนอย่างแท้จริงอาจจะถูกขัดขวางจากการใช้ Horizon เวอร์ชั่นที่จะมาถึงด้วยเหตุนี้
8. Spinner
Spinner เป็นสัญญาอัจฉริยะที่เน้นความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมซึ่งทำงานบนบล็อกเชนของคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต ผู้ใช้งานสามารถใช้โปรโตคอลเพื่อปิดบังธุรกรรมของโทเค็นใดๆ ที่สามารถแลกเปลี่ยนได้บนบล็อกเชนของคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต เวอร์ชั่นเบต้านั้นยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาบน Bitcoin Testnet เช่นเดียวกับ Tornado Cash Spinner ใช้ Zero-Knowledge Proof หรือเทคโนโลยี zk-SNARK
คุณสมบัติ
จากแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานในแอปพลิเคชั่นที่ใช้เทคโนโลยี zk-SNARK Spinner จะสร้างบันทึกส่วนตัวให้กับผู้ใช้งานทุกครั้งที่ฝากเงินเข้าไปในสัญญาอัจฉริยะของ Spinner บันทึกส่วนตัวนี้สามารถใช้ถอนเงินไปยังกระเป๋าเงินอื่นๆ ได้ Spinner ไม่เก็บบันทึกที่อยู่กระเป๋าเงิน, บัญชีผู้ใช้งาน, หรือจำนวนเงินฝาก ทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่มีการเปิดเผยตัวตนทั้งหมด
ดีไซน์ของสัญญาอัจฉริยะนั้นจะทำให้มันสามารถจัดการธุรกรรม Bitcoin แบบส่วนตัวได้โดยตรงบนบล็อกเชนของ Bitcoin โดยไม่ต้องสร้างสะพาน นั่นเป็นเพราะแอปพลิเคชั่นบนคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตจะมีความสามารถในการโต้ตอบโดยตรงกับบล็อกเชนของ Bitcoin มันจะสามารถสร้างที่อยู่ Bitcoin ใหม่และใช้ที่อยู่เหล่านี้เพื่อส่ง/รับ Bitcoins ได้โดยตรง ปัจจุบัน สัญญาอัจฉริยะของ Spinner ใช้งานได้กับโทเค็น ICP ดั้งเดิมของคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตเท่านั้น
ประโยชน์
- การกระจายอำนาจ
เมื่อสัญญาอัจฉริยะของ Spinner ถูกทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันจะไม่สามารถปิดหรือแก้ไขได้ เว้นแต่ว่าบล็อกเชนของคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตจะปิดตัวลง Bitcoin เป็นเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลที่มีการกระจายอำนาจเพียงพอ ซึ่งดูเหมือนว่าธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับสัญญาอัจฉริยะของ Spinner ไม่น่าจะถูกเซ็นเซอร์ได้ โปรโตคอลนี้จะถูกควบคุมโดย DAO ในไม่ช้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มการกระจายอำนาจต่อไป
- อาจจะดีกว่า Bitcoin Mixers
Spinner ยังไม่ได้เปิดตัวรองรับการทำธุรกรรม Bitcoin แบบนิรนาม แต่สมมติว่ามันประสบความสำเร็จในการสร้างแอปพลิเคชั่นที่เข้ากันได้กับ Bitcoin บนบล็อคเชนของคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต นี่อาจจะเป็นวิธีที่ดีกว่ามากสำหรับผู้ใช้งานในการปิดบังธุรกรรมมากกว่าบริการ Crypto Mixing แบบดั้งเดิม
- กระบวนการที่ไม่ต้องมอบสิทธิ์ดูแลให้
เช่นเดียวกับโปรโตคอลความเป็นส่วนตัวของธุรกรรม Crypto ที่อิงตามสัญญาอัจฉริยะอื่นๆ ผู้ใช้งานจะไม่ต้องมอบสิทธิ์การดูแลของสกุลเงินดิจิทัลให้ในขณะที่ใช้ Spinner
ข้อเสีย
- ยังอยู่ในช่วงเบต้า
Spinner ยังอยู่ในช่วงเบต้า ผู้ใช้งานจึงควรฝากเงินเพียงที่สามารถจะสูญเสียได้ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่ไม่คาดฝัน
- รองรับเฉพาะ ICP เท่านั้นในตอนนี้
สำหรับตอนนี้ เนื่องจากแอปพลิเคชั่นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา ผู้ใช้งานจึงสามารถใช้แอปพลิเคชั่นนี้เพื่อปิดบังธุรกรรม ICP ได้เท่านั้น นี่คือโทเค็นดั้งเดิมของบล็อคเชนคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต แต่เมื่อแอปพลิเคชั่นเริ่มรองรับ Bitcoin มันก็อาจจะกลายเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่เป็นที่ต้องการสำหรับการปิดบังธุรกรรม BTC
เปรียบเทียบ ”ตัวเลือก” ในการใช้งานแทน Tornado Cash
แล้ว… ”ตัวเลือก” ไหนดีที่สุด?
สำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาตัวเลือกแทน Tornado Cash ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการใช้แพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี zk-SNARK ที่ทำงานบน/หรืออย่างน้อยก็ผสานรวมเข้ากับ/เข้ากันได้กับเครือข่าย Ethereum zk.money และ Cyclone Protocol เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกรณีนี้ แอปพลิเคชั่นทั้ง 2 ตัวสามารถใช้เพื่อปิดบังธุรกรรม ETH และธุรกรรมของโทเค็นอื่นๆ ที่ทำงานบนเครือข่าย Ethereum ได้
สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวเมื่อทำธุรกรรม Bitcoin Tornado Cash นั้นไม่เคยเป็นประโยชน์ตั้งแต่แรกแล้ว ผู้ใช้งานจะต้องพึ่งพา Bitcoin Mixers/Tumblers ต่อไปก่อน อย่างไรก็ตาม สัญญาอัจฉริยะ zk-SNARK ที่ทำงานบนบล็อกเชนบนอินเทอร์เน็ตของ Spinner ที่กำลังจะเปิดตัวซึ่งมีความสามารถในการโต้ตอบโดยตรงกับบล็อกเชนของ Bitcoin ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีก็ได้
คำถามที่พบบ่อย
Tornado Cash ถูกกฎหมายหรือไม่?
ทำไม Tornado Crash ถึงถูกคว่ำบาตร?
Tornado Cash สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้หรือไม่?
Torn คืออะไร?
Bitcoin Mixers คืออะไร?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์