Digital Identity คืออะไร? มันอาจจะเป็นหนึ่งในคำฮิตที่คุณมักจะได้เจอ ในปัจจุบันความพยายามในการสร้างตัวตนในโลกดิจิทัลที่จำลองตัวตนในชีวิตจริงของบุคคลได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม คำว่า “Digital Identity” อาจจะสร้างความสับสนบ้างในบางครั้ง เนื่องจากมัน(ยัง)ไม่มีคำจำกัดเป็นความมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น คำจำกัดความที่กำหนดโดย National Institutes of Standards and Technology (NIST), World Economic Forum (WEF), และ World Bank นั้นมีคำกำจัดความที่แตกต่างกันออกไป และนั่นแค่เพียง 3 รายเท่านั้น เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ คุณจะเห็นหน่วยงานและบุคคลต่างๆ ที่เสนอคำจำกัดความที่แตกต่างกันไป แม้ว่าทั้งหมดนั้นจะมีความคล้ายคลึงกันในระดับพื้นฐานก็ตาม
บทความนี้จะครอบคลุมคำจำกัดความที่แตกต่างกันทั้งหมดเหล่านี้เพื่อให้คุณได้เห็นภาพรวมโดยทั่วไปว่า Digital Identity คืออะไร? และมันทำงานอย่างไร?
Digital Identity คืออะไร?
Digital Identity บางครั้งก็สามารถใช้คำว่า Digital Identification หรือ Digital ID แทนกันได้ ซึ่งไม่ใช่คอนเซปต์ใหม่แต่อย่างใด มันมีมานานกว่า 3 ทศวรรษ นับตั้งแต่ยุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม มันกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลังด้วยการแปลงธุรกรรมและการดำเนินงานในโลกแห่งความเป็นจริงให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น
แม้ว่าเราจะยังไม่มีคำจำกัดความมาตรฐานของคำว่า Digital Identity คำจำกัดความเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับแนวคิดพื้นฐานต่อไปนี้:
คำจำกัดความของคำว่า Digital Identity
Digital Identity เป็นการบ่งบอกว่าบุคคลนั้นถูกนำเสนอและแสดงตัวแบบดิจิทัลในโลกออนไลน์อย่างไร มันเป็นการรับรองตัวตนแบบดิจิทัลและคอลเล็กชั่นของคุณลักษณะที่จัดเก็บไว้ซึ่งเชื่อมโยงกับบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้อย่างไม่ซ้ำกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ Digital Identity (ข้อมูลประจำตัวในรูปแบบดิจิทัล) ของคุณก็คือหลักฐานที่กำหนดว่าคุณเป็นใครเมื่อคุณร้องขอการเข้าถึงบริการออนไลน์ใดๆ หรือทำธุรกรรม/การดำเนินการทางดิจิทัลใดๆ ที่จำเป็นต้องมีหลักฐานยืนยันตัวตนที่ถูกต้อง
เช่นเดียวกับการพิสูจน์ตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริง Digital Identity นั้นมีคุณลักษณะที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งได้แก่:
- Digital ID จะต้องเป็นส่วนบุคคลและไม่สามารถถ่ายโอนได้ นั่นหมายความว่า จะมีเฉพาะบุคคลที่เป็นเจ้าของเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าถึงและใช้งานได้
- สามารถใช้ซ้ำได้ ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณได้รับ Digital ID แล้ว คุณจะสามารถใช้และนำมันกลับมาใช้ใหม่ได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ
- สะดวกสบาย คุณจึงสามารถเข้าถึงและใช้งานมันได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคใดๆ
- Digital ID จะเติมเต็มวัตถุประสงค์ที่มันตั้งใจไว้โดยการอนุญาตให้ดำเนินการการกระทำตามที่ระบุได้
มันจะมีสิ่งที่สามารถระบุตัวตนที่แตกต่างกันหลายตัวที่สามารถใช้สร้าง Digital Identity ได้ ซึ่งรวมถึง:
- ชื่อ วันเดือนปีเกิด และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ
- ข้อมูลประจำตัวที่ใช้เพื่อเข้าถึงบริการออนไลน์ที่เฉพาะเจาะจง
- ที่อยู่อีเมล
- หมายเลขหนังสือเดินทาง
- หมายเลขประกันสังคม
- พฤติกรรมการท่องเว็บและกิจกรรมการค้นหาออนไลน์
- การช้อปปิ้งออนไลน์และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
Digital Identity ในประเภทต่างๆ
ดังที่เราได้กล่าวไปก่อนแล้วในส่วนก่อนหน้านี้ การระบุคำจำกัดความที่เชื่อถือได้ของ Digital Identity ไม่ใช่เรื่องง่าย ในกรณีส่วนใหญ่ องค์ประกอบที่รวมกันไว้เพื่อสร้าง Digital ID นั้นมีความเฉพาะเจาะจงตามบริบทเป็นอย่างมาก และอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร ด้วยเหตุนี้ การจัดหมวดหมู่ Digital Identity ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนจึงกลายเป็นงานที่ท้าทายไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ มันยังมีการกำหนดองค์ประกอบบางอย่างใน Digital Identity (ข้อมูลประจำตัวในรูปแบบดิจิทัล) ของบุคคล (เช่น หมายเลขหนังสือเดินทาง) และบางส่วนก็สร้างขึ้นโดยเจ้าของเอง (เช่น บัญชีอีเมลและโปรไฟล์โซเชียลมีเดีย)
กล่าวก็คือ คุณสามารถแบ่งการตีความ Digital ID ที่พบบ่อยที่สุดออกเป็น 4 ประเภทดังต่อไปนี้
1) Digital ID ในฐานะข้อมูลประจำตัว
นี่คือประเภทของ Digital ID ที่มีข้อมูลเฉพาะที่คุณสามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของคุณได้ ตัวอย่างโดยทั่วไป ได้แก่ เอกสารที่ทางราชการออกให้ เช่น สูติบัตร หมายเลขประกันสังคม ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง และอื่นๆ Email ID ของคุณก็อาจจะเหมาะกับหมวดหมู่นี้ด้วย ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
2) Digital ID ในฐานะผู้ใช้งาน
Digital Identity ในเวอร์ชั่นนี้จะสอดคล้องกับการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในโลกดิจิทัลของคุณ ในกรณีส่วนใหญ่ คู่สัญญาที่คุณโต้ตอบทางออนไลน์ — ร่วมกับบุคคลที่สามใดๆ ที่คุณได้ให้การอนุญาตไป — สามารถรวบรวมข้อมูลนี้ได้และใช้เพื่อกำหนดข้อมูลประจำตัวให้กับคุณ (ซึ่งมักจะใช้เป็นการภายใน)
องค์ประกอบซึ่งประกอบขึ้นเป็นข้อมูลประจำตัวนี้อาจจะรวมไปถึง ความชอบ นิสัย และลำดับความสำคัญของคุณ ตัวอย่างเช่น นิสัยการท่องเว็บ เว็บไซต์โปรด การซื้อออนไลน์ การสัมมนาผ่านเว็บที่คุณเข้าร่วม และอื่นๆ
3) Digital ID ในฐานะบุคคล
นี่คือประเภทของ Digital Identity ที่บุคคลสร้างขึ้นเพื่อใช้ระบุตัวตนของตนเองบนโลกออนไลน์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มันเป็นรูปแบบในการแสดงภาพของตนเองผ่านการกระทำต่างๆ เช่น การอธิบายตัวตนของตนเอง การแสดงความคิดเห็น การโต้ตอบกับเพื่อนผู้ใช้งาน และกิจกรรมอื่นๆ
องค์ประกอบที่พบบ่อยที่สุดที่ประกอบเป็นหมวดหมู่นี้ ได้แก่ โปรไฟล์บนโซเชียลมีเดีย โปรไฟล์ในแอพหาคู่ และโปรไฟล์ใน Metaverse
4) Digital ID ในฐานะชื่อเสียง
ข้อมูลประจำตัวประเภทนี้จะถูกรวบรวมโดยหน่วยงานที่มีชื่อเสียงและได้รับอนุญาตแล้ว และมันจะมีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของบุคคลหรือบันทึกการติดตามในพื้นที่เฉพาะ องค์ประกอบที่สร้างตัวตนประเภทนี้มักจะมีอิทธิพลต่อสิ่งต่างๆ เช่น การจ้างงานหรือโอกาสทางการเงิน ตัวอย่างโดยทั่วไป ได้แก่ ประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา เครดิตทางการเงิน และประวัติอาชญากรรม
เหตุใด Digital Identity จึงมีความสำคัญ?
ด้วยการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นในเกือบทุกด้านของชีวิต มันถึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะเปลี่ยนข้อมูลประจำตัวทางกฎหมายของเราให้อยู่ในระบบดิจิทัล ประโยชน์ของมันมีอยู่มากมาย โดยเริ่มจากข้อเท็จจริงที่ว่ากระบวนการกำหนด Digital Identity ให้กับแต่ละบุคคลนั้นเป็นกระบวนการที่ง่าย ปลอดภัย และรวดเร็ว
ID เหล่านี้ไม่เพียงแต่สามารถใช้เพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึงบริการออนไลน์ในวงกว้าง แต่ Digital ID ยังทำให้การแบ่งปันและส่งข้อมูลเป้าหมายง่ายขึ้นมาก
ประโยชน์อื่นๆ ของการเปลี่ยนไปใช้ Digital Identity ได้แก่:
- พื้นฐานประการหนึ่งของการมีตัวตนในโลกดิจิทัลก็คือ ตัวตนดังกล่าวจะปกป้องข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ทั้งหมดของคุณในโฟลเดอร์ที่มีการจัดระเบียบอย่างดี ซึ่งมักจะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- Digital ID ช่วยลดค่าใช้จ่ายและความต้องการด้านกฎระเบียบเป็นอย่างมาก มันจะช่วยให้ธุรกิจลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและปัญหาในการดำเนินคดีได้
- ด้วยการใช้งานเฟรมเวิร์กการจัดการ Digital ID ที่เหมาะสม ธุรกิจต่างๆ จะสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีได้อย่างมาก
- จำนวน Touchpoint (จุดที่ลูกค้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณผ่านการสื่อสารหรือสื่อรูปแบบต่างๆ) ที่ลดลงและการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
- และสุดท้าย Digital Identity ทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดได้ในที่เดียว
Digital ID และ ความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
แม้ว่ามันจะมีประโยชน์อยู่มากมาย แต่ขอบเขตของ Digital Identity นั้นไม่ได้มีแต่เรื่องที่ดีและสวยงามเท่านั้น มันมีข้อเสียอยู่บางประการ เช่น ความเป็นไปได้ในการถูกขโมยข้อมูลประจำตัวและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในทางที่ผิด
การสร้าง Digital Identity มักจะต้องการรายละเอียดที่แท้จริงเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของบุคคล อันที่จริง Digital Identity อาศัยการจัดเก็บและการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล ไบโอเมตริกซ์ เป็นต้น นั่นเป็นสาเหตุที่การรั่วไหลใดๆ การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนดังกล่าวอย่างผิดจรรยาบรรณอาจจะนำไปสู่ปัญหาความเป็นส่วนตัวที่ร้ายแรง
ข้อเสียอื่นๆ ของข้อมูลประจำตัวในแบบดิจิทัล
นอกเหนือจากช่องโหว่ในเรื่องปัญหาความเป็นส่วนตัวที่เกิดขึ้นจากการละเมิดข้อมูล ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกสองสามประการ ซึ่งรวมถึงแนวทางปัจจุบันในการสร้างและจัดการ Digital Identity ข้อเสียเหล่านี้ก็คือ:
Digital ID นั้นไม่ครอบจักรวาล
ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ คำจำกัดความของ Digital ID ที่แตกต่างกันจะทำงานในบริบทที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถใช้ข้อมูลประจำตัวของคุณในฐานะผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อถอนเงินจากบัญชีธนาคารของคุณหรือเพื่อยื่นขอวีซ่าได้ ในทำนองเดียวกันข้อมูลที่เป็นข้อมูลประจำตัวจริง เช่น หมายเลขหนังสือเดินทางของคุณจะไม่สามารถยืนยันดับผู้ว่าจ้างงานได้อย่างอัตโนมัติว่าคุณเป็นผู้สมัครงานที่เหมาะสม
ขอบเขตการใช้ในทางที่ผิดและการตีความผิด
Digital ID บางประเภทอาจจะมีความถูกต้องตามข้อเท็จจริง แต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสื่อสารข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเรื่องชื่อเสียง ประวัติ หรือความชอบของแต่ละบุคคล ข้อจำกัดนี้จะมองเห็นได้ชัดเจนในกรณีที่มันเป็นข้อมูลในประเภทข้อมูลประจำตัว
ในทำนองเดียวกัน ในหลายๆ กรณี โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดียหรือแอพหาคู่ ข้อมูลประจำตัวดิจิทัลของบุคคลนั้นอาจจะไม่แสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเลย
วิธีที่จะช่วยปกป้องข้อมูลประจำตัวดิจิทัลของคุณ
ต่อไปนี้คือขั้นตอนพื้นฐานบางประการที่คุณสามารถใช้เพื่อปกป้องข้อมูลประจำตัวดิจิทัลของคุณในทางฝั่งของคุณได้
- เริ่มต้นด้วยการจำกัดคนที่คุณสามารถแชร์รายละเอียดส่วนตัวให้ได้ ให้แชร์รายละเอียดที่ละเอียดอ่อนดังกล่าวเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น
- หากคุณเป็นเหมือนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ มันมีโอกาสสูงที่คุณจะใช้บัญชีต่างๆ บนโลกออนไลน์สำหรับโซเชียลมีเดีย การธนาคาร การซื้อของออนไลน์ ฯลฯ เป็นประจำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีรหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ซ้ำกันสำหรับบัญชีออนไลน์แต่ละบัญชีที่คุณมี บัญชีอีเมล โปรไฟล์โซเชียลมีเดียของคุณ หรืออื่นๆ
- อยู่ให้ห่างจากเว็บไซต์ที่ไม่มีการป้องกัน ให้เข้าใช้งานเฉพาะหน้าเว็บที่ปลอดภัยที่มี SSL certificates ในขณะที่แชร์ข้อมูลทางการเงินหรือรายละเอียดที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ และหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้จักหรือน่าสงสัย
- เมื่อใดก็ตามที่คุณติดตั้งแอพใหม่หรือสมัครใช้บริการใหม่ อย่าลืมตรวจสอบ “การอนุญาต” และนโยบายความเป็นส่วนตัว อย่าเพิ่งกด “ยอมรับ” หรือ “อนุญาต” โดยไม่อ่านรายละเอียดปลีกย่อยเสียก่อน
- ห้ามใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะและไม่มีการป้องกัน นี่เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ถ่ายทอดข้อมูลส่วนตัวใดๆ ที่คุณไม่ต้องการตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
- อัพเดตระบบปฏิบัติการของคุณเป็นประจำ และอย่าละเลยการอัพเดตความปลอดภัยใหม่ๆ อยู่เสมอ
เราพึ่งจะเผยแพร่บทความเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีปกป้องความเป็นส่วนตัวดิจิทัลของคุณ คุณอาจจะลองเข้าไปศึกษาดูเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้นในหัวข้อที่มีอยู่ในบทความนี้
ยึดถือข้อมูลประจำตัวในแบบดิจิทัลของคุณให้เป็นเรื่องจริงจัง
ก็อย่างที่คุณอาจจะเข้าใจแล้ว Digital Identity นั้นให้ประโยชน์มากมายในด้านพลเมือง สังคม และการเงินที่สำคัญแก่บุคคลใดๆ การใช้ศักยภาพที่แท้จริงของมันอาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของทั้งบุคคลและสถาบันในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน การใช้ Digital ID ในทางที่ผิดโดยรัฐบาลหรือภาคธุรกิจอาจจะนำไปสู่ผลเสียที่ร้ายแรงได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเรียนรู้ถึงแนวคิดพื้นฐานที่ขับเคลื่อน Digital Identity และการจัดการอย่างปลอดภัยทั้งในระดับบุคคลและระดับสถาบัน
คำถามที่พบบ่อย
Digital Identity ทั้ง 4 รูปแบบ มีอะไรบ้าง?
เหตุใด Digital Identity จึงมีความสำคัญ?
Digital Identity มีลักษณะอย่างไร?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์