หากเราใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม “DeFi Protocols” ก็คือผลลัพธ์ที่เราจะได้ออกมา ที่นี่ แอปแบบกระจายอำนาจ (DApps) และ Smart Contract จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณควบคุมอนาคตทางการเงินของคุณได้
ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายวิธีสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ, วิธีการแลกเปลี่ยน Crypto ของคุณโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน รวมถึง รายชื่อของ DeFi Protocols ชั้นนำที่น่าจับตามองในปี 2024
แนวทางที่เราใช้เลือกโปรโตคอลที่ดีที่สุด
BeInCrypto ได้ทำการประเมินโปรโตคอลชั้นนำหลายแห่งเพื่อพิจารณาตัวเลือกในอันดับต้นๆ สำหรับปี 2024
เราเลือก DeFi Protocol เหล่านี้โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากชื่อเสียง, ความปลอดภัย, และความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน โดยใช้เวลาทดสอบแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน และนี่คือเหตุผลที่แต่ะละแพลตฟอร์มดึงดูดความสนใจของเรา
PancakeSwap:
– เสนอค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำเมื่อเทียบกับ DEX อื่นๆ
– นำเสนอฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น Yield Farming, Lottery และ NFT ซึ่งช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน
– ดำเนินงานบน Binance Smart Chain เพื่อการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับฐานผู้ใช้งานในวงกว้าง
Uniswap:
– บุกเบิกโมเดล AMM ที่ให้สภาพคล่องสูงและช่วยให้สามารถทำการซื้อขายแบบ Wallet-to-Wallet ได้โดยตรง
– รองรับโทเค็นที่หลากหลาย อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงโทเค็น ERC-20 มากมาย
– คอมมูนิตี้ที่เข้มแข็งและการเป็นแพลตฟอร์มแบบโอเพ่นซอร์สช่วยให้มั่นใจได้ถึงพัฒนาการและความโปร่งใสอย่างต่อเนื่อง
– เชี่ยวชาญในการสวอป Stablecoins โดยมีความคลาดเคลื่อน (Slippage) น้อยที่สุด เพิ่มประสิทธิภาพให้กับเงินลงทุนของผู้ใช้งาน
– Liquidity Pools ที่มีสภาพคล่องสูงและโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ต่ำช่วยปรับปรุงประสบการณ์การซื้อขายของผู้ใช้งาน
– ผสานรวมวิธีการเข้ารหัสขั้นสูง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพให้กับแพลตฟอร์ม
Balancer:
– ให้บริการ Liquidity Pools ที่ปรับแต่งได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Pools ที่มีโทเค็นที่แตกต่างกันได้ถึง 8 สกุล
– ทำหน้าที่เป็นพอร์ตการลงทุนแบบถ่วงน้ำหนักและคัดกรองราคาในตัว ทำให้การจัดการพอร์ตเป็นไปแบบอัตโนมัติ
– ให้ความยืดหยุ่นสูงในการกำหนดพารามิเตอร์ต่างๆ ให้กับ Pools เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย
Summer.fi (เดิมชื่อ Oasis.app):
– มีอินเทอร์เฟสที่เป็นมิตรที่ช่วยให้สามารถใช้งาน DeFi ได้อย่างราบรื่น เหมาะสำหรับมือใหม่
– ให้บริการผลิตภัณฑ์ DeFi และฟีเจอร์อัตโนมัติที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนประสบการณ์การใช้งานแบบครบวงจร
– ให้ความสำคัญกับการควบคุมข้อมูลของผู้ใช้งานและความโปร่งใส ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสำคัญของ DeFi
Aave:
– นำเสนอฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น Flash Loans สำหรับการกู้ยืมที่รวดเร็วและไม่ต้องใช้หลักประกัน
– รวมตัวเลือกอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย เพื่อรองรับความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป
– ใช้โครงสร้างการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจ เพื่อให้มั่นใจว่าพัฒนาการต่างๆ จะถูกขับเคลื่อนโดยคอมมูนิตี้
MakerDAO:
– ให้บริการเหรียญ DAI Stablecoins ที่มีเสถียรภาพทางราคาและเชื่อถือได้โดยผูกมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ช่วยลดความผันผวน
– มีระบบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งช่วยให้ผู้ถือโทเค็น MKR สามารถลงคะแนนในการตัดสินใจที่สำคัญได้
– นำเสนอ Vaults ที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้ใช้งานมีความยืดหยุ่นในการเลือกหลักประกันที่ต้องการใช้งาน
Compound:
– ช่วยให้ผู้ใช้งานรับดอกเบี้ยจากสกุลเงินดิจิทัลที่พวกเขาฝากไว้หรือที่ยืมจากพวกเขาได้
– ใช้โปรโตคอลอัตราดอกเบี้ยอัตโนมัติ ซึ่งจะปรับเปลี่ยนอัตราตามความต้องการของตลาด
– อินเทอร์เฟสแบบโอเพ่นซอร์สที่โปร่งใสซึ่งส่งเสริมความไว้วางใจและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
dYdX:
– เชี่ยวชาญในการซื้อขายมาร์จิ้น, อนุพันธ์, และ สัญญาถาวรแบบกระจายอำนาจสำหรับเทรดเดอร์ขั้นสูง
– นำเสนอโซลูชั่นการปรับขนาด layer=2 ทำให้การทำธุรกรรมรวดเร็วและคุ้มค่า
– ใช้โมเดลแบบไฮบริดที่รวม Order Book นอกเครือข่ายเข้ากับการชำระเงินแบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการซื้อขาย
Lido:
– นำเสนอโซลูชั่น Liquid Staking ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับรางวัลจากการ Staking ได้โดยไม่ต้องล็อกทรัพย์สิน
– รองรับเครือข่ายบล็อกเชนหลายเครือข่าย เพิ่มตัวเลือกให้กับผู้ใช้งานสำหรับการ Staking สกุลเงินดิจิทัลที่แตกต่างกัน
– การให้บริการแบบกระจายอำนาจและไม่มีการควบคุมคีย์ของผู้ใช้งาน ส่งเสริมความปลอดภัยและความสามารถในการควบคุมข้อมูลของผู้ใช้งาน
De.Fi:
– มีระบบสแกนหาช่องโหว่บนแพลตฟอร์ม DeFi ที่ครอบคลุม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
– บริการการตรวจสอบกระเป๋าเงินและธุรกรรมของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ เพื่อให้มั่นใจถึงความโปร่งใสและความสามารถในการจัดการข้อมูล
– มีเครื่องมือและฟีเจอร์การลงทุนที่หลากหลายสำหรับ DeFi ในหลายๆ ระดับ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย
โดยรวมแล้ว DeFi Protocols เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกมาด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการมอบประสบการณ์การใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน แต่ละโปรโตคอลก็จะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไปสำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ DeFi เช่น สภาพคล่อง ความปลอดภัย และการเข้าถึง ทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรม DeFi ณ ขณะนี้ ด้วยการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่เทรดมือใหม่ไปมืออาชีพ โปรโตคอลเหล่านี้กำลังกำหนดทิศทางของอนาคตของการเงินแบบกระจายอำนาจ ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยมากขึ้น
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบของ BeInCrypto ได้ที่นี่
11 DeFi Protocol ชั้นนำในปี 2024
โปรโตคอลกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEXs) ที่ดีที่สุด
1. dYdX
โปรโตคอล dYdX ให้บริการเครื่องมือทางการเงินขั้นสูง เช่น การเทรดสัญญาถาวร (Perpetual) และมาร์จิ้นภายในระบบนิเวศ DeFi กระดานเทรดชั้นนำรายนี้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องผ่าน KYC ทำให้สามารถซื้อขายเป็นไปแบบนิรนามและไว้วางใจได้ นอกจากนี้ยังมีบริการการให้กู้ยืมและการกู้ยืม และมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ต่ำ รวมถึง ประสบการณ์การซื้อขายแบบไม่ต้องเสียค่าแก๊ส อีกด้วย
แพลตฟอร์มนี้มีระดับหลักประกันที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ dYdX ยังมีการใช้งาน StarkWare เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และช่วยให้ชุมชนมีส่วนร่วมและการกำกับดูแลได้
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ dYdX ได้เปลี่ยนไปใช้งานบล็อกเชนอิสระภายในระบบนิเวศของ Cosmos เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการกระจายอำนาจมากยิ่งขึ้น
- ตัวเลือกการเทรดขั้นสูง
- ไม่จำเป็นต้องทำ KYC
- ค่าธรรมเนียมต่ำ
- ความสามารถในการปรับขนาดเลเยอร์-2
- อัตราดอกเบี้ยแบบไดนามิก
- ทำงานร่วมกันกับ Cosmos ได้
- ค่อนข้างซับซ้อนสำหรับมือใหม่
- ต้องอาศัย Ethereum
- การซื้อขายแบบสปอตมีจำกัด
- ความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายใหม่
- จำเป็นต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับระบบนิเวศใหม่
– ฟีเจอร์เทรด: การเทรดสัญญาถาวร, การเทรดมาร์จิ้น, Order Book แบบกระจายอำนาจ, ความสามารถในการปรับขนาดเลเยอร์ 2, ฟังก์ชั่น Cross Margin
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: การให้กู้ยืม, การกู้ยืม, อัตราดอกเบี้ยแบบไดนามิก, รางวัลการเทรด
– ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย: ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยตนเอง, การตรวจสอบโดยบุคคลที่ 3, ความปลอดภัยที่สืบทอดจากโปรโตคอล Ethereum
– คุณสมบัติของแพลตฟอร์มและระบบนิเวศ: ไม่มี KYC, โค้ดแบบโอเพ่นซอร์ส, ผสานรวมกับระบบนิเวศของ Cosmos, การกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจ, การจับคู่คำสั่งซื้อขายนอกเครือข่าย
2. PancakeSwap
PancakeSwap เป็น DeFi Protocol ระดับสูง โดยเน้นหนักที่บล็อกเชน Binance Smart Chain แต่รองรับเครือข่ายทั้งหมด 8 เครือข่าย รวมถึง Ethereum ด้วย
สกุลเงินดิจิทัลหลักของ PancakeSwap คือ CAKE ซึ่งมีอุปทานทั้งหมด 450 ล้านโทเค็น กระดานเทรดแบบกระจายอำนาจรายนี้ใช้ประโยชน์จากโมเดลผู้ดูแลสภาพคล่องแบบอัตโนมัติ (AMM) ช่วยให้สามารถซื้อขายได้โดยตรงแบบ Wallet-to-Wallet โดยไม่ต้องมีตัวกลาง เพิ่มความสามารถในการควบคุมข้อมูลและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีบริการที่หลากหลายนอกเหนือไปจากการซื้อขายทั่วไป เช่น การ Yield Farming, การ Staking และ Lottery ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับรางวัลได้หลากหลายวิธี อินเทอร์เฟสที่เป็นมิตรช่วยให้มือใหม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ในขณะที่ฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยี zkBridge ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพผ่านเครือข่ายบล็อกเชนที่แตกต่างกัน
การเติบโตของ PancakeSwap ได้รับการตอกย้ำด้วยการมีสถานะเป็นโปรเจกต์มูลค่าพันล้านดอลลาร์โปรเจกต์แรกบน Binance Smart Chain และพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เช่น PancakeSwap V3 ในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงฟังก์ชั่นการทำงานและประสบการณ์ผู้ใช้งาน
- อินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่าย
- APY ที่สูงสำหรับผู้ให้บริการสภาพคล่อง (LP)
- รองรับการ Staking และการ Yield Farming
- ตลาดซื้อขาย NFT
- ไม่มีแอปบนมือถือ
- ไม่มีกระเป๋าเงินคริปโตในตัว
– ฟีเจอร์เทรด: การซื้อขายคริปโตแบบด่วน, Liquidity Pools, สะพานโอนย้ายสินทรัพย์, การเทรดสัญญาถาวร, และการซื้อสกุลเงินดิจิทัล
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: Farming, Pools, Liquid Staking, การ Staking ทั่วไป
– ฟีเจอร์ Game และ NFT: ตลาด Game, ตลาดการคาดการณ์, ตลาดซื้อขาย NFT สำหรับ NFTs บน BNB Chain
– การมีส่วนร่วมใน DeFi และระบบนิเวศ: การกำกับดูแล, Initial Farm Offerings (IFOs), Gauge Voting, และการแบ่งรายได้ และ Farm Booster
3. Uniswap
Uniswap เป็นอีกหนึ่งในกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจชั้นนำ โทเค็นหลักของพวกเขาคือ UNI ซึ่งมีอุปทานอยู่ทั้งหมด 1 พันล้านโทเค็น
Uniswap ได้รับการกำกับดูแลโดยผู้ใช้งานของพวกเขาผ่านโทเค็น UNI แตกต่างจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์เนื่องจากพวกเขาได้รับการขับเคลื่อนโดยคอมมูนิตี้ Liquidity Pools ของ Uniswap ช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนโทเค็นโดยตรงได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจะควบคุมเงินทุนของตนได้อย่างสมบูรณ์ เดิมที มันถูกสร้างขึ้นบน Ethereum แต่ปัจจุบัน พวกเขายังรองรับเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับ Ethereum อื่นๆ เช่น Polygon และ Optimism ซึ่งเสนอต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า ได้ด้วยเช่นกัน
ความเรียบง่ายของ Uniswap ทำให้เทรดเดอร์มือใหม่ใช้งานได้ง่าย ในขณะที่ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูงให้กับเหล่าเทรดเดอร์มืออาชีพได้ใช้งาน นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากเมื่อพูดถึง DEXs เนื่องจากมันมักจะมีความซับซ้อนและใช้งานยากกว่า CEXs Uniswap ยังมีการรองรับโทเค็นจำนวนมากและมีสภาพคล่องที่สูง ช่วยลดผลกระทบด้านราคาจากการซื้อขายในปริมาณมากๆ
นอกจากนี้ DEX นี้ยังได้มีการผสานรวมการเทรด NFT ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับบริการของพวกเขา ด้วย Wallet Address เกือบ 5 ล้าน Address และการซื้อขายที่มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ความนิยมและความน่าเชื่อถือของพวกเขาจึงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
สุดท้ายนี้ ค่าธรรมเนียมการสวอปของ Uniswap นั้นค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกระดานเทรดแบบรวมศูนย์หลายๆ แห่ง และผู้ใช้สามารถเลือกเครือข่ายที่ถูกกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงค่าแก๊ส Ethereum ที่สูงได้
- อินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำ
- รองรับเครือข่ายบล็อกเชนหลายเครือข่าย
- ไม่มีแอปบนมือถือ
- ค่าธรรมเนียมสูงเมื่อซื้อสกุลเงินดิจิทัล (บริการของบุคคลที่ 3)
– ฟีเจอร์เทรด: การซื้อขายคริปโตแบบด่วน, Liquidity Pools, สะพานโอนย้ายสินทรัพย์, และการซื้อสกุลเงินดิจิทัล
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: การจัดหาแหล่งเงินทุนให้กับ Liquidity Pools, สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมการสวอป
– ฟีเจอร์ Game และ NFT: ตลาดซื้อขาย NFT, ตลาดการคาดการณ์
– การมีส่วนร่วมใน DeFi และระบบนิเวศ: การกำกับดูแล, Concentrated Liquidity Pool, โครงสร้างค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
4. Curve Finance
Curve Finance คือกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX) ชั้นนำบนบล็อกเชน Ethereum เชี่ยวชาญในการซื้อขาย Stablecoins และ Wrapped Tokens อย่างเช่น wBTC, renBTC, และ sBTC แพลตฟอร์มนี้ก่อตั้งโดย Michael Egorov และมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในด้านการใช้ Liquidity Pools และระบบผู้สร้างสภาพคล่องอัตโนมัติ (AMM) อย่างสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับอัตราดอกเบี้ยรายปีสูง — มากกว่า 300% ในบาง Pools — จากสกุลเงินดิจิทัลที่ฝากไว้
แพลตฟอร์มนี้มีความโดดเด่นเนื่องจากมี Bonding Curve ที่พิเศษ ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับ Stablecoins เพื่อลดความคลาดเคลื่อน (Slippage) ช่วยให้สามารถทำการซื้อขายปริมาณมากๆ ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคามากนัก ทำให้ Curve กลายมาเป็นส่วนสำคัญในโลก DeFi โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่สนใจในการทำเหมืองสภาพคล่อง (Liquidity Mining) และการฟาร์มผลตอบแทน (Yield Farming)
Curve Finance ดำเนินงานในฐานะองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (DAO) โดยมีโทเค็นการกำกับดูแล CRV ช่วยให้ผู้ถือครองสามารถลงคะแนนเสียงในการเปลี่ยนแปลงและยื่นข้อเสนอต่างๆ ได้ การเปลี่ยนไปใช้โครงสร้าง DAO นี้ช่วยให้ Curve ดำเนินการด้วยความโปร่งใสโดยได้รับการปรับปรุงและพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยคอมมูนิตี้ แม้จะมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงที่จะเกิด Impermanent Loss แต่ Curve Finance ก็มอบโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้กับผู้ให้บริการสภาพคล่องและเทรดเดอร์ โดยเน้นย้ำด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เช่น การตรวจสอบโค้ดและรางวัลมากมายสำหรับการค้นหาจุดบกพร่องเพื่อปกป้องทรัพย์สินของผู้ใช้งาน
- เชี่ยวชาญด้าน Stablecoins
- ลดความคลาดเคลื่อน
- อยู่ภายใต้การควบคุม DAO
- ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยหลายครั้ง
- รางวัลสำหรับการค้นหาบั๊กเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
- ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
- ให้ความสำคัญเน้นหนักไปที่ Stablecoins และ Wrapped Tokens
- การพึ่งพาบล็อกเชน Ethereum นำไปสู่ค่าแก๊สที่สูง
– ฟีเจอร์เทรด: ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้าน Stablecoin, Liquidity Pools ที่มีประสิทธิภาพ, Bonding Curve ที่ไม่เหมือนใคร, ความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดในการซื้อขาย
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: อัตราดอกเบี้ยรายปีที่สูงจาก Liquidity Pools, รางวัลในโทเค็น CRV, การมีส่วนร่วมในการ Yield Farming
– ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย: การตรวจสอบความปลอดภัยหลายครั้ง, รางวัลสำหรับการค้นหาบั๊ก, ควบคุมโดยองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (DAO)
– การมีส่วนร่วมใน DeFi และระบบนิเวศ: กำกับดูแลผ่านโทเค็น CRV, TVL ที่สูง, รองรับ Wrapped Tokens ต่างๆ
5. Balancer
Balancer เป็นแพลตฟอร์ม DeFi ที่มีความยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ ซึ่งได้เปลี่ยนแนวคิดของกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX) โดยการผสมผสานบางส่วนของผู้สร้างสภาพคล่องอัตโนมัติ (AMM) และกองทุนดัชนี
Balancer แตกต่างจากกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX) โดยทั่วไป — ซึ่งมักจะให้ความสำคัญกับ Liquidity Pools แบบ 2 โทเค็น คุณลักษณะเฉพาะของ Balancer คือความสามารถในการจัดการพอร์ตการลงทุนได้ด้วยระบบปรับสมดุลอัตโนมัติ โดยการปรับสินทรัพย์ของ Pools โดยอัตโนมัติตามการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด
Balancer รองรับ Pools 3 ประเภท ได้แก่ Public Pools ที่ใครๆ ก็สามารถเสริมสภาพคล่องและรับค่าธรรมเนียมการซื้อขายได้ Private Pools มีเพียงผู้สร้างเท่านั้นที่สามารถจัดหาสภาพคล่องและตั้งค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ได้ และ Smart Pools พูลส่วนตัวที่มีพารามิเตอร์แบบปรับแต่งเองซึ่งควบคุมโดย Smart Contract สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานและความเสี่ยงที่หลากหลาย
ยิ่งไปกว่านั้น สถาปัตยกรรมของ Balancer ยังได้รับการออกแบบให้ทำงานได้ ไม่เพียงแต่บน Ethereum เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ อีก 6 เครือข่าย ซึ่งหมายความว่า สามารถนำไปใช้งานได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นภายในระบบนิเวศ DeFi Balancer ช่วยให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลทำงานได้ดียิ่งขึ้นโดยการจัดหาแพลตฟอร์มที่สามารถซื้อขายสินทรัพย์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
- Pools แบบ Multi-token
- ปรับสมดุลอัตโนมัติ
- ความสามารถในการทำงานร่วมกัน
- ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
- จำกัดการใช้งานบนเครือข่ายขนาดเล็กๆ
– ฟีเจอร์เทรด: Pools แบบ Multi-token, ระบบปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ, ประเภท Pools ที่ปรับแต่งเองได้ (Public, Private, Smart), ความหลากหลายของสินทรัพย์, ความคลาดเคลื่อนต่ำสุดผ่านค่าธรรมเนียมการซื้อขายแบบไดนามิก
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: รางวัลเป็นโทเค็น BAL, ผลตอบแทนสูงจากการจัดหาสภาพคล่อง, การมีส่วนร่วมใน Liquidity Mining, แหล่งรายได้ที่หลากหลายผ่าน Pools ในประเภทต่างๆ
– ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย: การตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ, รางวัลสำหรับการค้นหาบั๊ก, การจัดการสินทรัพย์ด้วยตนเอง, การดำเนินการ Smart Contract ที่โปร่งใส
– การมีส่วนร่วมใน DeFi และระบบนิเวศ: การกำกับดูแลผ่านโทเค็น BAL, TVL จำนวนมาก (TVL), ความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างหลายๆ บล็อกเชน, การรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลและ Wrapped Tokens ที่หลากหลาย
DeFi Protocol ชั้นนำสำหรับการกู้ยืมและให้กู้ยืม
6. Summer.fi
Summer.fi ซึ่งเดิมรู้จักกันในชื่อ Oasis.app เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ MakerDAO ที่เก่าแก่ที่สุดตั้งแต่ปี 2016 พวกเขาได้มีการพัฒนาไปไกลกว่าขอบเขตเดิมเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ Maker มีการกระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์แล้ว Summer.fi ก็กลายเป็นแพลตฟอร์มแบบสแตนด์อโลนที่อุทิศตนให้กับการสร้างแอปพลิเคชั่นที่มีความน่าเชื่อถือสูงสำหรับการใช้งานเงินทุน DeFi
ตอนนี้ พวกเขาไม่ใช่แค่เพียงอินเทอร์เฟสสำหรับ Maker Protocol เท่านั้น แต่มีเป้าหมายที่จะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในการมีส่วนร่วมกับพื้นที่ DeFi โดยการส่งมอบฟีเจอร์อัตโนมัติขั้นสูงให้กับผู้ใช้งาน เช่น Stop-Loss การซื้อและขายอัตโนมัติ รวมไปถึงกลยุทธ์ต่างๆ เช่น Constant Multiples เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Vault หากอัตราส่วนหลักประกันของ Vault ของคุณถึงจุดขายที่คุณตั้งไว้ ระบบ Constant Multiple จะดำเนินการโดยอัตโนมัติ
Summer.fi ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งานเป็นอย่างยิ่ง โดยการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานะ ผลตอบแทน และความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฐานความรู้ที่รวบรวมมาจากความคิดเห็นของชุมชน
- บริการ DeFi ที่ครอบคลุม
- ฟีเจอร์อัตโนมัติขั้นสูง (S/L, T/P, Auto-Buy ฯลฯ)
- UI ที่ใช้งานง่าย
- ผสานรวมกับหลายโปรโตคอล (Aave และ Maker)
- ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
- จำกัดเฉพาะโทเค็น ERC-20
– ฟีเจอร์การกู้ยืม: กำหนดการชำระคืนที่ยืดหยุ่น, ประเภทหลักประกันที่หลากหลาย, ผสานรวมกับโปรโตคอลต่างๆ เช่น Aave และ Ajna, การป้องกันความผันผวนของตลาดผ่าน Oracle Security Module และ การอัพเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่องจาก Chainlink
– ฟีเจอร์การเพิ่มพูนเงินทุน: เพิ่มหรือลดหลักประกันในการทำธุรกรรมครั้งเดียว, ใช้เงินทุนที่ยืมมาเพื่อซื้อหลักประกันเพิ่มเติม, ผสานรวมกับแพลตฟอร์มสภาพคล่อง และ 1inch DEX Aggregator เพื่อราคาที่ดีที่สุด, อินเทอร์เฟสพิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับการจัดการสถานะโดยเฉพาะ
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: โซลูชั่นการจัดการรับผลตอบแทนด้วยตนเอง, ความเข้ากันได้กับโปรโตคอล Aave และ Maker, เพิ่มผลตอบแทนจาก StETH, เข้าร่วมกับ Dai Savings Rate เพื่อสร้าง Passive Income.
– ฟีเจอร์อัตโนมัติ: Stop-Loss เพื่อป้องกันการชำระบัญชี, Take-Profit เพื่อเก็บกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ, Auto-Buy และ Auto-Sell สำหรับการจัดการ Vault, Constant Multiple เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
– การผสานรวมและความร่วมมือต่างๆ: รองรับกระเป๋าเงินที่หลากหลาย เช่น MetaMask และ Ledger, การผสานรวมกับเครือข่าย 1inch เพื่อการสวอปโทเค็นอย่างมีประสิทธิภาพ, เปิดตัวบน Optimism เลเยอร์ 2 เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกรรม, การผสานรวมกับ Ajna Protocol สำหรับกลุ่มการกู้ยืมและให้กู้ยืมที่เลือก
7. Aave
Aave (AAVE) เป็นผู้บุกเบิกตลาดในภาคส่วน DeFi แพลตฟอร์มการให้กู้ยืมแบบครบวงจรนี้มี TVL (มูลค่าสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้ในเครือข่าย) เป็นจำนวนมาก โดยมีหลักประกันเป็นสกุลเงินดิจิทัลเกินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์
Aave ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถให้ยืมหรือกู้ยืมโทเค็นจากระบบนิเวศที่หลากหลายได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ทางการเงินที่หลากหลายและครอบคลุม
เวอร์ชั่นล่าสุดของแพลตฟอร์ม Aave V3 รองรับเครือข่ายบล็อกเชน 10 เครือข่าย ไม่ใช่แค่ Ethereum เท่านั้น ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้นและเสนอทางเลือกให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบทบาทของพวกเขาในโลก DeFi
- TVL ที่สูง
- รองรับโทเค็นที่หลากหลาย
- สามารถเข้าถึงได้หลายเครือข่าย
- Flash Loans พร้อมใช้งาน
- การกำกับดูแลผ่านโทเค็น AAVE
- ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
- ค่าแก๊สสูงบน Ethereum
- ความเสี่ยงในการชำระบัญชี
– ฟีเจอร์เทรด: Flash Loans, ดอกเบี้ยคงค้างแบบเรียลไทม์, อัตราดอกเบี้ยคงที่และผันแปร, การผสานรวมเครือข่าย Ethereum, รองรับหลักประกันหลายประเภทสินทรัพย์
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: aTokens สำหรับดอกเบี้ยเงินฝาก, การให้กู้ยืมและการกู้ยืมแบบกระจายอำนาจ, กลยุทธ์การเพิ่มผลตอบแทน, Liquidity Mining
– ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย: Over-Collateralization (หลักประกันเงินกู้ในอัตราส่วนที่มากกว่า 1:1) สำหรับสินเชื่อ, การตรวจสอบ Smart Contract, โมดูลความปลอดภัยสำหรับการลดความเสี่ยง, กิจกรรมค้นหาบั๊กเพื่อความ**สมบูรณ์ของแพลตฟอร์ม**
– คุณสมบัติของแพลตฟอร์มและระบบนิเวศ: การกำกับดูแลผ่านโทเค็น AAVE, โซลูชันเลเยอร์ 2 เพื่อช่วยลดค่าธรรมเนียม, โครงสร้างองค์กรอิสระแบบกระจายอำนาจ (DAO), ไม่ต้องทำ KYC, การเข้าถึงได้แบบหลายเครือข่าย
8. MakerDAO
MakerDAO คือแพลตฟอร์ม DeFi รุ่นบุกเบิกที่ได้ปฏิวัติวิธีที่ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมกับสินทรัพย์ดิจิทัล แพลตฟอร์มนี้นำเสนอระบบการยืมและให้ยืมแบบกระจายอำนาจโดยมี DAI เป็นแกนหลัก
MakerDAO ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลายเป็นหลักประกันในการสร้าง DAI ได้ และรักษาเสถียรภาพผ่านการกำกับดูแลที่เข้มงวดโดยผู้ถือโทเค็น MKR
แพลตฟอร์มนี้โดดเด่นด้วยฟีเจอร์พิเศษต่างๆ เช่น Over-Collateralization (หลักประกันเงินกู้ในอัตราส่วนที่มากกว่า 1:1) เพื่อรับประกันความปลอดภัยของสินเชื่อ และโมเดล Dual-Rate ที่ให้ผู้ใช้งานเลือกระหว่างอัตราดอกเบี้ยคงที่หรืออัตราดอกเบี้ยผันแปร ถึงแม้จะมีแนวทางใหม่ๆ ให้เลือกใช้งาน แต่ผู้ใช้งานก็ยังคงต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่น ความเสี่ยงของการชำระบัญชีและความผันผวนของตลาด
ในขณะที่ MakerDAO พัฒนามากยิ่งขึ้น พวกเขาก็ยังคงรักษาสถานะของตนในฐานะรากฐานที่สำคัญของภาคส่วน DeFi ด้วยการเปิดตัวการอัพเกรดใหม่ๆ เช่น V3 หรือ GHO Stablecoin ที่เพิ่มเข้ามา — ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ใช้งานกับการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนของการเงินแบบกระจายอำนาจ
- การกระจายอำนาจการให้กู้ยืม
- ความเสถียรของ DAI
- มีพื้นฐานจาก Ethereum
- การกำกับดูแลโดย MKR
- Over-Collateralization
- อัตราดอกเบี้ยผันแปร
- ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
- ค่าแก๊สสูง
- ความเสี่ยงในการชำระบัญชี
– ฟีเจอร์เทรด: Flash Loans, อัตราดอกเบี้ยคงที่และผันแปร, aTokens แบบเรียลไทม์, หลักประกันหลายสกุลเงิน, การอัพเดตที่ขับเคลื่อนด้วยการกำกับดูแล
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: ดอกเบี้ยเงินฝาก, การมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล โอกาสในการสร้างผลตอบแทน อัตราดอกเบี้ยแบบไดนามิก
– ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย: Over-Collateralization, กลไกการชำระบัญชี, การกำกับดูแลชุมชนสำหรับการบริหารความเสี่ยง, โมดูลการรักษาความปลอดภัยเพื่อการปกป้องทรัพย์สิน
– คุณสมบัติของแพลตฟอร์มและระบบนิเวศ: การยืมและการให้ยืมแบบกระจายอำนาจ, พื้นฐานจาก Ethereum, โทเค็น MKR ที่ใช้ เพื่อการกำกับดูแล, การผสานรวมกับสินทรัพย์คริปโตหลายรายการ, การพัฒนาโอเพ่นซอร์ส, Maker Vaults สำหรับการจัดการสินทรัพย์
9. Compound Finance
Compound Finance เป็นแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมแบบกระจายอำนาจที่โดดเด่นซึ่งดำเนินการบนบล็อกเชน Ethereum เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกพื้นที่การให้กู้ยืม DeFi
Compound ก่อตั้งโดย Robert Leshner และ Geoffrey Hayes ในปี 2018 แพลตฟอร์มนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการยืมและให้ยืมสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่ต้องมีคนกลาง ทำให้มีสินทรัพย์ที่ล็อกไว้บนแพลตฟอร์มมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์
มีเอกลักษณ์ในด้านนวัตกรรม เช่น การฟาร์มผลตอบแทนและการกำกับดูแลผ่านโทเค็น COMP โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีความครอบคลุมทางการเงิน ลบขีดจำกัดของการทำธุรกรรมและการตรวจสอบเครดิตตามปกติ
ในขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมผ่านอัตราดอกเบี้ยแบบเรียลไทม์ ผู้ใช้งานที่มีส่วนร่วมกับ Compound และโทเค็นการกำกับดูแล COMP จะต้องระมัดระวังความผันผวนของตลาดและตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกก่อนทำการลงทุน
- การกู้ยืมและให้กู้ยืมแบบกระจายอำนาจ
- ไม่มีขั้นต่ำในการทำธุรกรรม
- ส่วนต่อประสานที่ใช้งานง่าย
- รองรับเนื้อหา ERC-20 หลายรายการ
- โอกาสในการฟาร์มผลตอบแทน
- ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
- ต้องมีหลักประกันมากกว่าปกติ
- ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
- ค่าแก๊สสูงบน Ethereum
– ฟีเจอร์เทรด: การปรับอัตราดอกเบี้ยแบบเรียลไทม์, รองรับโทเค็น ERC-20 ที่หลากหลาย, ระบบการให้ยืมและการยืมที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: Yield Farming ด้วยโทเค็น COMP, APR ที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ให้กู้, อัตราดอกเบี้ยแบบไดนามิกตามสภาวะตลาด
– ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย: การตรวจสอบความปลอดภัยที่ครอบคลุม (Trail of Bits, OpenZeppelin), การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโดย Gauntlet, สัญญาที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
– การมีส่วนร่วมใน DeFi และระบบนิเวศ: การกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจด้วยโทเค็น COMP, การผสานรวมทางการเงินโดยไม่มีการตรวจสอบแบบดั้งเดิม, นวัตกรรมแพลตฟอร์มและการอัพเดตอย่างต่อเนื่อง
DeFi Protocol ชั้นนำสำหรับ Liquid Staking
10. Lido
Lido Finance เป็น DeFi Staking Protocol ที่นำเสนอบริการการ Staking แบบ Semi-Custodial ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานในสกุลเงินดิจิทัลหลายสกุล Lido เป็นที่รู้จักในด้านอินเทอร์เฟสที่เรียบง่ายและโครงสร้างการกระจายอำนาจ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ Staking สินทรัพย์ของตนและรับโทเค็น Liquid Staking เช่น stETH ซึ่งสามารถนำไปใช้ในระบบนิเวศ DeFi ที่กว้างขึ้นสำหรับการฟาร์มผลตอบแทนได้
Lido Finance ได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นรายใหญ่ในพื้นที่ DeFi และได้รับการรับรองเรื่องค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผลและโปรแกรมชวนเพื่อนที่คุ้มค่า Lido เพิ่มการกระจายอำนาจสูงสุดผ่านโทเค็นการกำกับดูแล LDO ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้ แม้ว่า Lido จะปรับปรุงกระบวนการ Staking ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานควรพิจารณาลักษณะ Semi-Custodial, ค่าธรรมเนียมรางวัลจากการ Staking, และ ผลกระทบทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับรางวัลที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย
- ส่วนต่อประสานที่ใช้งานง่าย
- Liquid Staking Tokens
- การกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจ
- สนับสนุนโดยผู้นำในโลก DeFi
- บริการแบบ Semi-Custodial
- รางวัลค่าธรรมเนียมการ Staking
- ผลกระทบทางภาษีที่อาจจะเกิดขึ้น
– ฟีเจอร์การ Staking: การ Staking ที่ง่ายและไม่จำกัด, การเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้สูงสุด Liquid Staking Tokens สำหรับการฟาร์มผลตอบแทน
– ฟีเจอร์สร้างรายได้: รางวัลจากการ Staking รายวัน, สินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันในการให้กู้ยืมและการฟาร์มผลตอบแทน, การมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรางวัล
– ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย: Smart Contracts ที่ได้รับการตรวจสอบโดย Quantstamp และ Sigma Prime ที่มีลักษณะ Semi-Custodial โดยจะรักษาความสามารถในการควบคุมของผู้ใช้งาน
– การมีส่วนร่วมใน DeFi และระบบนิเวศ: การกำกับดูแลผ่านโทเค็น LDO, การบูรณาการ DeFi ในวงกว้าง, รองรับบล็อกเชนหลายเครือข่าย รวมถึง Ethereum, Solana, Kusama, Polkadot, และ Polygon
DeFi Protocol ชั้นนำสำหรับการตรวจสอบพอร์ตการลงทุน
11. De.Fi
De.Fi ให้การวิเคราะห์ Smart Contracts โดยละเอียดเพื่อตรวจจับช่องโหว่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้และกำหนดคะแนนความปลอดภัย พวกเขามีแดชบอร์ดที่ครอบคลุมสำหรับการตรวจสอบธุรกรรมกระเป๋าเงินและยอดคงเหลือ ควบคู่ไปกับเครื่องมือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวิเคราะห์และควบคุมสถานะในโปรโตคอล DeFi, คอลเลกชั่น NFT, และตลาดการให้ยืม
นอกจากนี้ De.Fi ยังมีคุณสมบัติความปลอดภัยพิเศษ เช่น De.Fi Shield และ Scanner สำหรับการตรวจสอบสัญญาอย่างละเอียด นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับเครื่องมือธุรกรรมที่ใช้งานง่าย เช่น การส่ง Crypto ที่ปลอดภัย และ De.Fi Swap สำหรับการสวอปสกุลเงินดิจิทัลอย่างง่ายดายผ่านบล็อกเชนต่างๆ ทำให้มันเป็นโซลูชันที่รอบด้านสำหรับการสำรวจพื้นที่ DeFi อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- การสแกนความปลอดภัยขั้นสูง
- แดชบอร์ดที่ครอบคลุม
- การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์
- ส่วนต่อประสานที่ใช้งานง่าย
- รองรับหลายบล็อกเชน
- ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
- ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค
- จำเป็นต้องมีการอัพเดตบ่อยครั้ง
– ฟีเจอร์ Smart Contract และความปลอดภัย: การสแกนช่องโหว่, การให้คะแนนความปลอดภัยของ Smart Contract, De.Fi Shield, De.Fi Scanner
– ฟีเจอร์การตรวจสอบพอร์ตและธุรกรรม: แดชบอร์ดที่ครอบคลุม, สมุดที่อยู่, การติดตามยอดคงเหลือในกระเป๋าเงิน, ภาพรวมยอดฝากและยืม
– ฟีเจอร์การลงทุนและการสำรวจ: เครื่องมือวิเคราะห์ตลาด, การจัดการพอร์ต NFT, การสำรวจโอกาส DeFi
– เครื่องมือความปลอดภัยและการป้องกัน: การประเมินความปลอดภัยของสินทรัพย์, การตรวจสอบการอนุมัติ, ไฮไลท์ความเสี่ยงสำหรับโทเค็นและ NFT, การตั้งค่าความปลอดภัยที่สามารถปรับแต่งได้
– ฟีเจอร์การทำธุรกรรมและการแลกเปลี่ยน: การส่งสกุลเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย, [De.Fi](http://de.fi/) Swap, การตั้งค่าการยอมรับความคลาดเคลื่อน
เปรียบเทียบ DeFi Protocol ต่างๆ
โปรโตคอล | ประเภท | TVL | โทเค็น | จำนวนบล็อกเชนที่รองรับ |
---|---|---|---|---|
PancakeSwap | DEX | 2.224 พันล้านดอลลาร์ | CAKE | 9 |
Uniswap | DEX | 5.543 พันล้านดอลลาร์ | UNI | 8 |
Curve | DEX | 2.486 พันล้านดอลลาร์ | CRV | 14 |
Balancer | DEX | 1.242 พันล้านดอลลาร์ | BAL | 8 |
Summer.fi | DEX | 5.345 พันล้านดอลลาร์ | summer.fi | 4 |
Aave | ให้บริการสินเชื่อ | 10.564 พันล้านดอลลาร์ | AAVE | 12 |
MakerDAO | ให้บริการสินเชื่อ | 7 พันล้านดอลลาร์ | MKR | 1 |
Compound | ให้บริการสินเชื่อ | 2.668 พันล้านดอลลาร์ | COMP | 4 |
dYdX | DEX | 401.81 ล้านดอลลาร์ | dYdX | 1 |
Lido | Staking | 34.445 พันล้านดอลลาร์ | LDO | 5 |
De.Fi | Tracker และ Wallet | n/a | DEFI | 15 |
DeFi Protocols คืออะไร?
DeFi Protocols คือชุดกฎ, ขั้นตอน, และรหัสที่ควบคุมระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น การซื้อขาย การให้กู้ยืม และการ Staking โทเค็นภายในระบบนิเวศบล็อกเชนได้
DeFi แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชน — ซึ่งโดยหลักๆ คือ Ethereum — เพื่อปลูกฝังระบบนิเวศทางการเงินที่เปิดกว้าง, ไม่ต้องผ่านตัวกลาง, และไร้ขอบเขต แตกต่างจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม นักพัฒนาเขียน Smart Contract เพื่อปรับใช้ DeFi Protocol ที่ช่วยให้สามารถโต้ตอบแบบ P2P ได้โดยไม่มีคนกลาง ด้วยการยึดมั่นในกฎชุดเดียวกัน DeFi Protocol จึงรับประกันประสบการณ์ที่เป็นมาตรฐานสำหรับผู้เข้าร่วมทุกคน
ตัวอย่างของโปรโตคอล DeFi คือ MakerDAO แพลตฟอร์มการให้ยืม DeFi ที่ได้รับความนิยมช่วยให้ผู้ใช้งานกู้ยืมสินทรัพย์ Crypto ของตนได้โดยการล็อคมันเพื่อแลกกับ DAI ซึ่งเป็น Stablecoins ดังนั้น พวกเขาจึงเสนอเงื่อนไขการชำระคืนที่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้น แม้ว่าตลาด Crypto จะมีความผันผวนก็ตาม
โปรโตคอลอื่นๆ จะช่วยให้คุณได้รับ Passive Income โดยการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่คุณ Staking ไว้ ตัวอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือ โปรโตคอล Lido ซึ่งช่วยให้คุณสร้างรายได้จาก stETH ได้ แพลตฟอร์มอย่าง Lido มุ่งหวังที่จะนำเสนอ APY ที่สูงที่สุดในการ Staking สกุลเงินดิจิทัล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ Staking ไว้ภายในระบบนิเวศของ Ethereum ได้มากที่สุด
Total Value Locked (TVL) มักจะถูกใช้เป็นตัวชี้วัดเพื่อวัดการใช้งานและอรรถประโยชน์ของโปรโตคอล โดยมี MakerDAO เป็นหนึ่งใน TVL ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญในภูมิทัศน์ DeFi
ในปี 2024 โปรโตคอลและบล็อกเชนกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การควบรวม Asynchronous Smart Contracts ซึ่งช่วยให้ธุรกรรมและข้อตกลงสามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ทุกฝ่ายปรากฏตัวหรือออนไลน์พร้อมกัน สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงการดำเนินงานภายในเครือข่ายเช่น Ethereum ได้
จากข้อมูลของ DeFiLlama หมวดหมู่โปรโตคอลยอดนิยม ได้แก่ การให้ยืม, DEX, บริดจ์, CDP (โปรโตคอลที่สร้างเหรียญ Stablecoin ของตัวเองโดยใช้การให้กู้ยืมที่มีหลักประกัน) และการ Restaking
ทำไมคุณถึงต้องใช้ DeFi Protocols?
DeFi อนุญาตให้แอปและแพลตฟอร์มที่มีการกระจายอำนาจ (DApps) สามารถให้บริการต่างๆ เช่น การให้ยืม crypto และการหารายได้จาก Crypto ผ่านการ Staking ผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมในระบบ AMM (ผู้ดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องได้
คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้เหล่าสตาร์ทอัพสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั่วไป ขึ้นมาได้ สิ่งนี้สนับสนุนการทดสอบอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น แพลตฟอร์ม DeFi สามารถใช้งานได้ทุกที่ในโลก ทำให้มันเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการควบรวมทางการเงิน ช่วยให้เหล่าสตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วทุกมุมโลก
ความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่าง DeFi Protocol ต่างๆ เสริมประสิทธิภาพให้กับสิ่งนี้ โดยเปิดใช้งานการบูรณาการบริการอย่างราบรื่น เช่น เกม Web3 และโทเค็น Metaverse ขยายขอบเขตของสิ่งที่สตาร์ทอัพบล็อกเชนสามารถทำได้
Total Value Locked (TVL) ในแพลตฟอร์ม DeFi ทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดของความไว้วางใจและประโยชน์ใช้สอย บ่งบอกถึงจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่ Staked, ให้ยืม, หรือ เพิ่มลงไปใน Liquidity Pools โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตและเสถียรภาพของระบบนิเวศ
ด้วยการกำจัดตัวกลางออกไป DeFi ลดต้นทุนของการทำธุรกรรมลงได้เป็นอย่างมาก นี่ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบริษัทใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืมเงินดิจิทัลและการสร้างผลตอบแทนที่กำลังเติบโต แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับคะแนนเครดิตของคุณ คุณสามารถสมัครสินเชื่อคริปโตได้โดยมีข้อจำกัดที่น้อยกว่าใน TradFi (ระบบการเงินแบบดั้งเดิม) นอกจากนี้ คุณยังอาจจะได้รับผลตอบแทนสูงจาก Crypto ผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การ Staking เป็นต้น ทั้งหมดนี้ทำให้ DeFi เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทั้งนักธุรกิจและนักลงทุนในตลาด Crypto
DeFi Protocols ทำงานอย่างไร?
DeFi Protocol ทำงานโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชน แม้ว่าส่วนใหญ่จะทำงานบน Ethereum แต่บางแห่งก็อาจจะรองรับเครือข่ายอื่นๆ ด้วย หัวใจของบริการเหล่านี้คือ Smart Contracts ซึ่งเป็นสัญญาที่ดำเนินการด้วยตนเองโดยมีเงื่อนไขของข้อตกลงเขียนเป็นโค้ดโดยตรง ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก, ตรวจสอบ, และบังคับใช้ข้อตกลงตามสัญญา
อย่างไรก็ตาม การใช้งาน DeFi จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลและความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับปัจจัยหลายๆ ประการ รวมถึง ความปลอดภัย สภาพคล่อง และโครงสร้างการกำกับดูแลของแพลตฟอร์ม สิ่งสำคัญคือต้องประเมินประสบการณ์ผู้ใช้งาน ระดับความสามารถในการทำงานร่วมกันกับ DApps และระบบบล็อกเชนอื่นๆ และระดับการมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการตัดสินใจด้วย
1. แอปแบบกระจายอำนาจ (DApps)
ผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์ม DeFi หรือ DApps ต่างๆ เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายได้
วิธีหนึ่งในการเข้าร่วมคือการให้กู้ยืม Crypto บนแพลตฟอร์ม โปรโตคอลเช่น Aave หรือ Compound ช่วยให้คุณสามารถฝาก Crypto เพื่อรับดอกเบี้ยได้ รายได้จะวัดเป็น เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนต่อปี (APY) ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มีความผันผวนซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
2. การขุดสภาพคล่อง (Liquidity Mining)
กิจกรรม DeFi ยอดนิยมอีกประการหนึ่งคือการขุดสภาพคล่อง (Liquidity Mining) คุณสามารถจัดหาสภาพคล่องให้กับกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX) โดยการฝากสินทรัพย์ของคุณไว้ใน Liquidity Pools ได้ โดยปกติการฝากเงินนี้จะฝากเป็นคู่ของสินทรัพย์ เช่น ETH-USDT แต่ก็อาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้
ผลลัพธ์ก็คือ คุณจะได้รับรางวัล ซึ่งมักจะเป็นโทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม กระบวนการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับรองว่ามีสภาพคล่องในตลาดเพียงพอสำหรับการซื้อขาย และอำนวยความสะดวกโดย AMM ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ DEX ใช้เพื่อกำหนดราคาของโทเค็นและอำนวยความสะดวกในการซื้อขาย
3. การสวอป (ซื้อขาย/แลกเปลี่ยน)
การซื้อขายบน DEX เป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของ DeFi Protocol แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลกับผู้อื่นโดยตรงในลักษณะแบบเป็นส่วนตัวและเข้าถึงได้ มากกว่ากระดานเทรดแบบรวมศูนย์
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนหลักการกระจายอำนาจของบล็อกเชนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยใน Total Value Locked (TVL) อีกด้วย
เราควรใช้ DeFi Protocol หรือไม่?
ข้อดี
- สร้างรายได้: คุณสามารถใช้ Crypto ทำงานให้คุณได้ ใส่ทรัพย์สินของคุณลงในแพลตฟอร์ม DeFi เพื่อรับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน
- เทรดได้อย่างง่ายดาย: แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลกับผู้อื่นโดยตรง โดยไม่ต้องมีคนกลาง
- มีการควบคุมมากยิ่งขึ้น: คุณเป็นผู้รับผิดชอบเงินของคุณ ไม่มีธนาคารหรือสถาบันใดที่สามารถบล็อกธุรกรรมของคุณได้
- เปิดกว้างสำหรับทุกคน: ทุกคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถเข้าร่วมได้ มันเป็นสากลและมีความครอบคลุม
- มีความโปร่งใส: ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน คุณสามารถดูธุรกรรมทั้งหมดได้
- โอกาสใหม่ๆ: สำรวจบริการทางการเงินใหม่ๆ เช่น การให้กู้ยืมเงินดิจิทัล หรือ การเล่นเกมบน Web3
ข้อเสีย
- มีความเสี่ยง: มูลค่าของ Crypto สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เงินลงทุนของคุณสามารถหดตัวได้อย่างรวดเร็ว
- ซับซ้อน: บางหัวข้อเกี่ยวกับ DeFi นั้นเข้าใจได้ยาก ไม่ได้เป็นมิตรกับมือใหม่เสมอไป
- ปัญหาด้านความปลอดภัย: มีการแฮ็กเกิดขึ้นเสมอ หากแพลตฟอร์ม DeFi ถูกโจมตี คุณก็อาจจะสูญเงินได้
- ไม่มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้า: หากคุณประสบปัญหา ก็ไม่สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าได้
- จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูล: คุณต้องทำการบ้านก่อนตัดสินใจลงทุน ไม่ใช่ทุกแพลตฟอร์มที่จะปลอดภัย
- ค่าธรรมเนียมสูง: บางครั้งคุณจะต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อทำธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเครือข่ายมีความแออัด
DeFi จะมาแทนที่ TradFi ได้หรือไม่?
การเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) มีศักยภาพที่จะเข้ามาทดแทนสถาบันทางการเงินแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะ TradFi ได้ การเงินแบบกระจายอำนาจช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย, ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน, มีประสิทธิภาพ, และมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมเนื่องจากการใช้งาน Web3 และ Crypto เติบโตขึ้น ตั้งแต่สินเชื่อแบบ Crypto ไปจนถึงการ Staking ไปจนถึงผู้ดูแลสภาพคล่อง ฯลฯ DeFi นั้นน่าตื่นเต้น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน
อย่าโต้ตอบกับโปรโตคอล DeFi ใดๆ จนกว่าคุณมีแผนการที่มั่นคง และพึงพอใจกับกลไกของแพลตฟอร์มอย่างสมบูรณ์ คำนึงอยู่เสมอว่าคุณมีโอกาสที่จะขาดทุนได้ และอย่าลงทุนไปมากเกินกว่าที่คุณจะยอมขาดทุนได้
คำถามที่พบบ่อย
DeFi Protocol ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือที่ใด?
โทเค็น DeFi 5 อันดับแรกคือโทเค็นใดบ้าง?
TVL ใน DeFi Protocols คืออะไร?
DeFi Protocols มีอยู่กี่ประเภท?
TVL เป็นตัวชี้วัดที่ดีหรือไม่?
อัตราส่วน FDV TVL ที่ดีคือเท่าใด?
สูตร TVL คืออะไร?
วิธีการคำนวณ FDV เป็นอย่างไร?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์