“ทองคำ” คือ หนึ่งในสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก ทองคำถูกใช้เป็นเหมือนสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน และใช้เป็น Store of Value (สินทรัพย์ที่ใช้ซื้อเก็บไว้เพื่อรักษามูลค่าของสินทรัพย์อื่นๆ) มาช้านาน ไม่ว่าสภาพตลาดโดยรวมจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ตลาดทองคำก็มักจะมีสภาพคล่องที่สูงและได้รับความนิยมอยู่เสมอ จากทั้งเหล่านักลงทุนรายใหญ่ นักเก็งกำไร กองทุนต่างๆ หรือแม้กระทั่ง นักลงทุนรายย่อยก็เช่นกัน ดังนั้น การ “เทรดทองคำ” จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่ใช้สำหรับมองหาโอกาสในการทำกำไร หรือ ใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของคุณ
ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดทองคำ ข้อดีและข้อเสียของมัน รวมไปถึง ข้อควรระวังที่คุณต้องรู้เมื่อทำการเทรดทองคำ ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลย!
เทรดทองคำ คืออะไร?
การ “เทรดทองคำ” หรือ “เทรดทอง” คือ การซื้อขายทองคำโดยมีวัตถุประสงค์ในการทำกำไรจากมูลค่าทองคำที่เปลี่ยนแปลง หรือ ถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือ การซื้อทองคำในจังหวะที่ราคาถูกลง แล้วขายออกไปในตอนที่ราคาของมันสูงขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการเทรดทองคำเท่านั้น
ปัจจุบัน หากคุณทำการเทรดทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ (เช่น ตลาด Forex เป็นต้น) คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยึดคติ “ซื้อถูก-ขายแพง” อีกต่อไป เนื่องจากคุณสามารถเปิดสถานะ Long (เมื่อคาดว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้น) หรือ Short (เมื่อคาดว่าราคาจะลดลง) เพื่อทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของตลาดได้ ยิ่งตลาดทองเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้มากเท่าไร คุณก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากความเคลื่อนไหวของตลาดไม่เป็นไปดั่งที่คุณคาดการณ์ไว้ นั่นก็หมายความว่า คุณก็มีโอกาสที่จะขาดทุนเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ประเภทของการ “เทรดทองคำ” ที่นิยมมีอะไรบ้าง?
หากคุณต้องการที่จะเป็นเจ้าของโลหะที่มีค่านี้ คุณสามารถทำการซื้อขาย ทองคำแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ ผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือ ซื้อขายผ่านหน้าเคาน์เตอร์ได้โดยตรง แต่ถ้าหากต้องการทำการเทรดทองเพื่อทำกำไรเท่านั้น (ไม่ต้องการเป็นเจ้าของ) คุณอาจจะลองพิจารณาในการเทรดทองด้วยกองทุนรวมดัชนี (Gold ETFs), สัญญาสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs), สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสัญญาออปชั่น (Gold Futures หรือ Options) หรือ การซื้อขายหุ้นของบริษัททำเหมืองทองคำ
1. การซื้อขาย “ทองคำแท่ง” หรือ “ทองรูปพรรณ”
การซื้อขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ หมายถึงการซื้อทองคำจริงๆ มาไว้ในครอบครองเพื่อใช้ขายเมื่อราคาสูงขึ้น วิธีการนี้สามารถทำได้ไม่ยาก โดยสามารถซื้อทองได้โดยตรงจากร้านทอง หรือสามารถซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ก็ได้
ข้อดีและข้อเสีย
- ได้เป็นเจ้าของทองจริงๆ
- ได้สินทรัพย์ที่มีอยู่จริงและมีมูลค่าอย่างแท้จริง
- ต้องคำนึงถึงเรื่องการจัดเก็บและความปลอดภัย
- สภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นๆ
2. เทรดทองด้วยกองทุนรวม ETF ทองคำ (Gold ETFs)
ETF หรือ Exchange Traded Fund คือ กองทุนรวมดัชนีที่ทำการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะมีนโยบายในการสร้างผลตอบแทนให้ได้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง ในกรณีของ Gold ETF สินทรัพย์ที่ใช้อ้างอิงก็คือ ทองคำ นั่นเอง
ข้อดีและข้อเสีย
- ต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อทองคำจริง
- มีความสะดวกสบายและมีสภาพคล่องสูงจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
- ไม่ได้เป็นเจ้าของทองคำอย่างแท้จริง
- ราคาของ ETF อาจจะเบี่ยงเบนจากราคาทองคำจริงเล็กน้อย
3. เทรดทองด้วยสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Gold CFDs)
การเทรดทองคำผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ Contracts for Difference (CFD) คือการเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาทองในตลาดได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทองคำจริงๆ ข้อดีของการเทรดทองในรูปแบบนี้คือ คุณจะมีโอกาสในการทำกำไรไม่ว่าตลาดจะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม
ข้อดีและข้อเสีย
- สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
- สามารถใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้
- ได้รับความสะดวกสบายจากการเทรดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ พร้อมด้วยเครื่องมือที่มีให้เลือกใช้มากมาย
- มีความเสี่ยงเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากการใช้งานเลเวอเรจ
4. เทรดทองด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสัญญาออปชั่น (Gold Futures & Option)
การเทรดทองด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ ฟิวเจอร์ส จะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายทองคำได้ในราคาที่กำหนดในวันที่ที่กำหนดไว้ในอนาคต ซึ่งคุณมีภาระผูกพันที่จะต้องทำตามข้อตกลงดังกล่าว ในขณะที่สัญญาออปชั่นจะทำงานในลักษณะเดียวกันกับฟิวเจอร์ส แต่จะไม่มีภาระผูกพันสำหรับการซื้อหรือขายทองคำ แต่ออปชั่นจะให้สิทธิ์ผู้ซื้อในการเทรดทองคำจริง หรือสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าในราคาที่กำหนดในวันที่ที่กำหนดไว้ คอลออปชั่นจะให้สิทธิ์ผู้ถือสัญญาในการซื้อทองคำ ในขณะที่พุตออปชั่นจะให้สิทธิ์ผู้ถือสัญญาในการขายทองคำ
ข้อดีและข้อเสีย
- สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
- สามารถใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้
- มีความเสี่ยงเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากการใช้งานเลเวอเรจ
- มีภาระผูกพันในการทำตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญา
- ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและข้อกำหนดของสัญญา
5. การซื้อขายหุ้นของบริษัททำเหมืองทองคำ
การซื้อขายหุ้นของบริษัททำเหมืองทองคำ ก็จะมีลักษณะเหมือนกันกับการซื้อขายหุ้นของบริษัทประกอบการทั่วไป มูลค่าหุ้นของบริษัทเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาทองคำ ระดับการผลิต ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และพัฒนาการในด้านต่างๆ ของบริษัท เป็นต้น
ข้อดีและข้อเสีย
- เป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยังภาคธุรกิจเหมืองแร่ พร้อมทั้งยังมีโอกาสที่จะได้รับเงินปันผลอีกด้วย
- อาจจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้นจากผลการดำเนินงานของบริษัททำเหมือง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นกัน
ผลกำไรจากการ “เทรดทอง” ต่างจากการเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ อย่างไร?
ในแง่ของการเทรดทองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ความสามารถในการทำกำไรของการเทรดทองนั้น ก็คงจะไม่ต่างจากการเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ซักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม “ทองคำ” นั้นได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้มันเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องที่สูง และมีมูลค่าในตัวเองโดยไม่ต้องไปอ้างอิงกับค่าเงินของสกุลใดสกุลหนึ่ง
นอกจากนี้ ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถใช้ป้องกันอัตราเงินเฟ้อ และการลดลงของค่าเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีมูลค่าและกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป อันเนื่องมาจากความต้องการในการใช้งานเพื่อเครื่องประดับ หรือ ใช้งานในทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ อีกด้วย
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถึงแม้ว่า ความสามารถในการทำกำไรจากการเทรดทองคำนั้น อาจจะไม่แตกต่างจากสินทรัพย์อื่นๆ แต่ด้วยคุณสมบัติต่างๆ ของทองคำที่เต็มไปด้วยประโยชน์และความต้องการ เราจึงอาจจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงเป็นอย่างมาก
หากอยากเริ่มต้นเทรดทอง จะต้องทำอย่างไรบ้าง?
หากคุณกำลังสนใจในการเทรดทองคำ (ที่ไม่ใช่การซื้อขายทองคำจริงๆ) คุณสามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ได้เลย
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการเทรดทองแบบที่คุณต้องการ
ศึกษาข้อมูลแนวทางการเทรดทองแบบที่คุณต้องการ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ และข้อจำกัดต่างๆ รวมไปถึง ข้อจำกัดหรือข้อควรระวังต่างๆ ที่คุณควรจะหลีกเลี่ยง
2. ศึกษาข้อมูลของแพลตฟอร์มและโบรกเกอร์ที่คุณจะใช้เพื่อเทรดทอง
ก่อนที่จะเปิดบัญชีกับแพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์รายไหน ให้ทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายในการใช้งานแพลตฟอร์ม ค่าธรรมเนียมที่ยอมรับได้ หรือ ตัวเลือกของการเทรดทองคำที่หลากหลาย เป็นต้น และที่สำคัญ ให้ลองมองหาแพลตฟอร์มที่มีบัญชีทดลองให้บริการจะดีที่สุด
3. กำหนดกลยุทธ์ในการเทรดของคุณ
เช่นเดียวกันกับการเทรดสินทรัพย์อื่นๆ กลยุทธ์ในการเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่จะส่งผลกระทบต่อราคาของทองคำ (เช่น เศรษฐกิจโลก) หรือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้การกำหนดจุดเข้าออก เพื่อที่จะช่วยให้คุณทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เปิดบัญชี แล้วฝากเงินทุนเข้าไปเพื่อทำการเทรด
หลังจากเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ฝากเงินเข้าบัญชีเทรดของคุณ แล้วเริ่มทำการเทรดได้เลย! อีกสิ่งที่สำคัญก็คือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีเงินในบัญชีเพียงพอที่จะชำระค่าดำเนินการต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย หรือ มียอดเงินเพียงพอที่จะรองรับการขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการโดนชำระบัญชี เป็นต้น
ข้อควรระวังในการ “เทรดทองคำ”
มีปัจจัยอยู่หลายประการที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ย นโยบายของธนาคารกลาง หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้มันเป็นเรื่องยากให้การคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยการหมั่นตรวจสอบข่าวสารต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และการจับตามองความเคลื่อนไหวของราคาทองอย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียให้กับคุณได้
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์
