Michael Saylor ประธานกรรมการบริหารของ MicroStrategy เชื่อว่าหุ้นของบริษัทของเขาอาจจะเติบโตดีกว่านี้ หากเขาสามารถถือครอง Bitcoin ได้ตรงๆ แทนการถือผ่าน BTC ETF
Saylor ให้สัมภาษณ์กับ CNBC เกี่ยวกับอนาคตของกฎระเบียบและการยอมรับบิทคอยน์ขององค์กร ไม่นานหลังจากที่บริษัทของเขาประกาศซื้อ BTC มูลค่า 5.3 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว
เขายังคงยืนยันว่า “ไม่มีคำว่าซื้อน้อยเกินไปสำหรับบิทคอยน์” และมองว่า “ธนาคารขนาดใหญ่” จะมีบทบาทที่สำคัญที่จะทำให้สินทรัพย์นี้เติบโตได้อย่างเต็มที่
Bitcoin อาจต้องการ “ธนาคารยักษ์ใหญ่”
ในการสัมภาษณ์ Saylor ยกตัวอย่างถึงเหตุการณ์กระดานเทรดและผู้รับฝากสินทรัพย์ที่ล่มสลายไปอย่าง FTX ของ Sam Bankman-Fried รวมถึงการพยายามโยง Binance เข้ากับกลุ่ม Hamas
Saylor มองว่า ในการที่บิทคอยน์จะเติบโตได้อย่างเต็มที่ ความมั่นใจในตัวกลางผู้รับฝากนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนระดับสถาบัน เขามองว่า ธนาคารขนาดใหญ่ จะเป็นผู้ให้บริการที่ตอบโจทย์ที่สุดให้แก่นักลงทุนระดับสถาบัน หากพวกเขาเข้ามาให้บริการรับฝากสินทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสภาคองเกรสก็กำลังออกแบบกฎระเบียบในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่อยู่รวมถึงความพยายามจะทำให้ Stablecoin และธุรกิจคริปโตนั้นถูกกฎหมาย แม้ว่าคำวิพากย์วิจารณ์อาจจะทำให้การดำเนินการล่าช้าไปบ้างก็ตาม
BTC ETF VS หุ้น MicroStrategy (MSTR)
Saylor คาดการณ์ว่า BTC มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นหลังจาก “Halving” ในเดือนเมษายนปีหน้า และอาจจะมีการอนุมัติ BTC ETF ในอีกไม่นาน
จนถึงขณะนี้ หุ้น MicroStrategy (MSTR) ได้ทำหน้าที่เป็นทางเลือกหนึ่งแทน ETF สำหรับสถาบันต่างๆ ในการเข้าถึง BTC บริษัทมุ่งมั่นที่จะสะสมเหรียญให้ได้มากที่สุดตั้งแต่ปี 2020 โดยปัจจุบันถือครองอยู่ที่ 158,400 BTC
การอนุมัติ ETF จึงถือว่าเป็นการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจาก MSTR ในการซื้อขาย BTC ระดับสถาบัน แต่ Saylor ยังคงเชื่อว่าหุ้น MSTR จะมีส่วนแบ่งในตลาด แม้ว่า ETF จะได้รับไฟเขียวแล้วก็ตาม
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ