Crypto Bull Run ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นจาก Asia

Crypto Bull Run ครั้งต่อไปจะมีตลาดฝั่ง Asia เป็นตัวขับเคลื่อน Cameron Winklevoss ผู้ร่วมก่อตั้ง Gemini ออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เขาเสริมว่าหากมันเกิดขึ้นจริง มันจะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า คริปโตเป็นสินทรัพย์ระดับโลกซึ่งแต่ละภูมิภาคสามารถมีกฎและจุดยืนของตนเอง จุดยืนเหล่านั้นจะส่งผลกระทบไปทั่วโลกไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นจากภูมิภาคใด

ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสงครามด้านกฎระเบียบของสหรัฐฯ ปะทุขึ้น ในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพิ่มการบังคับใช้ ทำให้ Stablecoins ไปจนถึง Stake ได้รับผลกระทบ โดยอ้างว่าทั้งหมดอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์

“มันจะเป็นเครื่องเตือนใจว่า คริปโตเป็นสินทรัพย์ระดับโลก และสหรัฐอเมริกามีเพียงสองทางเลือกคือ ยอมรับมันหรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ที่เรารู้คือมันไม่สามารถหยุดยั้งได้”

Crypto Bull Run อาจมีฮ่องกงเป็นหัวหอก

หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหรัฐกำลังทำงานอย่างหนักเท่าที่จะทำได้เพื่อบดขยี้อุตสาหกรรมสำหรับนักลงทุนรายย่อยชาวอเมริกัน ทำให้มุมมองในเอเชียก็น่าสนับสนุนมากขึ้น

ในเดือนมิถุนายน ฮ่องกงจะเปิดประตูสู่อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลและมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางการของคริปโตในเอเชีย พวกเขากำลังจะเปิดให้พลเมืองทุกคนสามารถซื้อขายคริปโตได้ถูกต้องตามกฎหมาย

แม้ว่าพลเมืองจีนแผ่นดินใหญ่จะยังคงถูกห้ามไม่ให้ซื้อขายสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในประเทศจีน แต่การเปิดตัวในฮ่องกงจะเป็นเส้นทางสำหรับสถาบันในจีนในการเข้าสู่ตลาด

สิ่งนี้ได้รับการพิจารณาอย่างกว้างขวางว่าเงินทุนจำนวนมากจะไหลบ่าเข้ามา นอกจากนี้ ธนาคารขนาดใหญ่ในเอเชีย เช่น DBS ได้เริ่มกระบวนการขอใบอนุญาตเพื่อให้บริการคริปโตแก่ลูกค้าในฮ่องกงแล้ว

อเมริกาอาจล้าหลังในอุตสาหกรรม

Brian Armstrong CEO ของ Coinbase กล่าวในลักษณะเดียวกันว่า:

“อเมริกามีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสถานะการเป็นศูนย์กลางทางการเงินในระยะยาว เพราะไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับคริปโต และสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรจากหน่วยงานกำกับดูแล สภาคองเกรสควรดำเนินการโดยเร็วเพื่อผ่านกฎหมายที่ชัดเจน คริปโตเปิดโอกาสเปิดให้ทุกคนในโลกและผู้อื่นเป็นผู้นำ สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และตอนนี้คือ ฮ่องกง”

นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยังคาดการณ์ว่าเหรียญ Stablecoin ของเอเชียจะเปิดตัวในช่วงตลาดกระทิงรอบถัดไป จีนมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะแยกตัวออกจากการเป็นเจ้าโลกของเงินดอลลาร์สหรัฐ