ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในแรงจูงใจหลักที่อยู่เบื้องหลังในการเปลี่ยนไปใช้ Proof-of-Stake ในการอัพเกรด The Merge ของ Ethereum ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้ร่วมก่อตั้ง Vitalik Buterin กล่าวในการให้สัมภาษณ์
ในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึง Ethereum Blockchain มีกำหนดที่จะทำการอัพเกรด The Merge โดยเปลี่ยนวิธีการตรวจสอบการทำธุรกรรมจาก Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอนได้เป็นอย่างมาก
ก่อนที่กิจกรรมที่มีความคาดหวังเป็นอย่างมากจะมาถึง Buterin เน้นย้ำถึงประโยชน์ด้านความปลอดภัยของการย้ายออกจาก Proof-of-Work และกล่าวเสริมว่า มันอาจจะคุกคาม Bitcoin ได้ในระยะยาว ในขณะเดียวกัน เขาก็แชร์มุมมองของเขาเกี่ยวกับตลาด Crypto และอนาคตของมัน
“มันเรื่องของประสิทธิภาพ” Buterin กล่าว
จากคำพูดของ Buterin Proof-of-Stake เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในแง่มุมของการให้การรักษาความปลอดภัยส่วนเสริม “คำถามที่เกิดขึ้นเสมอคือ: ค่าความปลอดภัยต่อดอลลาร์ที่ใช้ไปกับการทำธุรกรรมเท่าไหร่ที่คุณจะยอมจ่ายต่อปี” Buterin กล่าวว่า “Proof-of-Stake สามารถซื้อความปลอดภัยได้เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่าในราคาเดิม (ที่คุณเคยจ่ายไป)”
อันที่จริง ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้ระบุถึงพารามิเตอร์ที่เขารู้สึกว่าความปลอดภัยนั้นต้องพึ่งพาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมในเครือข่ายบล็อกเชน ถึงแม้ว่าผู้ตรวจสอบ PoS จะมีค่าดำเนินการต่ำและค่าเข้าสูง แต่นักขุด PoW นั้นจะมีค่าดำเนินการปานกลางและค่าเข้าปานกลาง
ตามที่ Buterin กล่าว Ethereum จะได้รับประโยชน์จากค่าเข้าที่สูงขึ้น “เพราะนั่นคือสิ่งที่ผู้โจมตีต้องจ่ายเพื่อโจมตี”
ภัยคุกคามระยะยาวต่อ Bitcoin
จากการที่ Proof-of-Work ให้ความปลอดภัยต่อดอลลาร์ที่ใช้กับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมน้อยกว่ามาก Buterin มองเห็นว่ากลไกฉันทามติเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin
ในระยะยาว เมื่อ Bitcoin ทั้งหมดได้มีการออกมาแล้ว และการขุดไม่ได้ทำให้เครือข่ายปลอดภัยอีกต่อไป Buterin กล่าวว่า ความปลอดภัยของ Bitcoin จะมาจากค่าธรรมเนียมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า “Bitcoin ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมที่จำเป็นเพื่อรักษาระบบที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์” ดังนั้น Buterin จึงได้ตั้งสมมติฐานว่าการใช้ Bitcoin เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็จะสามารถเป็นภัยคุกคามร้ายแรงได้ “อนาคตจะเป็นอย่างไรเมื่อมี Bitcoin มูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ใช้เพียง 5 พันล้านดอลลาร์ในการโจมตีเชน?”
พัฒนาการของ Crypto
เพราะเหตุนั้น Buterin เชื่อว่าในที่สุดตลาดสกุลเงินดิจิทัลก็จะอยู่ตัว และกลายเป็นความผันผวนตามปกติเหมือนกับทองคำหรือตลาดหุ้น ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำช่วงแรกๆ จะถูกบดบังด้วยความไม่แน่นอนที่มีอยู่เดิม แต่ “หลังจากปี 2017 ความไม่แน่นอนได้เคลื่อนไหวไปสู่ระดับที่ว่ามันจะได้รับความชอบธรรมในระดับที่จำเป็นเพื่อรองรับราคาที่สูงขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งก็ยังอยู่แค่ในระดับที่เราอยู่ในปี 2022”
สำหรับในเรื่องภาวะตกต่ำของตลาดในปัจจุบัน Buterin กล่าวว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่มันไม่เกิดขึ้นเร็วกว่านี้ เขาอธิบายว่า ในขณะที่ฟองสบู่คริปโตทำให้มูลค่าร่วงลงจากจุดสูงสุดของครั้งก่อนอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาประมาณ 6-9 เดือน แต่คราวนี้ตลาดกระทิงกลับกินเวลานานกว่าหนึ่งปีครึ่ง
หลังจากได้เปิดเผยโมเดลธุรกิจบางอย่างที่ไม่ยั่งยืน Buterin เชื่อว่าภาวะถดถอยจะช่วยให้โครงการ Crypto มีประโยชน์มากขึ้น
“ในปี 2022 ในที่สุด Crypto ก็จะได้รู้สึกเหมือนกับว่ามันมีความหมายอย่างแท้จริง องค์กรกระแสหลักจำนวนมากและแม้แต่รัฐบาลก็ใช้วิธีนี้ในการส่งและรับการชำระเงิน และผมก็คิดว่าแอพพลิเคชันอื่นๆ กำลังจะใช้งานมันในเร็วๆ นี้” Buterin กล่าวสรุป “อนาคตยังคงรู้สึกไม่แน่นอนน้อยลง แต่เรามีมุมมองที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมว่ามันจะออกมาเป็นเช่นไร”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ