ทั้ง Ripple และสำนักงาน ก.ล.ต. (SEC) ต่างก็โต้แย้งความเคลื่อนไหวในการขอให้มีการพิจารณาคดีแบบรวบรัดของอีกฝ่าย ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของคดีความที่กำลังดำเนินอยู่
ก่อนหน้านี้ Ripple และ SEC ต่างได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้มีการพิจารณาคดีแบบรวบรัด หากได้รับอนุญาต ผู้พิพากษาจะมีการตัดสินในคดีนี้ในภายหลัง โดยที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นศาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยื่นคำร้องเพื่อปฏิเสธคำร้องที่ขอให้มีการพิจารณาคดีแบบรวบรัดของอีกฝ่าย ทางฝั่งสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่าความเคลื่อนไหวของ Ripple นั้นควรจะถูกปฏิเสธเนื่องจาก “มีหลักฐานที่ไม่มีข้อโต้แย้ง” ว่าพวกเขาขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างผิดกฎหมาย
หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางได้ยื่นฟ้องต่อบริษัทในเดือนธันวาคม 2020 ในข้อหาข้างต้น ในขณะเดียวกัน Ripple อ้างว่าสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายที่จะมาเรียกร้องให้ Ripple ลงทะเบียน XRP เป็นหลักทรัพย์
เอกสารสำคัญได้ถูกเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ Ripple ได้เปิดเผยถึงเรื่องเอกสารที่พวกเขาเคยได้ร้องขอให้สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยไปก่อนหน้านี้แล้วถึง 6 ครั้ง เอกสารเหล่านี้เป็นบันทึกของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่เรียกว่าเอกสารของ Hinman ซึ่งจะเป็นการเผยให้เห็นถึงความคิดเห็นของสำนักงาน ก.ล.ต. เกี่ยวกับคำปราศรัยของ William Hinman อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงินองค์กร
ในการกล่าวปราศรัยดังกล่าว Hinman กล่าวว่าในขณะที่เขาเคยพิจารณา Ethereum ว่าเป็นหลักทรัพย์ ความรู้ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับการทำธุรกรรมบนบล็อคเชนหลังจากนั้นทำให้เขาเชื่อว่า “ข้อเสนอต่างๆ ในปัจจุบันและการขาย Ether นั้นไม่ใช่ธุรกรรมหลักทรัพย์”
Ripple ได้เรียกร้องให้มีการเปิดเผยเอกสารเหล่านี้ โดยเชื่อว่ามันจะแสดงให้ได้ว่า SEC นั้นตระหนักรู้ถึงคำกล่าวของ Hinman ว่า Ethereum นั้นไม่ใช่หลักทรัพย์ ด้วยหลักการที่คล้ายคลึงกันนี้ Ripple เชื่อว่าเรื่องนี้จะช่วยสนับสนุนในคำโต้แย้งทางคดีของพวกเขาว่า XRP นั้นไม่ควรที่จะถูกมองว่าเป็นหลักทรัพย์
แค่เอกสารอาจจะไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Ripple จะมีความรู้สึกดีในเรื่องนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายรายหนึ่งให้เหตุผลว่าความคิดเห็นของอดีตเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. นั้นอาจจะไม่ส่งผลอะไรมากมายต่อรูปคดี เขาให้เหตุผลว่า การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นอยู่ที่ศาลฎีกา ซึ่งยังคงยึดมั่นในมาตรฐานของ Howey Test มาโดยตลอด
จากตามมาตรฐานดังกล่าว “หลักทรัพย์” นั้นจะถูกกำหนดว่าเป็น “การลงทุนเงินในองค์กรทั่วไปโดยคาดหวังถึงผลกำไรที่สมเหตุสมผลที่จะได้รับจากความพยายามขององค์กร” ด้วยนิยามนี้ Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต. เชื่อว่า Cryptocurrency ส่วนใหญ่นั้นจะนับเป็นหลักทรัพย์ ยกเว้นอยู่ตัวหนึ่งก็คือ Bitcoin ซึ่งเขากล่าวว่ามันจัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือ XRP จำนวนมากได้ส่งคำให้การซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อชี้แจงว่ามันไม่ใช่ความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลังการซื้อของพวกเขา จากคำอธิบาย Exhibit 167 ของ Ripple ที่โต้แย้งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ว่า ผู้ที่ซื้อ XRP นั้นก็ “เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน ไม่ได้คาดหวังว่าผลกำไรจะมาจาก Ripple แต่จะมาจากการเคลื่อนไหวของตลาดหรือแหล่งอื่นๆ”
พนักงานของ Ripple ที่อยู่มานานได้ยื่นลาออก
ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับคดีความ แต่มันก็เป็นที่น่าสังเกตว่า หัวหน้าวิศวกรที่อยู่เบื้องหลังการสร้างบัญชีแยกประเภท XRP ได้ประกาศลาออก ในขณะที่เขาไม่ได้ระบุว่าเขาจะทำอะไรต่อไป Nik Bougalis กล่าวว่าเขาจะไม่ทำงานในวงการบล็อกเชนและคริปโตอีกต่อไป นี่ถือเป็นพนักงานรายล่าสุดในแวดวงบริษัท Crypto ที่ยุติบทบาทจากบริษัทของพวกเขา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Gavin Wood ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และ Polkadot กล่าวว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า Parity Technologies ในสัปดาห์ก่อนหน้า การยื่นเอกสารได้เปิดเผยว่าผู้ร่วมก่อตั้งของ Gemini อย่าง Cameron และ Tyler Winklevoss ได้ก้าวลงจากตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของ Gemini Europe ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัล Kraken และเครือข่าย Celsius Network ต่างก็ลาออกเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ
