ช่วงหลายเดือนมานี้ Ripple (XRP) ได้ขยายความร่วมมือทางด้านธุรกิจไปยังพาร์ทเนอร์หลากหลายประเทศทั่วโลกท่ามกลางแนวโน้มที่เริ่มชัดเขนขึ้นเรื่อยๆ ว่าพวกเขาอาจจะชนะคดีกับ SEC
ปัจจุบันพวกเขาร่วมมือกับ Onafriq เพื่อสร้างช่องทางการชำระเงินใน 27 ประเทศในแอฟริกา โดยใช้บล็อกเชนเพื่อการโอนเงินและการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ XRP ยังได้รับการอนุมัติให้ใช้งานได้ในกลุ่ม Middle East-Africa-South Asia (MEASA ) ผ่านการอนุมัติจาก Dubai Financial Services Authority ซึ่งอาจขยายการเข้าถึงไปยัง 72 ประเทศในภูมิภาคทั้ง 3
เชื่อมต่อ UK, Australia, กับ 27 ประเทศใน Africa
แม้จะมีการต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับ SEC ที่อาจสิ้นสุดในปี 2024 แต่ ทางบริษัทก็ยังคงขยายธุรกิจออกไปนอกสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง โดยการอัพเกรดบริการ Ripple-Payments ไปยังหลาย 10 ประเทศในยุโรป รวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกา
ล่าสุดพวกเขาร่วมมือกับ Onafriq ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านมือถือ ในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือ Onafriq จะใช้บล็อคเชนของทางบริษัท เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางใหม่ระหว่าง 27 ประเทศในแอฟริกา ที่เชื่อมต่อกับ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และ Gulf Cooperation Council (GCC) ในตะวันออกกลาง
Ripple (XRP) มีโอกาสขยายสู่อีก 72 ประเทศในกลุ่ม MEASA
Dubai Financial Services Authority (DFSA) ได้อนุญาตให้ XRP สามารถใช้งานได้ในกลุ่ม Dubai International Financail Centre (DIFC) ซึ่งเป็นศูนย์รวมทางการเงินในตะวันออกกลางที่เชื่อมต่อกับทั้งกลุ่ม MEASA
ภูมิภาคทั้ง 3 รวมแล้วทำให้พวกเขามีโอกาสเปิดช่องทางได้ทั้งหมดกว่า 72 ประเทศในกลุ่มนี้ เช่น Saudi Arabia, UAE, Israel, Qatar, และ India ซึ่งภูมิภาคนี้ทั้งหมดมี GDP ที่รวมแล้วสูงถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ