Sam Kazemian ผู้ก่อตั้ง Frax Finance เสนอให้มีการซื้อโทเค็น FXS ซึ่งเป็นของโปรโตคอล DeFi คืน เพื่อประคับประคองตลาดคริปโตหลังจากสภาวะขาลงของตลาด
Kazemian เชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ “ถูกประเมินค่าต่ำเกินไป” และไม่ได้นำเสนอมูลค่าที่แท้จริงของโปรโตคอล Frax ทั้งยังไม่ได้นำเสนอให้เห็น “สมรรถนะในการฟื้นตัว” ของทุนสำรอง FRAX ที่กระจัดกระจายกันของระบบนิเวศที่ใช้ stablecoin ที่เปลี่ยนค่าไปตามอัลกอริธึม
FXS ซึ่งเป็นโทเค็นควบคุมและเอาไว้ใช้ประโยชน์ของเครือข่าย Frax พุ่งขึ้นมาเป็นเป็นจุดสนใจ และมีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 12 ถึงอย่างนั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2022 ราคาของโทเค็นลดลงเหลือ 5.89 ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าราคาตกลงร้อยละ 85 นับจากวันที่ราคาสูงสุดที่ 43 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนมกราคม 2022
แผนการณ์ดังกล่าวในภาวะที่ราคาคริปโตร่วงกระจายกินเวลามากว่าหกเดือนและแย่ลงเรื่อย ๆ จากวิกฤติ LUNA ในเดือนพฤษภาคม นับตั้งแต่ราคาสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 วิกฤต LUNA ทำให้เงินลงทุนในตลาดคริปโตหายไป 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“เป็นที่เห็นพ้องกันว่าราคายันของ FRAX นั้นฟื้นตัวขึ้นมาได้ และทำได้ดีตลอดตั้งแต่เครือข่ายนี้เกิดขึ้น โปรโตคอลทั้งหมดถือว่าคงตัวได้ดี” Kazemin กล่าวในข้อเสนอใหม่ในการควบคุมดูแลที่เขียนคู่กับผู้ก่อตั้ง Travis Moore
“ดังนั้น ทีมงานหลักไม่เชื่อว่าผลงานที่แย่ลงอย่างมากของ FXS หากเทียบกับโทเค็นอื่น ๆ จะได้รับคำอธิบายอีกต่อไป ดูเหมือนว่า FXS นี่แหละจะเป็นสินทรัพย์บน Frax ที่ผันผวนที่สุดที่พอจะประคองไม่ให้บัญชีของบริษัทติดลบ”
Kazemian วิจารณ์ “ความไร้เหตุผลของตลาด”
โปรโตคอล Frax แยกตัวระหว่าง Stablecoin ของตนเองและ Frax shares (FXS) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหรียญควบคุม ตัว FRAX เองมีดอลลาร์สหรัฐคอยยันราคาและมี USDC คอยค้ำประกันมูลค่าบางส่วน นอกจากนี้ FXS ยังช่วยเรื่องการยันราคาด้วยการสะสมค่าธรรมเนียมและรายได้จากการทำเหรียญ
เขายังกล่าวว่าโปรโตคอลทำรายได้ต่อปี 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมี “กระแสเงินสดที่สามารถใช้ประโยชน์จากการประเมินราคา (ของ FXS) ผิดพลาดได้” ในข้อเสนอของเขา ระบุว่า Frax จะสนับสนุนการซื้อคืนผ่านการรวบรวมเงินสดและกำไรเข้าด้วยกัน
หากการซื้อคืนด้วยมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้รับการอนุมัติ การดำเนินการจะเสร็จสิ้นภายในสามสิบวัน โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า ‘time-weighted average market maker’ (TWAMM) ซึ่งอนุญาตให้คำสั่งซื้อระยะยาวขนาดใหญ่สามารถแยกออกเป็นรายการเล็ก ๆ ได้ตลอดเวลาเพื่อลดการเกิด Price Shock
“Frax นั้นแข็งแกร่งและทำกำไรได้เพียงพอที่จะใช้ประโยชน์จากความไร้เหตุผลของตลาดจากตัวโทเค็นปกครอง” Kazemian กล่าว “หากข้อเสนอ่าน การซื้อ FXS สามารถถูกเผาได้ทั้งยวง นำไปประกอบเข้ากับผลตอบแทน veFXS หรือนำกลับไปใส่คืนการคลังจนกว่าเหรียญปกครองจะแบ่งสันปันส่วนการใช้งานรูปแบบใหม่”
หรือนี่จะเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น
ข้อมูลจาก Coinmarketcap เผยว่ามีโทเค็น FXS ราว 16.2 ล้านหน่วยไหลเวียนอยู่ในระบบจากปริมาณทั้งหมด 100 ล้านหน่วย ทั้งนี้ Kazemian หวังว่าการลดปริมาณโทเค็นที่มีอยู่ลงจะช่วยเพิ่มราคาให้กับโทเค็นได้ แต่ผู้คนมิได้เห็นด้วยกับข้อเสนอข้างต้นมากนัก
“ (ดู) เหมือนว่าทีท่าเช่นนี้จะช่วยสร้างผลกระทบระยะสั้น ผมจะปล่อยให้ตลาดให้กำหนดราคา FXS อย่างเหมาะสมและเน้นไปที่การปันส่วนงบประมาณเพื่อสะสมโทเค็นที่สามารถสร้างผลตอบแทนและเสถียรภาพให้กับโปรโตคอลในระยะยาวดีกว่า” Messey_Tony ผู้ใช้งานท่านหนึ่งตอบกลับในฟอรัม Frax
Seba ผู้ใช้อีกรายหนึ่ง แสดงความคิดเห็นหลายประการว่าทำไม Frax ไม่ควรใช้เงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการซื้อ FXS กลับมา โดยกล่าวว่า “การซื้อคืนจะไม่เป็นอะไรมากไปกว่าการแก้ปัญหาระยะสั้นและโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้จริงจักกับโปรโตคอลนักในการขาย FXS ของตน”
“ส่วนนักลงทุนระยะยาวที่เขาลงทุนสภาพคล่องกับตัวเองไปแล้วจะไม่ได้ประโยชน์เลย ที่สำคัญคือการซื้อคืนครั้งนี้ไม่ได้ให้ประโยชน์กับ Frax ด้วยนะ ทั้งยังไม่ขยายตลาดหรือทำประโยชน์ใด ๆ ให้ได้ ซึ่งที่จริงเราควรใช้เงินไปเพื่อจุดประสงค์ที่ดีกับตลาดนี่นา” เขาวิพากษ์
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ