Benjamin Von Wong นักกิจกรรมซึ่งใช้ศิลปะเพื่อสื่อสารประเด็นเชิงสิ่งแวดล้อม และผู้รังสรรค์อาร์ตเวิร์กนามว่า “Skull of Satoshi” โปรโมตงานศิลปะซึ่งเน้นไปที่ความยั่งยืนและแสดงความหวังต่อการใช้พลังงานสีเขียวในการขุด Bitcoin บน Twitter นอกจากนี้ เขายังปกป้องงานศิลปะของตนจากข้อวิจารณ์ต่าง ๆ
ศิลปินชาวแคนาดารายนี้เปิดตัวอาร์ตเวิร์กของเขาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา โดยงานชิ้นนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “Change the code, not the climate” ของ Greenpeace
Wong กล่าวว่างานของเขาไม่ใช่เพื่อ “ต่อต้าน Bitcoin”
Benjamin Von Wong โพสต์ข้อความบน Twitter ว่างานของเขาไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้าน โดยกล่าวว่า “งานชิ้นนี้ถือเป็นความหวังว่าการขุด Bitcoin จะหันไปใช้พลังงานอื่น ๆ แทนการเผาไหม้ฟอสซิลได้” เขากล่าวโดยแสดงความหวังต่อการขุดคริปโตโดยที่ยังไม่สูญเสียความปลอดภัยและรักษาไว้ซึ่งจุดยืนในการกระจายอำนาจ
แม้จะมีการถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบจากการขุด Bitcoin อาร์ตเวิร์กดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของผู้ที่ชื่นชอบมีมทั้งหลาย
Wong ยังกล่าวต่อไปว่าเขาสร้างงานชิ้นนี้ โดยมองว่าการขุดคริปโตนั้นมีปัญหาที่ตามมาอย่างชัดเจน แต่เขาไม่ต้องการจะฟันธงว่าการขุดคริปโตนั้นถูกหรือผิด โดยกล่าวว่า “PoW ดูจะเป็นเรื่องสิ้นเปลือง”
อย่างไรก็ตาม Wong เน้นย้ำว่างานของเขาต้องการจะเน้นย้ำว่า Bitcoin มีแนวโน้มจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้
แรงผลักดันการขุดคริปโตโดยใช้พลังงานหมุนเวียน
ในขณะที่มีการปล่อยงานศิลปะดังกล่าว Greepeace กล่าวว่างานชิ้นนี้ถือเป็นเครื่องเตือนผู้สนับสนุน Bitcoin ว่าด้วยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยกล่าวว่าทางองค์กรจะใช้งาน Skull of Satoshi เพื่อเร่งให้ Bitcoin เปลี่ยนโค้ดของตนเองและยืนยันว่าสถาบันการเงินต่าง ๆ ควรที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
Wong ยังชี้ให้เห็นว่า Greenpeace คิดว่าในท้ายที่สุดจะมี Bitcoin ใน “รูปแบบที่ดีขึ้น” เมื่อพิจารณาจากประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งยังไม่ส่งผลเสียใด ๆ ต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ด้วยประการฉะนี้ เขาจึงเน้นย้ำว่า “แทนที่จะเถียงกัน เรามาร่วมกันพัฒนาการขุด Bitcoin จากแก่นแท้ของปัญหาดีกว่าโดยการสร้างแรงจูงใจในการแก้ไข”
ถึงศิลปินผู้รักษ์โลกรายนี้จะร้องขอให้มีการใช้พลังงานสะอาดเพื่อขุด Bitcoin แต่นักลงทุน Bitcoin ต่างเห็นว่าเครือข่าย Bitcoin จะแก้ไขโค้ดก็ต่อเมื่อมีอันตรายต่อเครือข่ายเท่านั้น Wong กล่าวต่อว่า “ถ้านักขุด BTC ช่วยกันหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานลม หรือพลังงานแสงอาทิตย์แทนที่จะใช้พลังงานถ่านหิน แคมเปญแบบที่ Greenpeace ออกมาก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป”
ก่อนหน้านี้ BeInCrypto เคยตั้งข้อสังเกตว่าเมื่ออ้างอิงจากงานวิจัยของ ARK พบว่าศักยภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น 4.6 เท่า ซึ่งสอดรับต่อความต้องการของลูกค้ากว่า 99% การใช้พลังงานเช่นนี้ยังคงคำนึงถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรของ Bitcoin เสมอ
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2023 พลังงาน Bitcoin แบบสะอาดและหมุนเวียนถูกแปลงเป็น Ordinal NFT แพลตฟอร์ม Carbon.Credit กล่าวในแถลงการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะถูกซื้อขายในฐานะ Clean Bitcoin (CBTC)
ในปี 2022 Ethereum ได้เปลี่ยนจากการใช้ PoW ไปใช้ Proof-of-Stake (PoS) จากการทำ The Merge ในเมนเน็ตของตนเอง
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ