Trusted

เปิด Timeline: “เงินบาทดิจิตอล”(Digital Baht)

2 mins
อัพเดทโดย Nonthachai Sukkankosol

สรุปย่อ

  • Timeline การทดสอบพัฒนา “เงินบาทดิจิตอล” (Digital Baht)
  • Promo

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ออกมาเผย Timeline สำหรับการพัฒนาและทดสอบ เงินบาทดิจิตอล หรือ CBDC โดยร่วมมือกับภาคเอกชน 3 รายที่ร่วมทดสอบได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชน์ ธนาคารกรุงศรี และ บริษัททูซีทูพี

CBDC คือ สกุลเงินดิจิตอลที่ถูกออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ภาคส่วนสำคัญในประเทศไทย

  • “Whole Sale” สำหรับการทำธุรกรรมภายในระหว่างสถาบันทางการเงิน
  • “Retail” สำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจที่ประชาชนทั่วไปใช้จับจ่ายใช้สอย

Timeline การทดสอบพัฒนา “เงินบาทดิจิตอล” (Digital Baht)

เมื่อวันที่ 28 เมษายน ในรายการ “แบงก์ชาติชวนคุย” ผ่าน Facebook ของธนาคารแห่งประเทศไทย มีการเปิดเผยไทม์ไลน์การทดสอบบาทดิจิตอลกับรายย่อยโดยสามารถไล่รายละเอียดได้ดังนี้

ธันวาคม 65 – พฤษภาคม 66

แบงก์ชาติเริ่มทดลองการใช้งานกับพนักงานของแบงก์ชาติและร้านค้าทั่วไปบริเวณแบงก์ชาติ

พฤษภาคม – สิงหาคม 66

ขยายการใช้งานไปยังพนักงานและร้านค้าบริเวณผู้ใช้บริการของบริษัทเอกชนทั้ง 3 ราย ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชน์ ธนาคารกรุงศรี และ บริษัททูซีทูพี เพื่อทดสอบการชำระค่าสินค้าและบริการในพื้นที่ทดสอบ โดยจะมีกลุ่มผู้ทดสอบร่วมทั้งสิ้นราว 10,000 คน

วิธีการใช้งานผู้ร่วมทดสอบจะใช้ “แอปพลิเคชั่น CBDC Wallet” ที่นำไปผูกกับ “บัญชีธนาคารของธนาคารที่เข้าร่วมทดสอบ” ผู้ใช้งานต้องนำเงินฝากในบัญชีไปแลกเป็นเงินดิจิตอลไปเก็บไว้ในแอปก่อนนำไปใช้จ่าย แน่นอนว่าเงินดิจิตอลสามารถแลกกลับมาเป็นเงินในบัญชีได้ผ่านทางแอป อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาสนับสนุนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิตอลดังกล่าวมาก่อนหน้านี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติยังกำชับว่า “ยังไม่มีแผนจะนำมาใช้งานจริงสำหรับ Retail หรือภาคประชาชน” ขั้นตอนปัจจุบันยังเป็นการพัฒนาและการทดสอบ

แผนงาน เงินบาทดิจิตอล ปี พ.ศ. 2567 – 2568

แบงก์ชาติเผยว่าอาจมีการ “ใช้งานจริงในภาคส่วน Wholesale” หรือระหว่างสถาบันทางการเงิน เพราะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน และลดขั้นตอนธุรกรรมทางบัญชีต่างๆ ไปได้มาก

นาย กษิดิศ ตันสงวน ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร ธปท. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ การทดสอบภาคส่วน Wholesale สำเร็จไปได้ด้วยดีผ่านโครงการ “mBridge” ที่มี 4 ประเทศได้แก่ ธนาคารกลางไทย จีน ฮ่องกง และ UAE

ในโครงการดังกล่าว ทั้ง 4 ประเทศเข้าร่วมพัฒนาต้นแบบระบบสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศในลักษณะหลายสกุลเงิน (multi-currency) และพบว่าได้ผลรับที่ดีช่วยลดต้นทุนและชำระธุรกรรมได้รวดเร็วขึ้น ทางธนาคารจึงมองว่าจะผลักดันการใช้งานในภาคส่วนนี้ให้เกิดขึ้นจริงก่อน

🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024
🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024
🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024

ข้อจำกัดความรับผิด

หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ

IMG_4466-1.png
Nonthachai Sukkankosol
นนทชัย สักการโกศล จบการศึกษาปริญญาโท ด้านการวิจัยผลงานศิลปะร่วมสมัย จาก SOAS University of London แต่ผันตัวมาเป็นผู้แนะนำการลงทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ Finansia Syrus Securities PLC. เขาถือใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนตราสารทุน ตราสารหนี้และกองทุนรวม และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงใบรับรองด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค CMT ระดับ 2 จาก CMT Association ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ และเริ่มลงทุนคริปโตเคอเรนซี่มาตั้งแต่ปี 2016
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน