Veritaseum Capital ฟ้องยักษ์ใหญ่อย่าง Coinbase ข้อหาละเมิดสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีสำหรับการให้บริการต่างๆ บนกระดานเทรดและการทำธุรกรรมโอนย้ายสินทรัพย์ดิจิตอลต่างๆ พวกเขาต้องการเรียกร้องค่าเสียหายที่ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
พวกเขาคือ บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ที่พัฒนาตลาดทุนแบบ peer-to-peer และ blockchain เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ทั่วโลก โดยตัดตัวกลางบุคคลที่ 3 ออกไป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อโต้ตอบกับตลาดบนด้วยรูปแบบ peer-to-peer ได้โดยตรงหรือแบบตัวต่อตัว
Reggie Middleton ผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวยื่นฟ้องคดีละเมิดสิทธิบัตรต่อในศาลรัฐบาลกลางเดลาแวร์เมื่อวันพฤหัสบดี เขากล่าวหาว่า Coinbase ใช้สิทธิบัตรของเขาซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อการทำธุรกรรมดิจิทัลที่ปลอดภัยใน Pay, บริการ Cloud, กระเป๋าเงิน, เว็บไซต์และแอพ
การยื่นฟ้องร้อง
โจทก์เน้นย้ำว่าสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ มอบสิทธิบัตรที่เป็นปัญหาให้กับเขาในปี 2021 การร้องเรียนที่เพิ่งยื่นล่าสุดระบุว่า
“Reginald Middleton ได้คิดค้นอุปกรณ์ ระบบ และวิธีการใหม่ที่ช่วยให้ฝ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ Trust ในโอนสินทรัพย์หรือข้อมูลจากบุคคลที่สาม…และได้รับสิทธิบัตรจากสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ (“USPTO”) ได้แก่ สิทธิบัตรสหรัฐอเมริกาหมายเลข 11,196,566 (สิทธิบัตร “’566”)”
บริษัทได้ติดต่อไปยัง Coinbase เพื่อยุติปัญหานี้โดยไม่มีข้อพิพาททางกฎหมายในศาล แต่ทางบริษัทกลับ “ไม่ให้ความร่วมมือ” Carl Brundidge ทนายความของ Veritaseum กล่าว และตอนนี้ Middleton และบริษัทของเขาเลือกฟ้องร้องต่อศาล เพื่อเรียกค่าเสียหาย 350 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Coinbase ยอมรับผิดและหยุดแพลตฟอร์มจากการใช้สิทธิบัตรเหล่านี้ในบริการของตน
Veritaseum Capital เคยถูกกล่าวหาว่าเป็น “มิจฉาชีพ” โดย SEC เมื่อปี 2019
บริษัทเคยถูกกล่าวหาว่าเป็น มิจฉาชีพโดย SEC ของสหรัฐเมื่อปี 2019 ด้านผู้กำกับดูแล กล่าวหาว่าบริษัทหลอกลวงชุมชนเกี่ยวกับมูลค่าตลาดของโทเค็น VERI เพื่อส่งเสริมการขาย นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวทำการควบคุมและแทรกแซงราคาโทเค็นตั้งแต่ปี 2017 ถึง 2018
ทางบริษัทและผู้ก่อตั้ง Middleton ให้การในศาลรัฐบาลกลางบรูคลินว่า บริษัท ไม่ได้บิดเบือนราคาและเผยแพร่ความเท็จใดๆ โดยมีเจตนาที่จะฉ้อโกงและโทเค็นของพวกเขาไม่ใช่หลักทรัพย์ พวกเขาเสริมอีกว่า รายการซื้อขายโทเค็นที่เป็นปัญหานั้นเป็น “ความพยายามของ Middleton ในการทดสอบกระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลใหม่”
แต่ในที่สุด บริษัท และผู้ก่อตั้งตกลงที่จะชำระข้อตกลงที่ต้องจ่ายค่าปรับแก่ SEC จำนวนกว่า 9.4 ล้านดอลลาร์ และจ่ายเงินเพิ่มอีก 1 ล้านเป็นค่าปรับสำหรับ Middleton เพื่อยุติข้อกล่าวหาโครงการฉ้อโกงกับเขา
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ