Visa และ Mastercard ซึ่งเป็นบริษัทด้านการชำระเงินรายใหญ่ที่สุดของโลกสองแห่ง ได้ยุติแผนการที่จะเป็นพันธมิตรกับบริษัทด้านคริปโต หลังจากการล่มสลายครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโตซึ่งสร้างความสั่นคลอน ทั้งยังยกระดับการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ
บริษัททั้งสองแห่งได้ตัดสินใจที่จะชะลอการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีบางรายการจนกว่าสภาวะตลาดและสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบจะดีขึ้น ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมคริปโตได้เห็นการพลิกกลับของโชคชะตาอย่างน่าทึ่งในปี 2022 เนื่องจากการล้มละลายของโปรโตคอลหลักอุตสาหกรรมหลัก อาทิ FTX และ BlockFi ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับนักลงทุน
Visa และ Mastercard ประวิงการเป็นพันธมิตรกับบริษัทคริปโตเคอเรนซี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Visa และ Mastercard ได้เริ่มต้นเข้าสู่วงการคริปโตเคอเรนซี เนื่องจากความนิยมของเงินดิจิทัลนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยบางคนมองว่านี่เป็นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในวงการการเงิน กล่าวคือ พวกเขาได้ประกาศความร่วมมือหลายบริษัทกับบริษัทคริปโตและจัดตั้งทีมงานเฉพาะเพื่อสำรวจเทคโนโลยีบล็อกเชน
ถึงกระนั้น เหตุการณ์ล่าสุดทำให้ Visa และ Mastercard ต้องล่าถอยจากอุตสาหกรรมนี้และรอคอยกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน
“ความล้มเหลวของบริษัทคริปโตขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ถือเป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญว่าเรามีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่คริปโตเคอเรนซีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการชำระเงินและบริการทางการเงินกระแสหลัก” ผู้แทนของ Visa กล่าว “ความพยายามของเรายังคงมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีบล็อกเชนพื้นฐานและสรรหาวิธีที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยแก้ไขจุดบกพร่องในปัจจุบัน และสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น” โฆษกของ Mastercard กล่าวเสริม
American Express กล่าวว่าจะพิจารณาการใช้คริปโตเคอเรนซีเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้ในการแลกคะแนนสะสมในอนาคต แต่ทางบริษัทไม่ได้มองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระยะเวลาอันใกล้นี้
โฆษกของ AmEx กล่าวว่าบริษัทยังคงสำรวจขอบข่ายการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว แต่ความล่าช้านั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ไม่แน่นอนสำหรับคริปโตเคอเรนซี และความต้องการ รวมถึงความสนใจที่ลดลงสำหรับบริการคริปโตเคอเรนซีในระยะเวลาอันใกล้นี้
Thomas Hayes ประธานและสมาชิกผู้จัดการของบริษัทการลงทุน Great Hill Capital แสดงความคิดเห็นว่า
“พวกเขาไม่สามารถ และไม่ควรเดินหน้า จนกว่าจะมีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน ความล่าช้าไม่ได้เกิดจากส่วนที่ธุรกิจหลัก เนื่องจากภาคส่วนดังกล่าวยังคงแข็งแกร่ง แตเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ไม่แน่นอนสำหรับคริปโตเคอเรนซี และความต้องการ รวมถึงความสนใจสำหรับบริการคริปโตที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ