การคาดคะเนอนาคต ETH นี้เราจะมาพูดถึงการทำนายตลาดในปี 2017 กันต่อจากบทความที่แล้ว
สถานการณ์ที่จะเป็นไปได้
- ตลาดเคยเกิดฟองสบู่แตกมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2017 ซึ่ง เราคาดว่าอย่างแรกสุดคือ ‘Complacency shoulder‘ ตามเคย (เกิดจากการ Dump ของเจ้าและมีคนมาเข้าซื้อใหม่ ก่อนจะ Dump ลงใหม่อีกครั้งแบบจริงๆ)
2. ตลาดจะแห้งไปซักพักเหมือนในปี 2013 ซึ่งจะเป็นฟองสบู่แตก แล้วจะกลับมา Bullish ใหม่อีกครั้งเมื่อไล่เม่าออกจากตลาดไปหมดแล้ว
3. ตลาดอาจจะ Panic แล้วลงไปต่อ โดยที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะลงไปสุดที่เท่าไหร่
4. ตลาดมีความเชื่อมั่นต่อ คนช้อนกันกลับไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งมันคงเป็นไปได้ทุกแบบเลยถูกไหมหละ? หรือว่าผมอาจจะเดาผิดหมดเลยก็ได้ มันอาจจะ Side-way ตลอดไปเลยก็ได้ แต่บางสถานการณ์ย่อมมีโอกาสเกิดได้มากกว่าบางสถานการณ์
Sponsoredเมื่อดูโอกาสที่จะเป็นไปได้แล้วนั้น เราจะต้องมาคำนวณแต่ละความเป็นไปได้ก่อนว่ามันจะเป็นอย่างไรได้บ้าง ในโอกาสที่มันจะล่วงลงไปได้สุดๆอาจจะเป็นเช่นนี้
- p(1) = 45%
- p(2) = 45%
- p(3) = 5%
- p(4) = 5%
เมื่อดูจากสถิติของตลาดแล้ว ในช่วงนี้ โอกาสเกิดแบบที่ 1 และ 2 เป็นไปได้มากที่สุดที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง 3 และ 4 ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน
เมื่อเราวิเคราะห์ทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้แล้ว เรามาดูกันว่าจะทำอย่างไร
- 1 – ซื้อ ตอนลง ขายตอนกลับขึ้นไปเท่าเดิม
- 2 – ซื้อ ตอนลง ขายตอนกลับขึ้นไป Newhigh
- 3 – ขาย มันอาจจะลงไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ Cut ไปก่อน
- 4 – ซื้อ มันาอาจจะกลับขึ้นไปถึงจุดเดิมภายในวันเดียว
เมื่อเราคาดเดาว่าสถานการณ์จะเกิดเช่นนี้แล้ว การซื้อนั้นมีโอกาส 95% ที่เราจะกำไรมากกว่าขาดทุน มีโอกาส 50% ที่จะถึง Newhigh ใหม่และ 45% ที่จะขายทำกำไรได้ แต่ไม่ถึง ATH และ 5% ที่จะหมดตัวหากไม่ขาย
โดยเมื่อวิเคราะห์ลงไปอีก
- 45% ที่จะกำไร +80% PNL (ซื้อที่ $2,000 และขายราวๆ $3,600)
- 50% ที่จะได้มากกว่า +100% PNL (ซื้อที่ $2,000 และขายมากกว่า Newhigh)
- 5% ที่จะขาดทุน -20% PNL (ซื้อที่ $2,000 และขายทิ้งหมดเมื่อราคาไป $1,600)
ทีนี้เราได้แผนที่ง่ายๆมาว่าซื้อเมื่อราคา $2,000 และขายเมื่อ $3,600 ดูใหม่อีกทีนึง เตรียมแผนหากลงไปกว่า 20% จะ Cut ทิ้งหมด โดยที่ 95% มีโอกาสชนะ +80% และโอกาสแพ้ 5% ซึ่งจะลบไป -20% ดูเหมือนจะเป็นการแทงที่คุ้ม
ถ้าคุณพลาดโอกาสขายไปหรือกำลังถือเงินรอเข้าอยู่ ลองใช้การคาดการณ์เหล่านี้วิเคราะห์ดูว่าจะเป็นอย่างไรได้บ้าง แต่อย่าเพิ่ง Panic-sell โดยไม่มีแผนรองรับหละ
