กำไร Layer 2 นั้นมีความสำคัญอย่างมากใน Blockchain อ้างอิงจาก CryptoFees.info, Ethereum L2 นั้นสร้างได้รายได้ถึง $510-100k ในแต่ละวันจาก Transaction fee. ซึ่งโดยปกติแล้วการจะใช้งาน L2 นั้นผู้ใช้จำเป็นต้องจ่ายเป็นเหรียญ L2 เป็นการตอบแทนด้วย
L2s นั้นเป็นเป็นผลผลิตโดยตรงจาก L1 ซึ่ง L2 จำเป็นต้องใช้เหรียญ L1 ในการ ‘สร้าง’ บน Blockchain ซึ่งเราสามารถหาพวก L2 ได้จากพวก Arbitrum, Polyon, Optimism หรือ ETH burn rate ได้จาก UltraSound.Money
ความโดดเด่นคือ เหรียญ L2 ไม่จำเป็นต้องจำหน่ายเหรียญเพื่อ Maintain ความปลอดภัยของเชนเอง
เหรียญ L2 นั้นถูกสร้างอยู่บน Ethereum ทำให้พวกมันสามารถออกเหรียญมาใช้งานได้โดยไม่ต้องมี Node ของตัวเอง ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากหน่อยที่ กำไร Layer 2 นั้นจะต้องหักมาจ่ายค่า Maintain ตัวเองบน Ethereum อีกที
L2 นั้นบริหารเหมือนแผง Solar cell ที่ให้ผู้ใช้บริการจ่ายในราคาที่ถูก แต่เขาต้องรวบรวมเงินที่ผู้ใช้ประหยัดไปได้ในการจ่ายค่าติดตั้งแต่ละครั้ง นั้นเป็นเหตุผลว่า L2 ยิ่งมีการถูกใช้งานมากเท่าไหร่ รายได้ก็จะยิ่งถูกผลักให้ไปอยู่บน L1 มากขึ้นเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ทำให้ Ethereum ในอนาคตนั้นไม่ได้เป็นธุรกิจที่ให้บริการแก่ User โดยตรง แต่จะให้บริการแก่ Blockchain Layer 2 แทน เนื่องจากค่า fee บน Ethereum นั้นแพงเกินกว่าที่ User ธรรมดาจะใช้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของ Layer 2 แทนที่จะต้องจ่าย
Blockchain ที่กำไรได้เป็นที่แรกใกล้เข้ามาแล้ว
Ethereum กำลังจะกลายเป็น Blockchain แรกที่มีแผนธุรกิจที่มั่นคงและทำกำไรได้ระยะยาวหลังจากที่ถูก Merge (ETH 2.0), อาจจะเป็นปีนี้ในระหว่างเดือน กรกฎาหรือมิถุนายน ซึ่งจะเปลี่ยนจาก Proof of Work → Proof of Stake ซึ่งทำให้การเพิ่มขึ้นของเหรียญหายไป 90%
ความน่าสนใจอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายของสำหรับแต่ละ Node นั้นน้อยลงไปมากในขณะที่มีความปลอดภัยเท่าเดิม ซึ่งจะทำให้ Chain นั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้วยการลดการจ่ายเหรียญออกลง 90% Ethereum จะจ่ายออกเพียง $4M ETH แก่ ผู้ Stake เท่านั้น โดยสิ่งสำคัญคือค่าธรรมเนียมของ ETH นั้นจะไม่ได้ถูกชาร์จแก่ผู้ Stake
หมายความว่าในปีนี้ Network จะถูกจ่ายทั้งหมด $4M ล้านต่อวันเท่านั้น ในขณะที่หากสร้างรายได้ $13M ต่อวันแบบนี้ จะเกิดกำไร $9M โดยมี Profit margin อยู่ที่ +72% ต่อวัน
มันคุ้มค่าที่จะบอกว่า ETH นั้นบรรลุทฤษฎี Triple point asset thesis ได้ด้วยการ Merge และเปลี่ยน ETH ให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่สร้างดอกเบี้ยได้แบบเป็นประจำ
ค่าธรรมเนียมของ ETH นั้นจะถูกโอนไปยัง EIP1559 (กระเป๋า Buyback) และ Staking (เงินปันผล) ซึ่งทำให้ ETH นั้นมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแบบ x2 เนื่องจากในแต่วัน ETH จะมีการเผาเหรียญตัวเองเพื่อคุมเงินเฟ้อไว้ ในขณะที่เครือข่ายก็ปลอดภัยขึ้นเนื่องจากคนเอา ETH ไป Stake
Ethereum จึงกำลังจะกลายเป็น Blockchain แรกที่มีกำไร
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ