ผู้เสนอ DeFi ยังคงนำชัยใน Stablecoin แบบใช้อัลกอริธึม แม้จะเกิดการล่มสลายกับ Terra เมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงปัญหาความหวาดระแวงที่แวดล้อม Stablecoin
หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมของ stablecoin Terra (UST) ผู้ใช้งาน DeFi โดยเฉพาะ Stablecoin ที่ทำงานบนพื้นฐานของอัลกอริธึม เชื่อว่าอนาคตของ DeFi ขึ้นอยู่กับ Stablecoin โดยปฏิเสธที่จะ Write off สินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้
“Algo Stable จะยังดำเนินต่อไปในอีก 5 – 7 ปีข้างหน้า” Hassan Bassiri ผู้ซึ่งทำงานกับ Arca ซึ่งเป็นผู้ค้ำมูลค่าของ Terra กล่าว
Stablecoin ที่ใช้อัลกอริธึมเป็นซับเซ็ตหนึ่งของ Stablecoin ปกติ หรือจะเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เงินจริงในการประกันราคาก็ได้เช่นกัน เพื่อประกันราคาให้สอดคล้องกับเงินสกุลจริง ผู้ออก Stablecoin มักจะถือเงินเอาไว้ซึ่งสามารถถอนได้ทีละจำนวนมากจากผู้ลงทุน โดยหวังจะนำเงินที่พวกเขาลงทุนไปแลกออกมาเป็นเงินสด
Stablecoin แบบอัลกอริธึมพึ่งพาการใช้ Smart Contract และ Computer Code เพื่อประคองค่ากับสกุลเงินจริงเอาไว้
“ถ้าอยากทำแบบนี้จริง ๆ ต้องมีทักษะเฉียบแหลมและสายตาที่เฉียบคม” Tarun Chitra ผู้เป็น CEO ของ Guantlet แพลตฟอร์มคริปโตเจ้าหนึ่งกล่าว
ปริมาณธุรกรรมที่ส่งผลต่อการล่มสลายของ DeFi และ Terra
Terraform Labs บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง UST และ Luna อาศัยเงินฝากที่ทํากับโปรโตคอล Anchor ซึ่งเป็นธนาคารคริปโตประเภทต่าง ๆ เพื่อรักษาสมดุลระหว่าง Terra และ Luna
Terraform Labs เสนอผลตอบแทนประจําปี 20% เพื่อโทเค็น Terra ที่ลงทุนไว้ เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนลงทุนกับ UST ด้วยเงินทุนที่เป็นไปได้โดยการตรวจสอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
ผลตอบแทนสูงขึ้นอยู่กับปริมาณเงินฝาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลดลงเนื่องจากธนาคารกลางหยุดแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนในโครงการกระจายอํานาจรวมถึง UST จึงเริ่มลดลง โดยลบเสาหลักของการเงินแบบกระจายอํานาจ ซึ่งก็คือปริมาณการทําธุรกรรมเข้าและออกจาก Anchor ออกไป
กระนั้น ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ UST สามารถเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นของ DeFi ได้เช่นกัน
สัญญาณแรกของอันตรายสําหรับ UST เกิดขึ้นเมื่อนิติบุคคลหรือบริษัททําการแลกเปลี่ยนของ UST กับ Stablecoins อื่น ๆ เช่น USDC Tether และ Dai ซึ่งทำงานบนโปรโตคอล DeFi ชื่อ Curve ผลลัพธ์ก็คือราคา UST ลดลงจากราคาที่ประกันมูลค่าไว้
เมื่อ UST ลดลงต่ํากว่าหมุด $ 1 ผู้ค้าสามารถ “เผา” 1 UST โดยการซื้อโทเค็นน้องสาวมูลค่า $ 1 ที่เรียกว่า Luna เพิ่มความขาดแคลนของ UST ได้อย่างมีประสิทธิภาพผลักดันราคากลับขึ้นไปที่ $ 1 เมื่อมูลค่าของ UST เกิน $ 1 โทเค็น Luna อาจถูกเผาเพื่อสร้าง 1 UST เพิ่มการไหลเวียนของ UST และลดราคาลง
ในขณะที่ผู้ถือ UST เริ่มผลาญ UST ของพวกเขาเพื่อ Luna ซึ่งกําลังล่มจ่ม ทำให้จำเป็นต้องใช้ Luna มากขึ้นเพื่อจะทําเงินได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ อัลกอริทึมสร้าง Luna มากขึ้น แต่ทําให้ราคาของ Luna ลดลงไปอีก ทําให้ Luna จําเป็นต้องทําเงินได้มากขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ในที่สุดอัลกอริธึมถาวรทําให้ UST ลดลง เหลือ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 11 พฤษภาคม 2022
“Sun” จะเปล่งประกายอีกครั้ง
Justin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron ปกป้อง Terra ในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยยอมรับว่า Stablecoin แบบใช้อัลกอริธึมมีปัญหาที่เงินดิจิทัลสกุลใหม่ ๆ สามารถเรียนรู้ได้
เขาอธิบายการโจมตี Tron เข้าไปใน USDD ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ใช้อัลกอริธึมที่จะทํางานโดยใช้กลไกอนุญาโตตุลาการอัลกอริทึมที่คล้ายกันกับ Terra เพื่อรักษาหมุดราคากับดอลลาร์สหรัฐ
หมุดราคาของ Stablecoin จะมี Alameda Research เป็นผู้ดูแลและใช้เงินทุนของ Amber Group โดยมีการปรับอัตราผลตอบแทนตาม “สภาวะตลาด”
Sun เชื่อมั่นใน Stablecoin ที่ใช้อัลกอริธึมกำกับมูลค่า ซึ่งปลอดจากการกํากับดูแลของรัฐบาลและไม่เชื่อว่าการสั่งห้ามจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม
“หากในวันพรุ่งนี้หน่วยงานกํากับดูแลตัดสินใจที่จะห้าม Stablecoins เช่นเดียวกับเมื่อจีนประกาศห้ามใช้เงินดิจิทัล มันจะก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อระบบ ทั้งหมด” “เราต้องมี Stablecoin ที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยบุคคลที่สามนอกวงการคริปโต” เขากล่าวในการอ้างอิงถึง USDC ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ออกโดย Circle
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อมั่นในลักษณะนี้ Ryan Watkins ผู้ร่วมก่อตั้ง Pangea Fund Management ซึ่งเป็นกองทุนป้องกันความเสี่ยงคริปโตกล่าวว่าเขาคิดว่าภาคธุรกิจนี้ควรจบสิ้นแล้ว
“ผมหวังว่า Terra จะหมุนได้ทันเวลา”
Trusted
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ