กลยุทธ์ในการเอาชนะตลาดคริปโต นั้นไม่จำเป็นต้องยากมากมาย คุณไม่จำเป็นที่จะต้องถือมากกว่า 5 ตัวในการ ลงทุนให้ชนะคนส่วนใหญ่ จากประสบการณ์การวิเคราะห์ทรัพย์สินมากกว่า 10,000 ตัว
นี้คือวิธีพื้นฐานที่เราจะสามารถสร้างพอร์ดที่โตได้แบบเท่าตัวหรือ 3 เท่าตัวในแต่ละปี เรามาดูกันซิว่าต้องทำอย่าไงร เราสามารถเริ่มต้นจากวันนี้ได้เลยจากการลงทุนเพียงเล็กน้อย ลองกับตัวเองและค่อยๆเพิ่มไปตามที่ชอบได้เลย
3 ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจเมื่อลงทุนในคริปโต
เรื่องหลักอย่างนึงที่ต้องรู้คือเงินในตลาดคริปโตนั้นอันตราย ความผันผวนมีอยู่สูงเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ (คุณไม่ควรที่จะเทรดถ้าคุณยังไม่เข้าใจ หรือยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ถึงขั้นว่าจะหมดตัว) ซึ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่คุณควรจะเข้าใจหากจะลงทุนในตลาดนี้
เพื่อที่จะเก็บกำไรจากตลาดนี้โดยที่ไม่ได้ให้ตลาดเข้ามาทำร้ายเรา เรามี 3 สิ่งที่เราควรจะต้องเข้าใจก่อนเป็นอันดับแรกคือ
- สภาพคล่อง (Liquidity) มีผลอย่างไรกับตลาดคริปโต
- เราจะสร้างพอร์ตอย่างไรให้ลดโอกาสขาดทุนให้ได้มากที่สุด
- เราจะแบ่งพอร์ตของเราอย่างไร? และมีกลยุทธ์อย่างไรดี?
เพื่อที่จะแถลงไข เราได้วัดผลกับ Crypto เป็นจำนวน 11,598 ตัวผ่านเวลา 8 ปี ที่ถูก List อยู่บน CoinGecko โดยใช้ Free API ที่มีไว้ให้ CoinGecko ได้เปรียบเทียบมากกว่า 500 Exchange ในเวลานี้ ซึ่งได้ตัดเหล่า Stablecoin และ Crypto ที่ไม่ได้มี liquidity ออกไปหมดแล้ว ซึ่งสุดท้ายแล้วเหลืออยู่ประมาณ 1,000 ตัวให้เราได้ศึกษาจริงๆจากมัน
ทำความเข้าใจ ‘สภาพคล่องตลาด’
สภาพคล่องของตลาดนั้นถูกมองข้ามมาตลอด แม้ว่าจะอย่างนั้นมันก็ยังเป็นสิ่งแรกที่คุณควรจะเข้าใจในทุกๆตลาด นั้นเป็นเพราะว่าทุกๆทรัพย์สินนั้นถูกทำให้ซื้อขายได้ง่ายผ่านตัวเงิน หุ้น หรือตัวเลข หากมันไม่มีสภาพคล่องหรือมีคนซื้อขายอยู่บนตลาดแล้วนั้น คุณก็จะไม่สามารถซื้อหรือขายได้อีกต่อไป
ถ้าคุณถือคริปโตไว้แล้วไม่สามารถขายได้อีก นั้นหมายความว่าคุณได้เสียเงินทั้งหมดของคุณไป คุณไม่สามารถซื้อคริปโตได้ถ้าหากสภาพคล่องนั้นต่ำเกินไป มันจะมีทั้งราคาที่สูงเว่อร์ และต่ำเว่อร์ ซึ่งจะขายกันอยู่เพียงไม่กี่คน
และนี้คือภาพรายงานอายุขัยของ Crypto ในปี 2014
ในแต่ละกล่องนั้นแสดงถึง Crypto ในแต่ละ Catagory ซึ่งเราได้วิเคราะห์แค่ประมาณ 46% ของคริปโตโปรเจ็คที่มีค่า แต่ว่าปีนึงจะมีคริปโตโปรเจ็คที่ล่มหายไปถึง 34% จาก 46% ซึ่งแปลว่าโปรเจ็คที่เหลืออยู่จะมีเพียง 10%!!
เราสามารถอ้างอิงทฤษฎี Lindy Effect ได้ Lindy Effect คือปรากฎการณ์ที่บ่งบอกว่าเมื่อมีเทคโนโลยีใดที่ถูกใช้เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จะมีแนวโน้มที่อยู่ยั่งยืนไปได้ตลอด
ซึ่งถ้าเรามองว่า Crypto เป็นสิ่งมีชีวิต เราก็จะเห็นว่าปริมาณการเทรดที่ 100k /วัน นั้นเป็นเส้นชี้เป็นชี้ตายสำหรับแต่ละโปรเจ็คเลยทีเดียว ถ้ามันต่ำลงมากกว่า 30 วัน มันมีแนวโน้มว่าจะตาย แต่ถ้ามากกว่าซัก 30 วันติดต่อกันมีแนวโน้มว่ามันจะมี Volume ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สภาพคล่องนั้นเป็นเหมือนดาบสองคม นัยนึงเราไม่สามารถรู้ได้ทุกตัวว่ามันจะได้กำไรมากี่เท่า หรืออาจจะหายไปได้หมดเลย นี้เป็นปัญหาใหญ่มากๆสำหรับเรื่องสภาพคล่องของตลาดที่ผันผวนอย่างมากในตลาดนี้
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ