ตัวเลขจาก Internal Revenue Service เผยผู้หญิงบราซิลถือครองคริปโตมากกว่าที่เคย

พลเมืองบราซิลกว่า 1.3 ล้านคนประกาศการถือครองสินทรัพย์คริปโตในรายงานภาษีของพวกเขา และจำนวนของผู้หญิงสูงกว่าที่เคยมีการบันทึกเอาไว้

ในปี 2019 Internal Revenue Service ได้ออกข้อกําหนดว่าผู้ค้าทุกคนควรส่งข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายที่ทําโดยใช้เงินดิจิทัล โดยไม่คํานึงถึงแพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้ดําเนินการ ผู้ค้าจะต้องจ่ายภาษีสําหรับการซื้อขายที่ทํากําไรได้

ตั้งแต่นั้นมา จํานวนของผู้หญิงที่แจ้งเรื่องในรายงานภาษี และซื้อขายคริปโตจึงเพิ่มขึ้นประมาณ 4% และตอนนี้คิดเป็นเกือบ 20% จากการทําธุรกรรมทั้งหมดในบราซิล

เงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ปรากฏในการแจ้งภาษี ได้แก่ Tether (USDT), Bitcoin (BTC), USD Coin (USDC) และ Ethereum (ETH) โดย Tether มีจำนวนธุรกรรมจํานวนมากที่สุด ประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเรียลบราซิล) และ Bitcoin มาเป็นอันดับสองด้วยจำนวนประมาณ 332 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเรียลบราซิล)

เงินดิจิทัล 10 อันดับแรกในรายการยังรวมถึง XRP, Cardano (ADA) และ Solana (SOL)

ละตินอเมริกาเป็นตลาดที่มีแนวโน้มสําหรับอุตสาหกรรมคริปโต โดยหลายประเทศในภูมิภาคนี้ยกระดับความพยายามในการใช้งานคริปโตเคอเรนซีในประเทศของตน

บราซิลเป็นหนึ่งในดินแดนที่ใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา ในปี 2021 ประเทศแห่งนี้มียอดซื้อขายคริปโต 4.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยใช้เงินดิจิทัล 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากยอดธุรกรรมโดยรวม

และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทางการบราซิลกําลังสรรหาวิธีท่จะควบคุมเงินดิจิทัลเพื่อให้จัดการได้ดีขึ้น

ในเดือนเมษายน 2022 วุฒิสภาแห่งสหพันธรัฐบราซิลได้ผ่านร่างกฎหมายซึ่งแนะนำ “ผู้ให้บริการเสมือน” เพื่อพยายามที่จะควบคุมธุรกรรมคริปโตในประเทศ ร่างกฎหมายนี้อธิบายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเป็นการแสดงมูลค่าทางดิจิทัลที่สามารถซื้อขายได้และสามารถโอนได้ และสามารถใช้สําหรับการชําระเงินและการลงทุนได้

Irajá Abreu ผู้ประสานงานของร่างกฎหมายนี้พิจารณาเรื่องนี้ว่าเป็น “เรื่องสําคัญและเร่งด่วนอย่างยิ่ง” ในขณะนั้น มีรายงานว่าสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของบราซิล (SEC) กําลังพิจารณาการแก้ไขกรอบกฎหมายฉบับปัจจุบันเพื่อแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงโทเค็น NFT ซึ่งไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ในร่างกฎหมายที่ผ่านในเดือนเมษายน ดังนั้น จึงไม่อยู่ภายใต้เขตอํานาจศาลของ SEC