บริษัทในอนาคตจะกลายเป็น DAOทำไมเราต้องการบริษัทที่ Decentralize? เนื่องด้วยเหตุผล 2 ประการ 1. คือผู้บริหารไม่ได้มีความรู้ในทุกเรื่องของอุตสาหกรรม/ธุรกิจ/เทคโนโลยี 2. ลูกน้องไม่มีวันพอใจในผลตอบแทน
ผู้บริหารมีความรู้ที่จำกัดเมื่อเทียบกับตลาดที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งแตกต่างมาก
บริษัทใหญ่ๆในยุคนี้ล้วนแต่ให้บริการในต่างประเทศทั้งนั้นซึ่งมีลูกค้า / Supplychain / กฎหมาย / วัฒนธรรมที่ต่างกัน ทำให้ M-shaped นั้นตัดสินใจสิ่งต่างๆได้ดีกว่า Divisional Manager เพราะคนที่จ้างเพิ่มมานั้นมีความเข้าใจในประเทศนั้นๆได้ดีกว่าผู้บริหาร
เหตุเกิดเมื่อปี 1920-1921 บริษัท GM (General Motors) ยอดขาดตกลง 75% ทำให้ ประธานบริษัท Alfred Sloan ได้เปลี่ยนวิธีบริหารองค์กรใหม่เป็นแบบ Radical Decentralization ซึ่งมีนัยยะสำคัญว่า ‘ผู้บริหารแต่ละประเทศนั้นเป็นเอกเทศและไม่จำเป็นต้องรับฟังผู้บริหารบริษัทแม่’ ว่าง่ายๆคือประธานนั้นไม่ได้มีหน้าที่บริหารทุกเรื่อง ปล่อยให้ความรับผิดชอบเป็นของผู้จัดการแทน ผู้จัดการจะได้รับเครดิตหากสำเร็จหรือล้มเหลวด้วยตนเอง นี้คือสูตรสำเร็จที่ทำให้ GM เอาชนะ Ford ไปได้ในตลาดต่างประเทศ นั้นเป็นเพราะว่า ‘ความรู้ระดับต่างประเทศนั้นต้องการผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศนั้นเอง’
ผลตอบแทนและแรงจูงใจนั้นไม่เคยพอ
เป็นเรื่องที่ยากที่จะทำให้พนักงานธรรมดาที่ได้ค่าจ้างเป็นเงินเดือนมาทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารด้วย แต่การที่ทำให้พวกเขาถูกจำกัดแค่พนักงานธรรมดานั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่เปลืองทรัพยากรบุคคลโดยใช่เหตุ
บริษัทแบบ M-shaped นั้นสนับสนุนให้ผู้คนมี ‘แรงจูงใจ’ หรือผลตอบแทนแก่ผู้จัดการ/ผู้บริหารชั้นผู้น้อย พวกเขาสามารถสร้างโปรดักส์ใหม่ได้ ตัดสินใจเองได้ ปรับปรุงโปรดักส์เองได้ ซึ่งมีผลดีต่อตลาดมากกว่า
เข้าสู่ DAO
DAO หรือตัวเต็มคือ Decentralized Authorization Organization ซึ่งเป็นองค์กรที่อยู่บน Blockchain DAO จะกลายเป็นบริษัทในอนาคตของโลกทุนนิยมนี้
ทั้งบริษัทแบบ U-shaped และ M-shaped อาจะถูกแทนที่ด้วย DAOs ซึ่งยุคปัจจุบันนั้นเป็นยุคของ Gig-economy เหมือน Uber, Airbnb, TaskRabbit ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวผ่านขั้นที่สามารถได้ผลตอบแทนแบบหุ้นได้ DAO จะเป็นวิวัฒนาการใหม่ที่จะทำให้องค์กรแบบพีรามิดนั้นหายไป
อะไรทำให้ DAO แตกต่างจากที่อื่น? DAO นั้นเปิดโอกาสให้ใครก็ได้สามารถมาลงทุนหรือซื้อเหรียญของตัวเอง เพื่อได้สิทธิในการทำงาน ตัดสินใจสิ่งต่างๆที่เชื่อมั่นใน Vision
แม้ว่า Gig economy จะทำให้คนมีสิทธิในการหารายได้มากขึ้น แต่ผู้บริหารด้านบนก็ยังไม่สามารถถูกทดแทนได้
DAO ทำให้ผู้ที่มีเหรียญมีสิทธิที่จะโหวตมติต่างๆที่ออกโดย Community หรือ CEO นั้นๆ ซึ่งแต่ละ DAO นั้นจะมีกฎเกณฑ์ในการให้โหวตไม่เหมือนกัน บาง DAO อาจจะนับจากระยะเวลาการอยู่ / ความสามารถในการทำงาน / ประสบการณ์ ซึ่งจะไม่ใช่แค่ซื้อสิทธิ์มาแล้วสามารถมีเสียงเท่ากับผู้ที่ได้ Contribute มาก่อนหน้า
ซึ่งสิ่งที่เด็ดดวงคือ มติต่างๆที่เป็นปัญหาที่บริษัทต้องเผชิญ จะไม่ใช่แค่การหารือแค่ผู้นั่งบริหารอีกต่อไป แต่มติต่างๆจะถูกตั้งเป็นกระทู้เพื่อให้คนภายนอกสามารถหารือได้อย่างเปิดกว้าง ทำให้ความเห็นต่างๆอาจจะเข้ามาได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นด้วย (และในขณะเดียวกันทุกคนจำเป็นต้องแคร์เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดอาจทำให้เหรียญ DAO ราคาตก)
ซึ่งการที่ใช้ DAO ในการบริหารนั้นก็ยังมีข้อเสียอยู่เช่น ระบบที่ช้าในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ต้องรอให้ผ่านมติก่อน, การตัดสินใจของคนหมู่มากที่อาจจะผิดพลาดได้และทุกคนต้องรับผลร่วมกัน, อาจจะมีสมาชิกที่ขี้เกียจ ไม่ได้ทำอะไรแค่ถือเหรียญเอาไว้เฉยๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเก่าที่อำนาจรวมศูนย์แล้ว อาจจะน่าลองก็เป็นได้
แก้ไขปัญหาเรื่องเงินเดือน
ก่อนหน้าจะมี DAO เรื่องของเงินเดือนนั้นเป็นปัญหาของการทำงานมาตลอด ได้มีผู้คิดค้นระบบ Incentive แบบใหม่ขึ้นชื่อว่า Arthur Rock เป็นนักลงทุนในบริษัท Tech ใน Siliconvalley ในยุคแรกๆ เขาเห็นด้วยที่ว่าพนักงานที่เป็น Key ในการดำเนินบริษัทนั้นไม่สามารถจูงใจได้ด้วยเงินเดือนเพียงอย่างเดียว เมื่อพวกเขามีเงินเดือนที่ตันและเก่งมากพอ พวกเขาจะลาออกกันไปเปิดบริษัทมาแข่งอยู่ดี (เนื่องจากอัตราระหว่างงาน:เงินเดือนมันต่างกันมากเกินไป) บริษัทจึงตัดสินใจสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘Stock Options’ ซึ่งคือการที่พนักงานระดับสูงจะได้หุ้นเป็นผลตอบแทนและได้เงินเดือนอีกด้วย ภายหลังรู้จักกันในนาม ‘Silicon Valley’s equity culture’
DAO ได้ขยายไอเดียนี้กว้างออกไป ไม่ใช่แค่พนักงานระดับ Key เท่านั้น แต่เชื่อว่า ‘ทุกๆตำแหน่ง’ สมควรที่จะได้รับ Flexible Pay เมื่อทุกๆตำแหน่งมีหุ้นเท่ากันและมีส่วนร่วมที่ทำให้เหรียญราคาขึ้นได้ ทุกคนก็จะรับผิดชอบร่วมกันและตั้งใจผลักดันองค์กรร่วมกัน และองค์กรก็จะเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน
DAO อยู่ในจุดไหนในปัจจุบัน
ไม่ใช่ทุกองค์กรที่จะควรจะเปลี่ยนเป็น DAO, DAO เหมาะแก่บริษัทที่มีจุดมุ่งหมายเดียวและมีหน้าที่มากมายที่อาศัยคนหลากหลายสาขาอาชีพต้องทำ บริษัทจำพวกโรงเหล็ก โรงยาสูบนั้นอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องใช้ DAO เนื่องจากสายการผลิตนั้นชัดเจนและทำได้ดีอยู่แล้ว (แม้ว่าจะทำได้ดีมากกว่าแต่ผลประโยชน์อาจจะไม่คุ้มเสีย)
DAO นั้นยังมีปัญหาเรื่อง Scalability เนื่องจาก DAO ต้องอาศัยคนหลากหลายสายเพื่อบรรลุจุดประสงค์ หากคนข้างนอกซื้อ Goverment Token เข้ามาเพื่อโหวตอย่างเดียว หากเขาไม่มีความรู้มากเพียงพอ อาจจะทำให้ผลโหวตนั้นทำให้องค์กรแย่ลงได้
DAO ที่แข็งแกร่งที่สุดอาจจะเช่น GitconDAO ซึ่งมีผู้เข้าร่วมอยู่ 25.5k คน ซึ่ง Gitcoin จะเลือกผู้แทนหรือผู้ทำงานมาเป็น Admin ในตำแหน่งต่างๆและให้ผลตอบแทนเป็น Coin ซึ่งจะทำหน้าที่ Community Building, Fundraising, Anti-fraud governance และ Product strategy
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ