บทบาทของ Trader กับการเทรดเก็งกำไร Cryptocurrency แท้จริงแล้วเป็นส่วนสำคัญของเม็ดเงินเเละสภาพคล่องบนตลาด ในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดด้วย bot ผ่านการเชื่อม API (Algorithmic trading) กลุ่ม scalper กลุ่ม arbitrager และอีกมากมายตามแต่ประเภทของนักลงทุนนั้นๆ ผู้ที่จะเข้ามาเพื่อแสวงหากำไรควรวางแผนและทราบเป็นอย่างดีว่าตนเองต้องการลงทุนในรูปแบบใด
- รู้จักตนเองและข้อแตกต่างระหว่าง Trader และ Investor
- เลือกตลาด Spot หรือ Future?
- ปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงสำหรับนักเทรดเก็งกำไร
- ส่อง Top 5 exchange สำหรับ Trader
รู้จักตนเองและข้อแตกต่างระหว่าง Trader และ Investor
กลุ่ม Trader คือ กลุ่มนักเก็งกำไรในระยะสั้น มักลงทุนด้วยสัญญาณทางเทคนิค หรือ Technical Analysis ในการจับสัญญาณซื้อและขาย และมีกลยุทธ์เป็นของตัวเองอาจแบ่งเป็นกลุ่มคร่าวๆ ได้ดังนี้
- Day-trading คือ กลุ่มนักเทรดที่เข้าและออก position ภายใน 24 ชั่วโมง
- Swing trading คือ กลุ่มนักเทรดสายรันเทรน อาจถือ position ข้ามวันถึงสัปดาห์
- Algorithmic trading คือ กลุ่มที่ใช้ bot ในการเทรด ในบางครั้งอาจเป็น arbitrager ด้วยเนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องการยิงคำสั่ง
กลุ่ม Investor คือ กลุ่มนักลงทุนระยะยาวที่เน้นลงทุนกับโปรเจคที่ตนเองเชื่อว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคต การลงทุนลักษณะนี้จะต้องแลกมาด้วย Time exposure หรือความเสี่ยงด้านการถือครองและให้ความสนใจกับ Fundamental Analysis มากกว่า เช่น
- ICO/IEO/IDO Investor คือ กลุ่มที่เน้นลงทุนกับเหรียญ cryptocurrency ใหม่ๆ ที่ออกโดยโปรเจคที่ผู้ลงทุนสนใจ
- DCA (Dollar Cost Averaged) คือ กลุ่มที่ลงทุนด้วยการเก็บออม เช่น การเข้าซื้อ BTC ในทุกๆ เดือน
- Institutional Investor คือ กลุ่มนักลงทุนสถาบัน เช่น venture capital ต่างๆ ที่อาจลงทุนทั้งกำลังคนและเม็ดเงิน เพื่อสร้างโปรเจค หรือร่วมลงทุนในโปรเจคขนาดใหญ่ มีเม็ดเงินมากพอที่จะขับเคลื่อนตลาด
เลือกตลาด Spot หรือ Future?
ตลาด Spot อาจเหมาะกับนักลุงทุนหรือ trader ระยะกลาง-ยาว เพราะสามารถคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่าจากการคุมเงินต้น และใช้เวลาติดตามตลาดน้อยกว่า (screen time) การซื้อขายในตลาด spot จะทำได้เพียงซื้อถูกขายแพง ส่วนสินทรัพย์ที่ถูกซื้อจะเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นของผู้ซื้อทันที เช่น นาย A ซื้อ BTC ในตลาด Spot นาย A สามารถโอน BTC ออกจากกระดานได้ทันที เสียเพียงค่าธรรมเนียมในการซื้อขายต่อครั้งเพียงเท่านั้น
ตลาด Future หรือ Deriviative จะมีความเสี่ยงสูงกว่ามากจากการกู้เพื่อเพิ่มกำลังซื้อขาย (Leverage) และเหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญและมีเวลาติดตามตลาดมากกว่า พร้อมมอบโอกาสในการทำกำไรขาลงผ่านการ Short อีก้ดวย ในตลาด Future ของ cryptocurrency Trader สามารถเลือกขนาดที่ต้องการ leverage ได้ตั้งแต่ 1x จนถึง 50x หรือมากกว่าตามแต่กระดานเทรดที่เลือกใช้ หรือตามกฏหมายที่กำกับในบางประเทศ การ Leverage ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับกลุ่มนักเก็งกำไร เพราะการเพิ่มจำนวนเท่าและความเสี่ยงจะเปิดโอกาสให้ Day trader/scalper สามารถทำกำไรได้ในระหว่างวัน เช่น การเคลื่อนที่ของ BTC 1% หาก Leverage x2 trader จะสามารถทำกำไรได้ 2%
ค่าธรรมเนียมของตลาด Future จะแตกต่างจาก Spot ตรงที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยกู้ยืมในทุกๆ วัน เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ส่วนค่าธรรมเนียมการซื้อขายจะมี 2 ประเภท คือ Taker คือ การเข้า position ด้วยคำสั่ง Market execution หรือเข้าซื้อขาย ณ ระดับราคาล่าสุดทันที และ Maker คือ การเข้า position ด้วย Limit order หรือการตั้งไม้รอ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าแบบแรก เพราะถือว่าเป็นผู้สร้างสภาพคล่อง (Liquidity) ให้กับ order book หรือสร้างกำแพงราคานั่นเอง
ปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงสำหรับ Trader
สำหรับ Trader การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับลักษณะการลงทุนของตนเองถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดโดยรวม และรู้จักเงือนไขและข้อจำกัดต่างๆ ของแต่ละเครื่องมือในการลงทุน
- ค่าธรรมเนียม (Fees) ค่าธรรมเนียมสัมพันธ์กับรูปแบบการลงทุนหรือไม่ เช่น การลงทุนระยะยาวสำหรับรายย่อย ตลาด spot อาจเหมาะกว่าเนื่องจากจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ตลาด Future ต้องจ่ายดอกเบี้ยกู้ในทุกๆ วัน แต่แน่นอนว่าค่าธรรมเนียมที่ถูกจะยิ่งสร้างโอกาสสำหรับ Scalper และ Day trader เพราะค่าธรรมเนียมจะถูกคูณตามขนาด position ด้วยเช่นกัน หากค่าธรรมเนียมถูก การแกว่งของราคาที่จำเป็นเพื่อครอบคลุมต้นทุนค่าธรรมเนียมก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน
- จำนวนคู่เหรียญ (Market Pair) เป็นอีกตัวแปรสำคัญสำหรับนักเทรด หากมีคู่เทรดให้เลือกเป็นจำนวนมาก ย่อมมีโอกาสมากขึ้นในการเก็งกำไรรายวัน
- สภาพคล่อง (Liquidity) และ Volume เป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเทรดเก็งกำไร โดยเฉพาะกับตลาด Future หากสภาพคล่องต่ำ จะส่งผลให้ระดับราคาผันผวนจากราคากลาง และก่อความเสียหายต่อ trader จากการ Long squeeze และ Short squeeze เพราะกำแพงราคาบางเกินไป เมื่อมีการเทขายด้วย volume ที่มากกว่าสภาพคล่องที่แพลตฟอร์มหรือคุ่เหรียญนั้นๆ
ส่อง Top 5 exchange สำหรับ Trader
หากคำนึงถึงปัจจัยข้างต้นนี้แล้ว กระดานเทรดไหนบ้างที่น่าสนใจมีค่าธรรมเนียมและบริการใดๆ บ้างที่เหมาะสมกับ Trader ผู้เขียนจะรวบรวมโดยอ้างอิงการจัดอันดับกลุ่ม Crypto exchange จาก Volume หรือสภาพคล่องบน Coingecko
Binance Global
- จุดเด่น: สภาพคล่องสูงที่สุดรวมถึงคู่เหรียญจำนวนมาก
Binance ก่อตั้งเมื่อปี 2017 โดย Changpen Zhao (CZ) ปัจจุบันเป็นกระดานเทรด cryptocurrency อันดับ 1 ในแง่ของ volume รายวันมีผู้ใช้งานทั่วโลก พร้อมกับผลิตภัณฑ์ในการลงทุนมากมาย ทั้งการแลกเงินในรูปแบบ Peer-to-peer ตลาด Spot/future ระบบ one staking service สำหรับเก็บออม Launch-pad หรือ IEO มีการลดค่าธรรมเนียมตาม Volume เทรดของ Trader และสามารถใช้เหรียญ BNB ในการลดเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีบล็อกเชนและ Stablecoin เป็นของตนเองอีกด้วย (Binance Smart Chain, BSC) และ BUSD
Spot: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker/Taker 0.1% คู่เหรียญ : 362 เหรียญ 1456 คู่
Deriviative Futures: USD-M-Future USDT ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น: Maker 0.02%/ Taker 0.04% BUSD ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น: Maker 0.012%/ Taker 0.03%
Coin-M-Future ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น: Maker 0.01%/ Taker 0.05% คู่เหรียญ: 212 คู่
OKX
- จุดเด่น: มีสภาพคล่องเป็นอันดับ 2
OKX หรือชื่อเก่า OKEx ก่อตั้งเมื่อปี 2017 โดย Star Xu แรกเริ่มสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนแต่ได้ย้ายไปตั้งที่ Seychelles เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลจีนในปี 2021 OKX ให้บริการทั้ง Spot และ Deriviative สำหรับ Trader แต่ยังไม่สามารถให้บริการนักลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ มีการลดค่าธรรมเนียมตาม volume เทรด รวมถึงการใช้เหรียญ OKB เพื่อลดค่าธรรมเนียม
Spot: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.08%/ Taker 0.1% คู่เหรียญ : 348 เหรียญ 597 คู่
Deriviative Futures: USDT-M Futures/ Crypto-M Futures ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.05% คู่เหรียญ : 169 คู่
FTX
- จุดเด่น: ค่าธรรมเนียมถูกสามารถลดค่าธรรมเนียมได้มาก
FTX ก่อตั้งเมื่อปี 2019 โดย Sam Bankman-Fried มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศ Bahamas ถือว่าเป็นอีกกระดานเทรดหนึ่งที่มาแรงด้วยโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมการถอน 1 ครั้งต่อสัปดาห์และค่าธรรมเนียมที่ถูก มีบริการมากมายทั้ง Spot, Deriviatives future, IEOs, และตลาด tokenized stock หรือตลาดหุ้นนั่นเอง (ยังไม่บริการแก่นักลงทุนในประเทศไทย) นอกจากนี้ยังมีเหรียญ FTT บน ETH mainnet ที่สามารถใช้ลดค่าธรรมเนียมได้อีก
Spot: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.07% คู่เหรียญ : 335 เหรียญ 520 คู่
Deriviative Futures: USD Perpetuals ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.07% คู่เหรียญ : 194 คู่
Coinbase
- จุดเด่น: ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย US
Coinbase ก่อตั้งเมื่อปี 2012 โดย Brian Armstrong และ Fred Ehrsam ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่เก่าแก่ที่สุด ปัจจุบันเป็น remote company ไม่มีสำนักงานใหญ่ตั้งแต่ปี 2020 ปัจจุบันบริษัท Coinbase ยังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย Coinbase มีจุดเด่นที่แตกต่างไปจากเจ้าอื่น โดยผสมผสานผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนที่คล้ายคลึงกับบริษัท Brokerage และธนาคาร มีบริการ Wallet การชำระเงินหรือฝากเงินผ่าน card การกู้ยืมโดยใช้ BTC ค้ำประกัน ระบบบริการชำระเงินสำหรับร้านค้า กระดาน Spot และ future BTC/Crude Oil และหลักทรัพย์บางประเภท แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของ Coinbase คือ กระดาน crypto derivatives มีเพียง BTC Nano Contract เท่านั้น และบริการตามกฎหมาย SEC ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ไม่เหมาะสำหรับกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นแต่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่ชัดเจน
Spot/Deriviative: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.6%/ Taker 0.4% คู่เหรียญ : 201 เหรียญ 514 คู่
Huobi
- จุดเด่น: มี Algorithmic Bot Built-in ให้ใช้
Huobi ก่อตั้งเมื่อปี 2013 โดย Leon Li และย้ายสำนักงานออกจากประเทศจีน ไปที่ Seychelles และจนทะเบียนบริษัทที่ฮ่องกงในปี 2018 เนื่องจากนโยบายจากรัฐบาล และหยุดบริการให้แก่นักลงทุนในประเทศจีนโดยสิ้นเชิงในปี -2021 นอกจากบริการ Spot และ Derivative Futures ลดค่าธรรมเนียมเทรดตาม volume และสำหรับผู้ที่ถือเหรียฐ Huobi Token (HT) แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ Algorithmic trading หรือบอทเทรดที่ Built-in ให้ง่ายสำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้บริการบนหน้าเว็บ ถือว่าเป็นจุดเด่นของ Huobi เลยทีเดียว
Spot:
ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.2%/ Taker 0.2%
คู่เหรียญ : 588 เหรียญ 1013 คู่
Deriviative Futures:
USD-M Futures Coin-M Futures
ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.05%
คู่เหรียญ : 240 คู่
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ