Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตไม่เชื่อว่า Ethereum จําเป็นต้องกลายเป็นภาวะเงินฝืดหลังจาก The Merge ที่กําลังจะมาถึง
Hayes ซึ่งเคยเป็นผู้คลางแคลงใน Ethereum กล่าวในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับ Laura Shin ว่าประเด็นไม่สําคัญในระดับมหภาค เมื่อเปรียบเทียบกับการที่ราคา Bitcoin ลดลงครึ่งหนึ่งของ
Hayes กล่าวว่า “อัตราเงินเฟ้อของ Bitcoin ลดลง มันไม่ได้นำไปสู่ภาวะเงินฝืด (อย่างน้อยก็ยังไม่ได้เกิดขึ้น) หลังจากมูลค่าของมันลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ราคายังคงสูงขึ้น”
แรงกดดันให้ ETH ชะลอตัวลง เนื่องจากระดับราคายังคงอ่อนแอ
ความคิดเห็นของ Hayes เป็นไปตามการอัปเกรด Bellatrix บน Ethereum Network ที่เริ่มมีใช้งานจริงเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2022 ซึ่งเปลี่ยนอัลกอริทึมการตรวจสอบธุรกรรมพื้นฐานของเครือข่ายก่อนที่ส่วนสุดท้ายของ ‘The Merge‘ จะเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องหลังงการเคลื่อนไหวของราคาของ Ethereum ในปี 2022 หลายคนกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงแบบ proof-of-stake ซึ่งมีกําหนดจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า จะไม่เพียงพอที่จะสร้างแรงกดดันภาวะเงินฝืดต่อ Ethereum ที่ระดับราคาปัจจุบัน
ในโพสต์บล็อกล่าสุด อดีตซีอีโอของ BitMEX ยังอธิบายด้วยว่า The Merge นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากราคาของ Ethereum เขาแย้งว่า “ผู้ที่เชื่อว่า ETH จะกลายเป็นสกุลเงินที่ประสบกับภาวะเงินฝืดต้องเชื่อด้วยว่าการใช้เครือข่าย (ดังนั้นจํานวน ETH ที่ถูกเผาด้วยค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้จ่ายไป) จะสูงพอที่จะลบล้างจํานวน ETH ที่ปล่อยออกมาทุกบล็อกเป็นผลตอบแทนสําหรับ Validator”
Ethereum ทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งล่าสุดที่ราคามากกว่า 4,800 ดอลลาร์สหรัฐเป็นระยะเวลาประมาณ 10 เดือนในเดือนพฤศจิกายน 2021 ตั้งแต่นั้นมาเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตลาดได้สูญเสียมูลค่าไป 70% ณ ช่วงที่เขียนบทความต้นฉบับ โดย Ethereum มีการซื้อขายที่ราคา 1,520 ดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของ CoinGecko
ที่น่าสนใจคือ Hayes มีความเห็นว่าในขณะที่ Bitcoin เป็น ‘เงิน’ และสามารถเทียบได้กับการเป็น ‘ทองคําดิจิทัลจากโลกอินเทอร์เน็ต’ เป้าหมายของ Ethereum คือการเป็น ‘คอมพิวเตอร์แบบกระจายอํานาจ’ และการขึ้นราคาครั้งใหญ่อาจเป็น ‘อันตราย’ ต่อการใช้งาน ดังนั้น เขาจึงรู้สึกว่าการลดอัตราเงินเฟ้อของ Ethereum ด้วย The Merge เป็นสิ่งเดียวที่ผู้ใช้ควรมุ่งเน้นในขณะนี้
The Merge มีเรื่องราคารวมอยู่ด้วยหรือไม่
Hayes ยังเน้นย้ำเมื่อเดือนที่แล้วว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ETH/USD นั้น “ถูกประเมินค่าต่ำเกินไป” เนื่องจาก The Merge เป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นภาวะขาขึ้นที่ “ยังไม่ได้กําหนดราคาเข้าสู่ตลาด” เขาตั้งข้อสังเกตว่ามูลค่าในอนาคตที่คาดหวังนั้นสูงกว่าราคาวันนี้ 76% โดยราคาฟิวเจอร์สแบบจําลองอยู่ที่ 2,815 ดอลลาร์สหรัฐ สิ่งนี้ทําให้ราคาของ Ethereum ใกล้เคียงกับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีงบประมาณโดยได้รับแรงหนุนจาก The Merge ที่ประสบความสําเร็จ ตามรายงานของ Hayes
ในทางกลับกัน เขาได้พยาการณ์ความเกี่ยวข้องแบบสะท้อนกลับเชิงลบระหว่างราคาและระดับภาวะเงินฝืดของสกุลเงินในกรณีที่ The Merge ล้มเหลว “ฉันเชื่อว่า ETH จะไม่ต่ำกว่าราคา 800 ดอลลาร์สหรัฐถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ยังที่เคยระหว่างการล่มสลายของ TerraUSD และ Three Arrows” Hayes กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการที่ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum อย่าง Vitalik Buterin ยืนยันว่าไทม์ไลน์สําหรับการเปิดตัว The Merge คาดว่าจะอยู่ระหว่างวันที่ 13 ถึง 15 กันยายน ทั้งอุตสาหกรรมกําลังจับตาดูการอัปเกรดในปารีสที่จะเปิดตัว The Merge
ดร. Anna Becker ซีอีโอของ EndoTech แพลตฟอร์มการลงทุนคริปโตที่ใช้อัลกอริทึมบอกกับ The Standard ว่า “หาก [The Merge] เกิดขึ้นและทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เราจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่… Ethereum เป็นโครงสร้างพื้นฐานสําหรับหลาย ๆ บริษัท ในการจัดการบล็อกเชนของพวกเขา ดังนั้น หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เราก็ต้องหยุดอุตสาหกรรมทั้งหมด มันจะค่อนข้างลําบากสําหรับอุตสาหกรรมคริปโตที่จะอยู่รอดในช่วงนี้”
ด้วยเหตุนี้ Hayes จึงแก้ไขความเข้าใจผิดพลาดเกี่ยวกับ Ethereum Haedfork โดยเขากล่าวว่า “เหตุผลที่ Ethereum มีมูลค่าก็เพราะผู้คนใช้งานมัน” ซึ่งบ่งชี้ว่าห่วงโซ่ PoW ที่ทำ Hard Forkหลังจาก The Merge มีแนวโน้มที่จะล้มเหลว โดยไม่มีผู้ใช้เนื่องจาก “ผู้ให้บริการหรือแอปพลิเคชันแบบกระจายอํานาจที่สําคัญใน Ethereum ล้วนเกิดขึ้นติดตาม Proof-of-Stake Merge”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ
