แม้ตลาดคริปโตโดยรวมจะอยู่ในขาลง แต่ Financial Institution ต่างๆ กำลังวางแผนที่จะลงทุนในอุตสาหกรรม DeFi กล่าวโดย Robert Alcorn จาก Clearpool
หากจะเปรียบเทียบมูลค่าตลาดในปัจจุบันของตลาดทุนและสินทรัพย์ต่างๆ บนโลก ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ Total calue locked (TVL) หรือสินทรัพย์ที่ถูกล็อคไว้บนโปรโตคอลของ DeFi เป็นเพียงแค่ปลายภูเขาน้ำแข็ง และยังมีศักยภาพอีกมากในการเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางตลาดเงินจากตลาดเงินดั้งเดิม
ความสนใจในเทคโลยี DeFi ยังคงแข็งแกร่ง
แม้ตลาด DeFi จะเละเทะไม่เป็นท่าในช่วงตลาดหมีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าตลาดที่ลดลงจาก 2.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน นับว่าลดลงกว่า 65% (อ้างอิงจาก DeFilama) แต่ในภาพใหญ่ สถาบันทางการเงินต่างๆ กับยิ่งเตรียมตัวเข้ามาสู่ตลาดนี้มากขึ้น
- FIS สถาบันทางการเงิน Fintech ที่มีวอลลูมกว่า 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มีบริการหลากหลายตั้งแต่ระบบชำระเงิน และบริการวางแผนทางการเงิน (Wealth Management) ล่าสุดประกาศจับมือกับ Fireblocks เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับบริการลูกค้าในด้าน DeFi staking และซื้อขายคริปโต
- JPMorgan Chase’s Blockchain Unit หรือส่วนหนึ่งของ JPMorgan กำลังวางแผนการ tokenize ผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ทางการเงิน บนเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งอาจเพิ่มมูลค่าให้กับตลาด DeFi หลายล้านล้านดอลลาร์
- The Monetary Authority of Singapore (MAS) หรือหน่วยงานทางการเงินของรัฐในประเทศสิงค์โปร์ เปิดโปรแกรม Project Guardian ที่มี JPMorgan Chase, Marketnode, และธนาคาร DBS เข้าร่วม เพื่อศึกษาวิธีการนำโปรโตคอลของ DeFi มา tokenized สินเชื่อหรือพันธบัตรต่างๆ บนตลาดเงินดั่งเดิม
โปรเจค DeFi อ้าแขนรับ Financial Institution เเละการกำกับโดยรัฐ
โปรโตคอล DeFi รายใหญ่ต่างๆ เริ่มออกผลิตภัณฑ์ ที่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ SEC เพื่อรองรับเงินลงทุนที่กำลังจะไหลเข้ามาจากสถาบันทางการเงินดังเดิม ยกตัวอย่างเช่น AAVE และ Compound โปรโคคอล DeFi สำหรับการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิตอลชื่อดัง เปิดตัว AAVE PRO และ Compound Treasury ตามลำดับ ที่เข้าตามเงือนไขการลงทุนทางกฎหมายของสถาบันทางการเงินต่างๆ
จากข้อมูลของ Fidelity เหตุผลหลักที่สถาบันทางการเงินทั้งหลายต้องการเข้าสู่ระบบนิเวศน์ของ DeFi มันมีศักยภาพที่จะเติบโตได้มากกว่านี้อีกมาก (upside potential) และแน่นอนว่าผลประกอบการที่สูงขึ้น ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้นตาม และเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ หลังการล่มสลายของ UST และ Hedge fund ต่างๆ อย่าง 3AC และ Celsius การเข้ากำกับมาตรฐานโดยหน่วยงานรัฐ จึงเริ่มมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนสถาบันเหล่านี้มากขึ้น ทำให้แนวโน้มในอนาคตของ DeFi กำลังเริ่มเข้าหาและทำตามข้อกำกับของหน่วยงานรัฐมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีหรือข้อบังคับต่างๆ นั่นเอง
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ