Trusted

ธนาคาร Silvergate ประกาศเลิกกิจการหลังขาดทุนหนัก

3 mins
อัพเดทโดย Apinat Phosuwan

สรุปย่อ

  • จุดเริ่มต้นของวิกฤต ธนาคาร Silvergate ล้ม
  • จุดจบที่ยังไม่จบ
  • Promo

ธนาคาร Silvergate (SI) ประกาศปิดกิจการในเดือนมีนาคม 2023 หลังได้รับความเสียหายจากการล่มสลายของ FTX ซึ่งเกี่ยวข้องกับซิลเวอร์เกตอย่างมาก

หลังจากธนาคารซิลเวอร์เกตได้ล้มลงพร้อมส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตเคอเรนซี่และ ธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ขนาดใหญ่ที่ทำให้หุ้นธนาคารสหรัฐทั้งตลาดร่วงลงอย่างรุนแรง

ทั้ง 2 ธนาคารนี้ อยู่ภายใต้สถาบันเดียวกัน ในขณะที่ Silvergate มีความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ดิจิตอลสูง ส่วน Silicon Valley Bank เป็นธนาคารลักษณะดั้งเดิม ที่มีความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ดิจิตอลต่ำกว่า

ความคล้ายคลึงกันระหว่างการล่มสลายของธนาคาร 2 แห่งนี้ คือ การถูก “Bank run” ทั้งสองแห่งได้รับผลกระทบจากการถอนเงินอย่างรุนแรง ทำให้ผู้บริหารต้องชำระบัญชีหลักทรัพย์ที่ถือไว้เป็นทุนสำรอง

การเทขายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เหล่านั้นบีบให้ธนาคารต้องตัดหนี้สูญจำนวนมาก เนื่องจากมูลค่าของพอร์ตการลงทุนที่สูญเสียมูลค่าเพราะอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา เมื่ออัตราเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นอย่างมากพร้อมกับการปรับขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ ราคาพันธบัตรจะลดลง (discount) เป็นกลไกโดยปกติ

จุดเริ่มต้นของวิกฤต สาเหตุที่ ธนาคาร Silvergate ล้ม

ภาพรวมการยื่นเอกสารงบการเงินกับหน่วยงานกำกับดูแลของธนาคารแสดงให้เห็นว่าไตรมาสที่ 4 นั้นเลวร้ายมาก เนื่องจากลูกค้าสถาบันคริปโตแห่กันถอนเงินฝากหลังจากการล่มสลายของการแลกเปลี่ยน FTX ของ Sam Bankman-Fried

ณ สิ้นเดือนกันยายน ธนาคารมีเงินฝาก 13.3 พันล้านดอลลาร์ โดยมีสินทรัพย์เป็นเงินสดประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์ และหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน 11.4 พันล้านดอลลาร์

3 เดือนต่อมา เงินฝากลดลงเหลือประมาณ 6.3 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ธนาคารต้องระดมเงินสดมากขึ้นโดยต้องขายหลักทรัพย์ของตนเอง ลงเหลือประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2022

ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น การเทขายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะตราสารหนี้และพันธบัตรระยะยาว ทำให้ธนาคารต้องขาดทุนเป็นอย่างมาก เพราะสินทรัพย์เหล่านี้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาจะลดลง

ธนาคาร Silvergate ปิดฉากธุรกิจ 35 ปี

จุดจบที่ยังไม่จบของธนาคารซิลเวอร์เกต

แม้ว่าจะมีการเทขายสินทรัพย์เพื่อโปะหนี้เมื่อช่วงต้นปีแล้ว แต่ในวันที่ 1 มีนาคม ทางสถาบันออกมาเปิดเผยว่า งบการเงินของธนาคารอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ปลอดภัยตามกฎหมายธนาคาร ทำให้สถานการณ์และความกังวลเริ่มรุนแรงขึ้นไปอีก

การประกาศนี้ทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลงอย่างมาก จวบจนวันที่ 8 มีนาคม ธนาคารเผยว่า พวกเขา “ต้องขายสินทรัพย์ทั้งหมด” เพื่อใช้หนี้ ซึ่งหนี้เหล่านั้นรวมถึง “เงินฝาก” ของลูกค้าด้วยเช่นกัน

ผลกระทบส่งผลต่อเนื่องถึง Silicon Valley Bank ด้วยเช่นกันที่ต้องเผชิญกับหนี้เสียและวิกฤตความเชื่อมั่น ล่าสุดจึงล้มลงไปเช่นกันและนับว่าเป็นวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Subprime ปี 2008 ปัญหานี้ทำให้เงินฝากมากมายต้องตกอยู่ในความเสี่ยงด้าน Bankrun ซึ่งผลกระทบแบบโดมิโน่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ดี SVB ล่าสุดคาดว่าจะถูก Takeover โดย FDIC สถาบันภายใต้ธนาคารกลางสหรัฐแล้ว

🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024
🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024
🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024

ข้อจำกัดความรับผิด

หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ

IMG_4466-1.png
Nonthachai Sukkankosol
นนทชัย สักการโกศล จบการศึกษาปริญญาโท ด้านการวิจัยผลงานศิลปะร่วมสมัย จาก SOAS University of London แต่ผันตัวมาเป็นผู้แนะนำการลงทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ Finansia Syrus Securities PLC. เขาถือใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนตราสารทุน ตราสารหนี้และกองทุนรวม และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงใบรับรองด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค CMT ระดับ 2 จาก CMT Association ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ และเริ่มลงทุนคริปโตเคอเรนซี่มาตั้งแต่ปี 2016
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน