Instagram ของ Meta ได้ประกาศว่าฟีเจอร์ NFT จะพร้อมใช้งาน “ในอีก 100 ประเทศ” พร้อมกับการผสานรวม Coinbase Wallet, Dapper Wallet และ Flow Blockchain
ภูมิภาคต่างๆ ที่เปิดให้บริการดังกล่าวในปัจจุบัน ได้แก่ อเมริกา เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
Meta (เดิมชื่อ Facebook) เริ่มทดสอบฟีเจอร์นี้เป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งาน Instagram แสดงคอลเล็กชั่น NFT ที่พวกเขาเป็นเจ้าของมีการเปิดให้ใช้งานเพียงแค่ในสหรัฐฯ สำหรับผู้สร้างสรรค์ผลงานจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ในการโพสต์ NFT ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมต่อบัญชีของตนกับกระเป๋าเงินดิจิทัล ณ ปัจจุบัน พวกเขาจะรองรับบล็อกเชน Ethereum, Polygon และ Flow และกระเป๋าเงิน 3rd Party เช่น MetaMask, Trust Wallet, Coinbase Wallet, Rainbow และ Dapper Wallet
“ในทุกๆ วัน ผู้สร้างสรรค์ผลงานจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนและผลักดันวัฒนธรรมต่างๆ ไปทั่วโลก ด้วยการมาถึงที่น่าเหลือเชื่อของเทคโนโลยีบล็อกเชน ตอนนี้ พวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ และแฟนๆ สามารถสนับสนุนผู้สร้างสรรค์ผลงานที่พวกเขาชื่นชอบได้ด้วยการซื้อของสะสมดิจิทัล เช่น ศิลปะ รูปภาพและวิดีโอ เพลง หรือการ์ด – ในรูปแบบของ Non-Fungible Tokens (NFT) ” ข้อความจากเนื้อหาที่ระบุไว้ในประกาศ
Facebook ซึ่งได้รับผลกระทบจากความคิดเห็นต่างๆ ของสาธารณชน หลังจากที่เกิดเรื่องอื้อฉาวเรื่องการเป็นเจ้าของข้อมูลและการใช้งานแพลตฟอร์มหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาได้ทำการรีแบรนด์ในเดือนตุลาคม 2021 เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta และประกาศถึงแผนการที่จะมุ่งเน้นไปที่การมีปฏิสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ สร้าง Metaverse และเปิดตัว Reality Labs แผนกที่รับผิดชอบในการสร้างแอพและฮาร์ดแวร์สำหรับพื้นที่ดิจิทัล
ถึงแม้พวกเขาจะแสดงถึงความมุ่งมั่นอยากมากในการมุ่งหน้าสู่โลกเสมือนจริง แต่สาธารณชนก็ยังมีความสงสัยอยู่ ความเห็นของผู้ใช้งานกว่า 77% นั้นไม่ต้องการให้ Meta เป็นผู้สร้าง Metaverse โดยเลือกให้แพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจเป็นผู้ทำมัน
บริษัทยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะเติบโตมากยิ่งขึ้น ด้วยการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อไม่นานมานี้ Meta ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใหม่ 5 รายการกับสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งรวมไปถึง แอพพลิเคชันสำหรับแพลตฟอร์มการชำระเงินด้วย Crypto
“ให้บริการการแลกเปลี่ยนทางการเงินสำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล สกุลเงินเสมือน คริปโตเคอร์เรนซี สินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน สินทรัพย์ที่แปลงเป็นดิจิทัล โทเค็นดิจิทัล โทเค็นคริปโต และโทเค็นยูทิลิตี้” แอปพลิเคชันระบุไว้ รายงานผลประกอบการล่าสุดของบริษัท แสดงให้เห็นว่าพวกเขาขาดทุน 2.8 พันล้านดอลลาร์ในแผนก Reality Labs ในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งไม่เป็นไปตามความคาดหวังโดยรวมของนักวิเคราะห์
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ