ประสิทธิภาพในการทำงานคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ และด้วยการมาถึงของ AI (ปัญญาประดิษฐ์), เครื่องมือ AI ที่ช่วยเพิ่ม Productivity ต่างๆ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมามากมาย เห็นได้ชัดเลยว่า AI นั้นเข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในชีวิตของเรา ตั้งแต่การทำงานที่น่าเบื่อให้กับคุณโดยอัตโนมัติ ไปจนถึง การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของคุณให้ดีมากขึ้น
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกกันถึงเรื่องเครื่องมือ AI ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงานต่างๆ ที่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้คนและธุรกิจต่างๆ และสร้างผลกระทบอย่างมากมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในเรื่อง AI แอป AI เหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับคุณโดยใช้เวลาและค่าใช้จ่ายที่น้อยลง
BeInCrypto Trading Community บน Telegram: พูดคุยกันเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด รับชมคอร์สพื้นฐานการซื้อขายฟรี และสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่คุณต้องการจากนักเทรดมืออาชีพ!
เครื่องมือ AI ที่ช่วยเพิ่ม Productivity คืออะไร?
เครื่องมือเสริมประสิทธิภาพด้วย AI (AI Productivity Tools) คือซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชั่นที่ขับเคลื่อนโดย AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการจัดการงานและกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป้าหมายสูงสุดของมันคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดทั้งเงินและเวลาโดยไม่สูญเสียคุณภาพของงาน เครื่องมือเหล่านี้มีตั้งแต่เป็นการเป็นผู้ช่วยเสมือนหรือแชทบอท, เครื่องมือช่วยเขียนที่ขับเคลื่อนด้วย AI, แอปที่ช่วยจัดการเวิร์กโฟลว์อย่างอัตโนมัติ หรือเครื่องมือสร้างภาพหรือวิดีโอ เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร แอป AI เหล่านี้ก็จะพร้อมให้คุณเลือกใช้งานอย่างแน่นอน
เครื่องมือ AI ที่ช่วยเพิ่ม Productivity ที่ดีที่สุดในปี 2023
1. Jasper
Jasper (เดิมมีชื่อว่า Jarvis) เป็นราชาแห่งการสร้างคอนเท้นต์การตลาดแบบครบวงจร แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้คุณสร้างคอนเท้นที่มีคุณภาพสูงได้ ไม่ว่าจะเป็น บล็อกโพสต์ หรือ อีเมล ไปจนถึง รายงาน หรือ ผลงานศิลปะต่างๆ ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้เลยว่าคอนเท้นต์ที่สร้างขึ้นโดย Jasper นั้นจะถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับแบรนด์ของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถสร้างคอนเท้นต์โซเชี่ยลมีเดียที่ต้องใช้เวลาเตรียมทั้งเดือนได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ภาพประกอบ, ไอเดียต่างๆ หรือแม้กระทั่ง การเขียนคอนเท้นต์รวมทั้งหมด 26 ภาษา ก็ตาม Jasper รองรับการปรับแต่งเวิร์กโฟลว์ AI ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุง แก้ไข และเผยแพร่คอนเท้นต์ได้ตามที่โปรเจกต์ของคุณต้องการ
คุณสมบัติต่างๆ
- แชทอินเตอร์เฟสของ Jasper
- ส่วนขยายของเบราเซอร์ Chrome
- การสร้างผลงานศิลปะต่างๆ
- รองรับ 29+ ภาษา
- ผสานรวม Surfer SEO
2. Grammarly
สิ่งที่ Grammarly นำเสนอให้กับเหล่านักเขียนก็คือพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือปรับแก้ (Editing Tool) ที่ยอดเยี่ยมนี้ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความสามารถแต่อย่างใด แอปจะป้อนข้อความของคุณให้กับอัลกอริทึม AI และปรับปรุงมันตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน Grammarly จะช่วยตรวจสอบการสะกดคำ, ไวยากรณ์, และเครื่องหมายวรรคตอนที่ผิดพลาดให้ในระหว่างที่ตรวจหารูปแบบของผู้เขียน ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้มีให้บริการในเวอร์ชั่นฟรี อย่างไรก็ตาม เวอร์ชั่นจ่ายเงินนั้นจะนำเสนอคุณสมบัติที่เหนือไปอีกขั้น ด้วยการให้คำแนะนำในการเรียบเรียงประโยคและย่อหน้าใหม่ นอกเหนือจากการเป็นเว็บแอปแล้ว Grammarly ยังทำงานเป็นส่วนขยายของเว็บเบราเซอร์ได้อีกด้วย
คุณสมบัติต่างๆ
- ตรวจสอบการสะกดคำและไวยากรณ์
- พจนานุกรมในตัว
- คำแนะนำในการปรับ Mood & Tone ของผลงาน
- คำแนะนำเพื่อความชัดเจนของผลงาน
- คู่มือรูปแบบที่กำหนดเองได้สำหรับทีมงาน
3. Copy AI
Copy.ai เป็น เครื่องมือเสริมประสิทธิภาพด้วย AI ในอุดมคติสำหรับการเขียนงานโฆษณา แอป AI ที่ขับเคลื่อนโดยอัลกอริทึม NLP (Natural Language Processing) และ ML (Machine Learning) นี้จะช่วยให้คุณสร้างงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์โดยอิงจากคำสั่งของผู้ใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้น Copy.ai ยังจะช่วยคุณในการคิดหัวข้อข่าวที่สะดุดตา, สรุปข้อมูล, สร้างโพสต์โซเชี่ยลมีเดียที่น่าดึงดูดใจ หรือแม้แต่การช่วยเขียนทั้งบทความให้กับคุณ นอกจากนี้ แอป AI นี้ยังจะช่วยปรับปรุงเนื้อหาของคุณให้มีประสิทธิภาพในการค้นหาจาก Search Engines และช่วยปรับปรุงแก้ไขผลงานให้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ผลลัพธ์สุดท้ายปราศจากข้อผิดพลาดใดๆ ซึ่งจะช่วยให้เหล่านักเขียนและนักการตลาดประหยัดทั้งเวลาและเงินได้อย่างมหาศาล
คุณสมบัติต่างๆ
- ช่วยสร้างคำโฆษณาที่เอาไว้ใช้สำหรับบล็อก, งานโฆษณา, อีคอมเมิร์ซ, และโซเชียลมีเดีย
- การปรับปรุงประสิทธิภาพของคอนเท้นต์
- การปรับปรุงแก้ไขคอนเท้นต์
- เครื่องมือและเทมเพลตกว่า 90+ รายการ
4. ChatGPT
ChatGPT เป็น เครื่องมือเสริมประสิทธิภาพด้วย AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย OpenAI และได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing หรือ NLP) เพื่อทำการตอบสนองต่อคำขอต่างๆ ของมนุษย์ โดยพื้นฐานแล้ว มันจะสามารถทำการสนทนาได้เสมือนกับที่มนุษย์ทำได้ ChatGPT สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Search Engine สำหรับการเขียนคอนเท้นต์, อธิบายโค้ด, หรือใช้มันในการเขียนบทกวีขึ้นมา ผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับจะขึ้นอยู่กับคำสั่งของคุณเป็นอย่างมาก ดังนั้น ให้ลงรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อคุณใช้งานมัน สิ่งที่ทำให้ ChatGPT ไม่เหมือนใครคือมันสามารถจดจำการสนทนาที่คุณเคยมีร่วมกันได้และจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการสนทนากันในอนาคต ในบรรดารายชื่อของเครื่องมือทั้งหมดในบทความนี้ ChatGBT นั้นได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสามารถมากมาย รวมถึง คุณสมบัติ Multimodal ที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเข้ามาใน GPT-4
คุณสมบัติต่างๆ
- การตอบสนองเหมือนมนุษย์
- การแปลข้อความ
- เนื้อหาที่ได้รับการปรับแต่งเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล
- การสรุปข้อมูล
5. Genei
Genei คือเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่จะช่วยให้ผู้ที่ทำการศึกษาวิจัยข้อมูลเป็นจำนวนมากประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมาก Genei เป็นเครื่องมือสรุปข้อมูลต่างๆ ตั้งแต่ บทความ ไปจนถึง วิดีโอ สำหรับโปรเจกต์งานของคุณ ตัวอย่างเช่น แอป AI นี้จะช่วยประหยัดเวลาให้กับคุณด้วยการเน้นส่วนสำคัญของบทความ มันจะดึงประเด็นสำคัญจากคอนเท้นต์ที่คุณเลือกออกมาและย่อมันเป็นบทสรุปสั้นๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถอ่านมันได้ด้วยเวลาไม่กี่นาที นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มคำสำคัญ (Keywords) และหัวข้อต่างๆ เข้าไปในโปรเจกต์ของคุณ จากนั้น Genei จะสำรวจข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อหาคอนเท้นต์ที่เกี่ยวข้องและจะให้คำแนะนำในการเพิ่มข้อมูลต่างๆ จากแหล่งข้อมูลใหม่ๆ เหล่านั้นลงไปในโปรเจกต์ของคุณ
คุณสมบัติต่างๆ
- การดึงข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ
- บันทึกย่อและคำอธิบายประกอบที่มีพื้นฐานการใช้งานบนคลาวด์
- การจัดเก็บเอกสาร
- การอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย
6. Surfer
ในปัจจุบัน Ranking (การจัดอันดับ) บน Google นั้นกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเขียนคอนเท้นต์การตลาด Surfer ใช้ประโยชน์จากพลังของ AI ในการช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเพิ่มอันดับของพวกเขาบน Search Engines ได้ นอกเหนือไปจากอินเตอร์เฟสที่ใช้งานสำหรับการค้นหา Keyword ได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่มันยังสามารถตรวจสอบความเป็นไปได้ในการใส่ลิ้งค์เนื้อหาภายในได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถใช้ Surfer เพื่อเขียนบทความที่มี Rank สูงๆ และดูข้อมูลของประสิทธิภาพของเพจโดยรวมแบบเรียลไทม์ได้ คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอีกประการของ Surfer ก็คือคุณสามารถผสานรวมแอป Surfer AI เข้ากับระบบจัดการเนื้อหาอื่นๆ เช่น Google Docs, Jasper หรือ WordPress ได้อีกด้วย
คุณสมบัติต่างๆ
- การให้คะแนนคอนเท้นต์
- สร้างสรุปเนื้อด้วยเครื่องมือสร้างโครงร่างคอนเท้นต์ในตัว
- ปรับคอนเท้นต์ให้เหมาะสมกับทุกภาษา
- การตรวจจับการลอกเลียนแบบ
7. Synthesia
Synthesia เป็นเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพด้วย AI ที่ใช้ในการสร้างวิดีโอคอนเท้นต์ที่ถูกใช้งานโดยทีมฝึกอบรม, ทีมสนับสนุน และทีมการตลาดกว่า 40,000 คน วิธีการดั้งเดิมในการสร้างวิดีโอคอนเท้นต์ด้วยการใช้นักแสดงและกล้องมากมายนั้นถือว่าเป็นวิธีที่ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ ด้วย Synthesia คุณจะสามารถปรับแต่งอวาตาร์ (ที่ขับเคลื่อนด้วย AI) ซึ่งเป็นตัวแทนของนักแสดงในรูปแบบดิจิทัลให้เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณได้ตามต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถสร้างอวาตาร์ของตัวคุณด้วยการปรับแต่งต่างๆ ด้วยตนเองได้อีกด้วย นอกจากนี้ Synthesia ยังช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงภาษาและสำเนียงต่างๆ ได้กว่า 120 ภาษา ซึ่งจะมาพร้อมกับคำอธิบายภาพอีกด้วย โดยรวมๆ แล้ว ผู้ใช้งานจะสามารถสร้างวิดีโอคอนเท้นต์ขึ้นมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องมีความรู้เรื่องการตัดต่อวิดีโอมาก่อนเลย
คุณสมบัติต่างๆ
- เหมาะสำหรับมือใหม่ในการทำวิดีโอคอนเท้นต์
- วิดีโอเทมเพลตที่สามารปรับแต่งได้กว่า 60+ รายการ
- คลังสื่อและตัวบันทึกหน้าจอในตัว
- รองรับสำเนียงและภาษามากกว่า 120+ ภาษา
8. DALL.E 2
นอกเหนือจาก ChatGPT ที่ได้กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกแล้ว OpenAI ยังได้เปิดตัวเครื่องมือสร้างภาพด้วย AI ของพวกเขาเองอีกด้วย DALL.E 2 เป็นแอปเสริมประสิทธิภาพด้วย AI ใช้งานง่ายที่ออกแบบมาเพื่อการสร้างภาพจากชุดคำสั่งโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้น DALL.E 2 ยังสามารถแก้ไขภาพที่มีอยู่เพื่อสร้างรูปภาพในแบบที่แตกต่างออกไปได้ มันใช้การบรรยายลักษณะจากการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพื่อสร้างภาพหรืองานศิลปะที่มีความสมจริงในแบบที่คุณไม่สามารถหาได้ที่ไหน เมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว คุณจะกลายเป็นเจ้าของผลงานดังกล่าวอย่างชอบธรรมและสามารถขายหรือทำอะไรกับมันก็ได้โดยจะไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์แม้แต่น้อย DALL.E 2 เป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดจาก DALL.E เดิม ซึ่งจะให้ภาพที่มีคุณภาพสูงมากกว่ารุ่นก่อนหน้า
คุณสมบัติต่างๆ
- มีความชัดเจนในเรื่องข้อความและภาพมากกว่าเวอร์ชั่นเดิม
- ภาพความละเอียดสูง
- ความสามารถในการแก้ไขและรีทัชรูปภาพ
- ความสามารถในการสร้างภาพซ้ำหลายภาพ
9. Beautiful.ai
บุคคลและองค์กรที่ชื่นชอบในการใช้งานชุดสไลด์ในการนำเสนอผลงานต่างๆ น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากแอป AI นี้ Beautiful.ai คือซอฟต์แวร์เทมเพลตและการนำเสนอผลงานอัจฉริยะที่จะช่วยสร้างดีไซน์ที่น่าทึ่งให้กับไฟล์นำเสนองานของคุณได้แบบเรียลไทม์ สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ใส่คอนเท้นต์เข้าไป จากนั้น Beautiful.ai จะจัดการส่วนที่เหลือให้กับคุณเอง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้งานที่ติดขัดเรื่องไอเดียสามารถใช้งานฟีเจอร์ DesignerBot ด้วยการใส่คำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับงานนำเสนอของคุณ เลือกธีมและสไตล์ จากนั้น มันก็จะพร้อมใช้งาน! ชุดงานที่สมบูรณ์นั้นจะประกอบไปด้วยภาพที่สวยงาม ข้อความ สไลด์หลากหลายประเภท และเลย์เอาต์ที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
คุณสมบัติต่างๆ
- แชร์สไลด์เพื่อการทำงานร่วมกันเป็นทีม
- การวิเคราะห์ขั้นสูง
- เสียงบรรยายผ่านสไลด์
- ไลบรารี่ของสไลด์ที่สามารถค้นหาได้
10. Descript
Descript เป็นแอปเสริมประสิทธิภาพด้วย AI ที่ทรงพลังที่ใช้สำหรับตัดต่อวิดีโอและพ็อดคาสท์ เครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้คุณสามารถเขียน, บันทึก, ถอดความ, แก้ไข และทำงานร่วมกันในโปรเจกต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยประหยัดเวลาของคุณไปด้วย แอปนี้สามารถถอดเสียงของไฟล์เสียงและวิดีโอได้ในแบบเรียลไทม์และยังช่วยให้คุณจัดการกับแทร็กมากมายได้พร้อมๆ กันอีกด้วย คุณสามารถปรับปรุงพ็อดคาสท์ได้โดยเพียงแค่แก้ไขข้อความ จากนั้น Descript จะแก้ไขเสียงให้คุณโดยอัตโนมัติ คุณสมบัติในตัวที่น่าสนใจบางส่วน ได้แก่ การลดเสียงรบกวนและปรับระดับเสียงให้เท่ากัน, การทำงานร่วมกันกับทีมงาน, และความสามารถในการผสานรวมเข้ากับแอปอื่นๆ เช่น Zoom หรือ Google Drive เป็นต้น
คุณสมบัติต่างๆ
- การบันทึกหน้าจอ
- การถอดความเสียง
- เสียง AI
- ความสามารถในการผสานรวมเข้ากับแอปอื่นๆ
11. Time Doctor
Time Doctor เป็นเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพขั้นสูงสุดที่ใช้สำหรับการจัดการโปรเจกต์ มันจะช่วยตรวจสอบเวลาทำงาน, ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้งาน และให้รายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพโดยรวม ยิ่งไปกว่านั้น ข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์ที่ Time Doctor มอบให้ยังช่วยส่งเสริมในการพัฒนาบุคลากร นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าแจ้งเตือนเมื่อพนักงานทำงานมากเกินไปหรือไม่เพียงพอได้
คุณสมบัติต่างๆ
- ตารางบันทึกการทำงานและบัญชีเงินเดือนแบบออนไลน์
- การแจ้งเตือนต่อสิ่งที่ทำให้ไขว้เขว
- การตรวจสอบช่วงเวลาออฟไลน์
- รายงานสรุป
12. Growbots
Growbots เป็นแพลตฟอร์มแชทบอทในรูปแบบ Outbound Sales (การขายขาออก หรือการขายแบบที่ตัวแทนฝ่ายขายจะเข้าหาลูกค้าก่อนเพื่อเสนอขาย) ที่มีการผสานรวม AI เข้ามาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านการตลาดและการขาย แอป AI นี้จะทำให้กระบวนการทางการตลาดของคุณเป็นไปอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับสร้างโอกาสในการขายให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทีมงานยังสามารถปรับปรุงกระบวนการขายไปพร้อมๆ กับที่ Growbots จะค้นหาผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของคุณ ส่งอีเมลที่ปรับให้เข้ากับเป้าหมายโดยเฉพาะ และติดตามผล สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่เลือกตลาดเป้าหมายของคุณ ตั้งเป้าให้กับแคมเปญจน์ของคุณ และใช้เวลาซักวันละ 15-30 นาทีเพื่อค้นหาผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของคุณ
คุณสมบัติต่างๆ
- การติดต่อแบบหลายช่องทาง
- ตรวจจับการตอบสนองอย่างอบอุ่น
- เชื่อมต่ออีเมลหลายฉบับ
- การติดตามผลอัตโนมัติ
13. Calendly
รายชื่อถัดมาในลิสต์ของเราคือ Calendly ซึ่งเป็นแอปทั่วไปที่มีการใช้งานในธุรกิจส่วนใหญ่ในปัจจุบัน แอปนี้จะช่วยให้คุณจัดกำหนดการประชุมได้โดยไม่ต้องวุ่นวายกับการส่งอีเมลไปๆ มาๆ Calendly จะช่วยให้คุณจัดการปฏิทินส่วนตัวของคุณเพื่อแชร์ลิ้งค์ให้กับผู้อื่นทางอีเมลหรือฝังมันไว้บนเว็บไซต์ของคุณ เพียงแค่แจ้ง AI ให้คุณทราบถึงช่วงเวลาที่คุณสะดวก แล้วมันก็จะจัดการกับส่วนที่เหลือให้กับคุณเอง และเพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ปฏิทินที่สร้างขึ้นยังสามารถผสานรวมกับแอปอื่นๆ เช่น iCloud Calendar, Outlook, หรือ Google Calendar ได้อีกด้วย
คุณสมบัติต่างๆ
- การตรวจหาเขตเวลาสำหรับผู้ที่คุณได้ทำการเชิญ
- การผสานรวมแอป
- ตั้งเวลาบัฟเฟอร์ในระหว่างการประชุม
- สร้างกิจกรรมลับประเภทต่างๆ
14. Otter
Otter คือสุดยอด AI ผู้ช่วยในการประชุมที่จะช่วยบันทึกเสียง, จับภาพสไลด์, สร้างบทสรุป, และจดโน๊ตต่างๆ ให้กับคุณ คุณสามารถเชื่อมต่อ Otter เข้ากับปฏิทินของคุณ และมันจะเข้าร่วมการประชุมให้คุณโดยอัตโนมัติ เครื่องมือนี้จะถอดเสียงการสนทนาทั้งหมดแม้ว่าคุณจะเข้าการประชุมสายก็ตาม ผู้ช่วยจัดการงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้จะสร้างโน๊ตจากการบทสนทนาที่เกิดขึ้น และผู้เข้าร่วมสามารถเน้นและตั้งค่าโน๊ตบางส่วนด้วยตนเองได้อีกด้วย นอกจากการถอดเสียงแล้ว Otter ยังสามารถใช้งานเป็นแอปแปลงคำพูดเป็นข้อความ (Speech-to-Text) แบบคลาสสิกได้อีกด้วย
คุณสมบัติต่างๆ
- การผสานรวมกับแอปต่างๆ รวมถึง Microsoft, Zoom และ Google Calendar
- การจับภาพสไลด์อัตโนมัติ
- บันทึกการประชุมอัตโนมัติ
- ความสามารถในการแอปแปลงคำพูดเป็นข้อความ
15. Magic Eraser
Magic Eraser คือฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ตกแต่งรูปภาพของ MagicStudio แอปนี้จะช่วยคุณในการลบองค์ประกอบใดๆ ที่คุณไม่ต้องการออกจากรูปภาพผ่านการวิเคราะห์ พร้อมทั้งการตรวจสอบและระบุถึงจุดที่สามารถปรับปรุงได้ ดังนั้น ภาพที่ได้ออกมาจึงมีความคมชัดและสวยงาม โดยจะไม่สามารถแยกออกได้ว่ามีการตกแต่งภาพมาก่อน คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างก็คือความสามารถของ Magic Eraser ในการลบวัตถุต่างๆ ในภาพ เช่น ผู้คน หรือ ยานพาหนะต่างๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอยของการตกแต่งไว้ ทำให้คุณได้รับภาพถ่ายของตัวเองที่สวยงามจากการตัดสิ่งที่คุณไม่ต้องการออกไป
คุณสมบัติต่างๆ
- ไม่ต้องการการลงทะเบียน
- การแก้ไขรูปภาพพร้อมกันเป็นจำนวนมากได้ด้วยรุ่น Pro
- การลบพื้นหลัง
- เครื่องขยายภาพ
16. Narakeet
Narakeet จะช่วยเปลี่ยนข้อความของคุณให้เป็นเสียงพากย์ที่เป็นธรรมชาติ แอป AI แปลงข้อความเป็นคำพูดนี้สามารถสร้างเสียงได้ในหลายภาษาและหลายสไตล์ รวมถึงสำเนียงที่แตกต่างด้วย แทร็กเสียงที่บันทึกไว้ล่วงหน้ายังสามารถนำมาใช้รวมเข้ากับเสียงที่คุณบันทึกเองได้ และคุณสมบัติต่างๆ ของ Narakeet นั้นยังรวมไปถึงการสร้างเพลงเบื้องหลังและเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ได้อีกด้วย เพียงพิมพ์หรืออัพโหลดบทพูดของคุณ แล้วเลือกเสียงจากตัวเลือกกว่า 600 เสียง คุณก็จะได้รับเสียงหรือวิดีโอระดับมืออาชีพที่สร้างขึ้นด้วยเวลาภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น
คุณสมบัติต่างๆ
- สร้างวิดีโอจากภาพและเสียง
- สร้างวิดีโอหลายเวอร์ชั่นได้จากวิดีโอเพียงตัวเดียว
- รองรับ 90 ภาษา
- กว่า 600 เสียงให้เลือกใช้งาน
17. ProfilePicture.ai
ลองสร้างรูปโปรไฟล์ในอุดมคติของคุณด้วย AI ดูสิ! ProfilePicture.ai จะช่วยสร้างอวาตาร์ที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครพร้อมกับเพิ่มความเป็นจริงเสริมบางส่วนลงไป เอฟเฟกต์ที่น่าทึ่งจะดึงแก่นของบุคคลออกมา เพิ่มตัวเลือกการใช้งานที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกจากเทมเพลตที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าหรือปรับแต่งอวาตาร์ของคุณด้วยทรงผม เสื้อผ้า และเครื่องประดับที่คุณต้องการได้ด้วยตนเอง
คุณสมบัติต่างๆ
- ตัวเลือกสไตล์กว่า 350+ สไตล์ให้เลือกใช้งาน
- ผลลัพท์ที่มีคุณภาพสูง
- เน้นความเป็นส่วนตัว (ไม่ขายข้อมูลส่วนบุคคล)
- รูปแบบตัวละครที่หลากหลาย
เครื่องมือ AI ที่ช่วยเพิ่ม Productivity คืออนาคต
เครื่องมือเสริมประสิทธิภาพด้วย AI เหล่านี้มีศักยภาพที่จะปฏิวัติรูปแบบในการใช้ชีวิตของคุณ ด้วยการใช้งานแอปเพียงแอปเดียว เราก็สามรถเขียนบทความทั้งบทความได้โดยการใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที, สามารถสร้างภาพที่น่าทึ่งได้จากแค่การป้อนข้อความลงไป, หรือทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้เพียงในไม่กี่วินาทีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ AI จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและยังช่วยประหยัดเวลาให้เราได้มหาศาลอีกด้วย
การผสมผสานระหว่างสิ่งที่ AI สร้างขึ้นมาเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สามารถสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ขึ้นมาได้อย่างแท้จริง ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกแห่ง AI จะยังคงวิวัฒนาการตัวเองต่อไปเรื่อยๆ และด้วยอัตราความเร็วเช่นนี้ โลกอาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น เราขอแนะนำให้คุณเริ่มเรียนรู้การใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เร็วที่สุด เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย!
คำถามที่พบบ่อย
ประโยชน์หลัก 2 ประการของ AI ที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานคืออะไร?
AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างไร?
ตัวอย่างของเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยอดนิยมคือตัวใด?
เครื่องมือเสริมประสิทธิภาพคืออะไร?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์