ดูเพิ่มเติม

ChatGPT-4 คืออะไร? ใช้งานยังไง ต่างจาก ChatGPT เดิมยังไง [อัปเดต 2023]

9 mins
อัพเดทโดย Apinat Phosuwan

ChatGPT-4 หรือ GPT-4 คือ เวอร์ชั่นอัพเดตของ ChatGPT ที่เดิมเป็นเวอร์ชั่น GPT-3.5 ซึ่งฉลาดและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่า และสามารถเข้าใจทั้งภาพและข้อความได้แล้ว

ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสความคลั่งไคล้ในการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI หลังจากที่ OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT แชทบอท AI สุดล้ำที่มาพร้อมความสามารถที่หลากหลาย เช่น การช่วยเขียน/แก้ไขโค้ด, แต่งบทละคร, ให้ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อน ฯลฯ ซึ่งทำให้มันได้รับความนิยมจากโลกอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมาก จนมีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน

และตอนนี้ การมาถึงของเวอร์ชั่นใหม่อย่าง ChatGPT 4 จะทำให้มันทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิม! วันนี้ เราจะมาดูกันว่า GPT-4 คืออะไร? และมันมีความสามารถอะไรที่เหนือล้ำไปกว่าหรือมีความแตกต่างจาก ChatGPT ตัวเดิมอย่างไรบ้าง? ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!

ต้องการอ่านรีวิวต่างๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง ChatGPT 4 หรือไม่? เข้าร่วม BeInCrypto Trading Community บน Telegram สิ: มาอ่านรีวิวใหม่ๆ พูดคุยกันเรื่องเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาพลิกโฉมโลกอนาคต และพูดคุยกับผู้คนที่มีความสนใจที่คล้ายกันกับคุณ! เข้าร่วมเลยเดี๋ยวนี้

เบื้องต้นเข้าใจก่อนว่า ChatGPT คืออะไร?

เบื้องต้นเข้าใจก่อนว่า ChatGPT คืออะไร?

ChatGPT คือ แชทบอทปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้งานแบบจำลองทางภาษา GPT-3.5 ในการขับเคลื่อนการประมวลผล มันถูกออกแบบมาให้สามารถพูดคุยกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการสนทนาและให้คำตอบในหัวข้อคำถามต่างๆ ของผู้ใช้งานได้อย่างละเอียด ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเหมือนว่าได้สนทนาและโต้ตอบกับมนุษย์จริงๆ

GPT ย่อมาจาก Generative Pre-trained Transformer ซึ่งเป็นแบบจำลองการเรียนรู้ทางภาษา (Machine Learning Model) ที่ใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) พร้อมกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการฝึกฝนเพื่อช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถทำความเข้าใจในการสนทนาหรือโต้ตอบกับมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น

เหมือนที่เราได้พูดไปก่อนหน้านี้ ChatGPT ในเวอร์ชั่นฟรีนั้นจะใช้ GPT-3.5 ในการประมวลผลข้อมูล โดยจะประกอบไปด้วยพารามิเตอร์มากกว่า 175 พันล้านพารามิเตอร์ที่จะช่วยให้ AI สามารถตอบสนองต่อข้อความต่างๆ ที่ผู้ใช้งานได้ป้อนลงไปได้อย่างรวดเร็ว

และด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ใช้ในการฝึกฝน AI มันทำให้ ChatGPT มีคุณสมบัติการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การขอให้มันช่วยเขียนหรือแก้ไขโค้ดโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะทาง หรือการขอให้มันช่วยแนะนำไอเดียความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ เช่น การแต่งเพลงจากคำบรรยายที่เราระบุ หรือ การแต่งบทภาพยนตร์ภาคต่อ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

เต๋อ นวพล ลองใช้ ChatGPT ในการแต่งบทภาพยนตร์ภาคต่อ
ตัวอย่างการใช้งาน ChatGPT เขียนเรื่องย่อบทภาพยนต์ ฮาวทูทิ้ง ภาค 2 จาก คุณเต๋อ นวพล: Facebook

อย่างไรก็ตาม จุดด้อยที่สำคัญของ ChatGPT ก็คือ ฐานข้อมูลที่ใช้ในการฝึกฝนแชทบอทตัวนี้จะถูกจำกัดอยู่แค่เพียงถึงปี 2021 เท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่า มันจะไม่รับรู้ข้อมูลหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากปี 2021 ซึ่งอาจจะทำให้ข้อมูลต่างๆ ที่เราได้รับมานั้นอาจจะผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนได้

ChatGPT-4 หรือ GPT-4 คืออะไร?

ChatGPT-4 หรือ GPT-4 คือ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาจาก GPT-3.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ใช้ในการประมวลผล ChatGPT ในเวอร์ชั่นฟรี ทำให้มันมีความสามารถที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และให้ข้อมูลได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

OpenAI กล่าวว่า GPT-4 นี้จะสามารถประมวลผลข้อความได้มากสุดถึง 25,000 คำ (ซึ่งมากกว่า GPT-3.5 ถึง 8 เท่า) อีกทั้งยังจะสามารถประมวลผลรูปภาพหรือวิดีโอได้ และยังสามารถจัดการกับคำสั่งต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่า GPT-3.5 อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ในเวอร์ชั่น GPT-4 นี้ จะมีการเพิ่มความสามารถในการกรองคำตอบของคำถามที่ไม่เหมาะสมหรืออันตรายออกไป เช่น การขอให้จัดลำดับความน่าสนใจของแต่ละเชื้อชาติ หรือ เล่าเรื่องตลกเหยียดเพศ หรือ ขอแนวทางในการสังเคราะห์สารอันตราย ตัวระบบจะทำการปฏิเสธในการให้คำตอบหรือดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างสุภาพ

ความแตกต่างระหว่าง ChatGPT เดิม กับ ChatGPT-4

นอกเหนือไปจากการอัพเกรดความสามารถต่างๆ ที่มีอยู่ในเวอร์ชั่น 3.5 ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ความแม่นยำ, ความสร้างสรรค์ และความสามารถในการทำงานร่วมกันของข้อมูลที่ OpenAI อ้างว่ามันทำงานได้ดีกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้าอย่างมาก โดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ที่จะให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น และโอกาสลดลงกว่า 82% ที่จะตอบสนองต่อคำถามที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น GPT-4 ยังมีความสามารถใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานมันได้สร้างสรรค์และหลากหลายมากยิ่งขึ้น

สามารถวิเคราะห์และให้คำตอบที่กระชับและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำตอบของ GPT-4 กับ ChatGPT แล้ว จะเห็นได้ว่า GPT-4 นั้นจะให้คำตอบที่แม่นยำและกระชับยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม (ตามที่ OpenAI ได้อ้างไว้)

ความแตกต่างของ ChatGPT และ ChatGPT-4
ความสามารถในการให้เหตุผลขั้นสูงของ GPT-4: OpenAI

GPT-4 มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจากรูปภาพ

จากคุณลักษณะแบบ Multimodal ของตัวแบบจำลอง ทำให้มันมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจากรูปภาพได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถอัพโหลดรูปภาพและถามคำถามจากข้อมูลต่างๆ จากรูปภาพเหล่านั้นได้ เช่น การขอให้ AI ช่วยคิดเมนูอาหารจากรูปภาพ ซึ่ง GPT-4 สามารถอธิบายองค์ประกอบในรูปภาพ แยกประเภทส่วนผสมเหล่าต่างๆ และวิเคราะห์เมนูอาหารจากส่วนผสมเหล่านั้นขึ้นมาได้

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถแปลงข้อมูลจากลายมือให้เป็นหน้าเว็บไซต์ที่สามารถใช้งานได้จริงได้อีกด้วย

ความสามารถในการประมวลผลข้อความได้มากยิ่งขึ้น

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ GPT-4 นั้นสามารถประมวลผลข้อความได้มากสุดถึง 25,000 คำ ช่วยให้คุณสามารถอินพุตข้อมูลมีที่ความยาวเป็นอย่างมากหรือส่งลิ้งค์หน้าเว็บข้อมูลต่างๆ แล้วขอให้มันตอบคำถามหรือให้ข้อมูลโดยการอ้างอิงข้อมูลเหล่านั้นได้

ai ของ ChatGPT 4  จะมีความฉลาดมากขึ้น โดยสามารถประมวลผลได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิมเทียบเท่ามนุษย์แล้ว
ตัวอย่างการขอให้ ChatGPT 4 ในการสรุปข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์: OpenAI

ChatGPT 4 จะมีการอัพเกรด AI ที่เก่งขึ้น

ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ OpenAI ระบุว่า GPT-4 นั้นมีความฉลาดที่เหนือกว่า ChatGPT โดยการใช้ AI ทั้ง 2 เวอร์ชั่นแข่งขันกันในการทำข้อสอบต่างๆ โดยเราจะยกตัวอย่างมา 2 แบบทดสอบ ได้แก่ ข้อสอบเนติบัณฑิต (Uniform Bar Exam) และข้อสอบชีววิทยาโอลิมปิค (Biology Olympiad) โดยได้ผลลัพท์ดังนี้

  • ข้อสอบเนติบัณฑิต (UBE): GPT-4 ทำคะแนนได้ 298/400 คะแนน (สูงกว่าผู้เข้าร่วมทดสอบ 90%) ในขณะที่ ChatGPT หรือ GPT-3.5 นั้นทำคะแนนได้เพียง 213/400 คะแนน (สูงกว่าผู้เข้าร่วมทดสอบ 10%)
  • ข้อสอบชีววิทยาโอลิมปิค (USABO): GPT-4 ทำคะแนนได้ 87/150 คะแนน (สูงกว่าผู้เข้าร่วมทดสอบ 99%) ในขณะที่ GPT-3.5 ทำคะแนนได้ที่ 43/150 คะแนน (สูงกว่าผู้เข้าร่วมทดสอบ 31%)
ChatGPT-4 สามารถทำข้อสอบได้แม่นยำกว่า 70%
ผลคะแนนของการทำข้อสอบประเภทต่างๆ ของ GPT-4: OpenAI

จากผลการทำข้อสอบ จะเห็นได้ว่าความฉลาดของ GPT-4 นั้นสูงกว่า ChatGPT (GPT-3.5) ค่อนข้างมาก ซึ่งนั่นเป็นการบ่งบอกถึงความสามารถในการรับรู้, ประมวลผล, และหาคำตอบของ AI ที่ทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิม มันจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถไว้วางใจในข้อมูล(ที่เป็นข้อเท็จจริง)ต่างๆ ที่ได้รับจาก GPT-4 รวมถึงใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างสะดวกใจมากยิ่งขึ้น

เปรียบเทียบ ChatGPT กับ ChatGPT-4 และข้อจำกัดของ GPT-4

เปรียบเทียบ ChatGPT กับ ChatGPT-4

ฐานข้อมูลความรู้ที่ใช้ฝึกฝนของ GPT-4 นั้นก็มีอยู่ถึงแค่เพียงเดือนกันยายน 2021 เท่านั้น (เช่นเดียวกับ GPT-3.5) ดังนั้น ถึงแม้ว่าตัว AI จะมีประสิทธิภาพประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่าเวอร์ชั่นเดิม แต่องค์ความรู้โดยรวมที่ใช้ฝึกฝนตัว AI นั้นก็ไม่ได้มากขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด ซึ่งส่งผลให้มันยังมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ เช่น

  • ตัว AI ถูกจำกัดไว้โดยชุด “ความรู้” (Guardrails) ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้มันออกนอกกรอบมากจนเกินไป
  • ข้อมูลความรู้ต่างๆ ไม่มีการอัพเดตแบบเรียลไทม์
  • ความสามารถในการประมวลผลคำสั่งในภาษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนั้นยังทำได้จำกัด
  • ยังไม่สามารถวิเคราะห์คำสั่งเสียงหรือวิดีโอได้
  • ยังคงมีข้อผิดพลาดต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ที่เครื่องคิดเลขสามารถหลีกเลี่ยงได้
  • ยังคงมีอาการ “หลอน” (Hallucinates) ในการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่มาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกแต่งขึ้นเหมือนกับในเวอร์ชั่น GPT-3.5

ถึงแม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดต่างๆ หลงเหลืออยู่ แต่ด้วยพัฒนาการในด้านต่างๆ ที่ GPT-4 ได้แสดงให้เราเห็นนั้นก็ทำให้เราจับตามองกันต่อไปว่ามันจะกลายมาเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำที่จะช่วยปฏิวัติโลกอินเตอร์เน็ตได้หรือไม่ และจากความสามารถต่างๆ ของมันที่เราสามารถเลือกใช้งานได้ในปัจจุบัน เราต้องบอกว่า มันมีโอกาสดีทีเดียวที่จะกลายเป็น AI แห่งโลกอนาคตที่เราทุกคนทำลังรออยู่!

ปัจจุบันมีใครใช้ GPT-4 แล้วบ้าง

หลังจากเพิ่งเปิดตัวไปต้นปี 2023 นี้เอง ทาง Microsoft ก็เปิดเผยว่า มีการนำ chatGPT4 มาใช้ทำงานที่ Bing Chat แล้ว อีกทั้ง Stripe บริษัทด้านการเงินก็นำไปใช้แล้วด้วยเช่นกัน

ยังมีอีกหลายบริษัทที่นำเอาตัวเวอร์ชั่น 4 นี้ไปใช้แล้ว เช่น Morgan Stanley ซึ่งในอนาคต บริษัทชั้นนำน่าจะมีการนำระบบ Ai ตัวนี้ไปใช้งานอีกเยอะแน่นอนในปี 2023 นี้

คำศัพท์ทางเทคนิคในบทความ

  • AI หรือ Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์): ระบบประมวลผลของคอมพิวเตอร์, หุ่นยนต์, เครื่องจักร หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่มีการวิเคราะห์เชิงลึกคล้ายกับความคิดของมนุษย์ และจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆ ตามรูปแบบการทำงานของมันได้อย่างอัตโนมัติ
  • Machine Learning (แมชชีนเลิร์นนิ่ง): แมชชีนเลิร์นนิ่งหรือการเรียนรู้ของตัวเครื่องจักรเองนั้นจะใช้อัลกอริทึมที่ประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ เรียนรู้จากข้อมูลเหล่านั้น และนำไปสู่การตัดสินใจที่มีพื้นฐานมาจากข้อมูลต่างๆ ที่ป้อนเข้าไป
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

bic_photo_6.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน