ในยุคปัจจุบัน ผู้คนและองค์กรต่างๆ มากมายต่างก็มองหาวิธีการที่จะสร้างผลตอบแทนให้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัลด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะมาตอบคำถามที่ว่า จะ Staking หรือ Yield Farming ที่ไหนดี โดยจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการคำนวณผลตอบแทน รวมไปถึง รายชื่อของ 9 เหรียญคริปโต ที่ให้ผลตอบแทน (APY) ที่ดีที่สุด
วิธีคำนวณผลตอบแทน
การคำนวณผลตอบแทนจากการ Staking หรือ Yield Farming เหรียญคริปโตมีหลักสำคัญอยู่ 2-3 ประการ การทำความเข้าใจมันจะช่วยให้คุณสามารถประเมินผลตอบแทนที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ก่อนอื่น คุณจำเป็นที่จะต้องทราบ “อัตราผลตอบแทนต่อปี” (Annual Percentage Yield หรือ APY) ที่เสนอให้โดยบริการ Staking, จำนวนและกรอบเวลาที่คุณวางแผนจะทำการ Staking, และค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ (Inactivity Fee), ค่าปรับจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (Slashing Fee), หรือ ค่าปรับจากการถอนเงินก่อนกำหนด
สุดท้าย มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงความผันผวนของตลาดสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากมูลค่าของสินทรัพย์ที่คุณทำการ Staking ไว้อาจจะมีความผันผวนได้ ซึ่งหมายความว่า มูลค่าที่แท้จริงของผลตอบแทนของคุณในรูปแบบของสกุลเงินเฟียต (เช่น USD) อาจจะแตกต่างกันออกไปเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา
นอกจากนี้ ในสถานการณ์ที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง ค่าเงินเฟียตของผลตอบแทนจากเหรียญคริปโตที่ได้จากการ Staking อาจจะลดลงได้ เนื่องจากเมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น กำลังซื้อของสกุลเงินก็จะลดลง หากคุณได้รับผลตอบแทนจากการ Staking เป็นสกุลเงินดิจิทัล และมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลนั้นสัมพันธ์กับสกุลเงินเฟียตที่มีมูลค่าที่ลดลงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ มูลค่าที่แท้จริงของรางวัลจากการ Staking หรือ Yield Farming ของคุณจะลดน้อยลงด้วยเช่นกัน
9 เหรียญคริปโต ที่ให้ผลตอบแทนจากการ Staking หรือ Yield Farming (APY) สูงที่สุด
Injective Protocol (INJ)
Injective Protocol เป็นแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่สามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นได้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย Cosmos SDK มันได้รับการปรับแต่งให้สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมที่ต่ำ โดยมี Block Times (เวลาสร้างบล็อก) แค่เพียงเสี้ยววินาที
นอกจากนี้ บล็อกเชนยังได้รับการออกแบบมาเพื่อการทำกิจกรรมทางการเงินโดยเฉพาะ Injective Protocol ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำการซื้อขายสินทรัพย์ข้ามเครือข่ายบล็อกเชนที่แตกต่างกันได้ เช่น Ethereum และ Cosmos เป็นต้น
– Trust Wallet — Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงิน Web3 ที่รองรับหลายเครือข่าย (Multichain) และเต็มไปด้วยฟีเจอร์มากมาย เช่น In-app Staking, เบราว์เซอร์, และผู้ให้บริการชำระเงินเพื่อซื้อเหรียญคริปโตภายในแอป ผู้ใช้งานสามารถทำกิจกรรมคริปโตส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องออกจากแอปเลย
– Injective Hub — The Injective Hubs เป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการที่คุณสามารถทำการ Stake เหรียญ INJ ได้โดยตรง และเป็นตัวเลือกหลักในการ Stake เหรียญ INJ สำหรับผู้ที่มีตัวเลือกในการ Staking ที่จำกัด
– Keplr Wallet — Keplr Wallet เป็นกระเป๋าเงินทั้งแบบส่วนขยายเบราว์เซอร์และกระเป๋าเงินสำหรับมือถือ มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทำการ Staking ในขณะที่เดินทาง หรือต้องการกระเป๋าเงินที่สามารถใช้งานได้ง่าย
Polkadot (DOT)
Polkadot เป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่ออกแบบมาเพื่อทำให้บล็อกเชนที่แตกต่างกันสามารถส่งข้อความและมูลค่าถึงกันได้ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถแบ่งปันคุณสมบัติพิเศษและรวมความสามารถในการรักษาความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันได้
Polkadot มีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการเชื่อมต่อและโต้ตอบกับบล็อกเชนต่างๆ (หรือที่เรียกว่า Parachains) มันถูกสร้างขึ้นโดย Dr. Gavin Wood บุคคลที่มีชื่อเสียงในคอมมูนิตี้บล็อกเชนและผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum
– Binance — Binance เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับผู้ใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย คุณสามารถทำการ Staking เหรียญ DOT บน Binance และเพลิดเพลินกับกิจกรรมคริปโตอื่นๆ อีกมากมายได้
– Coinbase — Coinbase เป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่มีความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฏระเบียบมากที่สุดในตลาด ผู้ใช้งานที่ทำการ Staking เหรียญ DOT กับ Coinbase ไม่จำเป็นต้องปวดหัวกับภาระใดๆ Coinbase จะดูแลทุกอย่างให้กับคุณ
– Kraken — Kraken คือกระดานเทรดชั้นนำสำหรับผู้ที่ต้องการทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ มันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการ Staking เหรียญคริปโต เนื่องจากพวกเขามักจะปฏิบัติตามกฏระเบียบในเขตอำนาจศาลที่ดำเนินการอยู่อย่างเคร่งครัด
Kusama (KSM)
Kusama มักจะถูกเรียกว่าเป็น “Canary Network” (เครือข่ายที่มีไว้สำหรับทดสอบระบบต่างๆ) สำหรับ Polkadot มันได้รับการออกแบบมาให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการทดสอบหรือทดลองสิ่งต่างๆ สำหรับโปรเจกต์บล็อกเชน ก่อนที่จะนำไปใช้งานจริงบน Polkadot Kusama มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยและการทำงานร่วมกันร่วมกันระหว่างบล็อกเชนต่างๆ (Parachains) เช่นเดียวกับ Polkadot อย่างไรก็ตาม Kusama มีความเสี่ยงที่สูงกว่าเนื่องจากลักษณะในการเป็นเครือข่ายทดสอบตามธรรมชาติของมัน
Kusama แตกต่างจาก Testnet ทั่วไปที่ใช้ “โทเค็นทดสอบ” ที่ไม่มีมูลค่า Kusama มีสกุลเงินดิจิทัล (KSM) ซึ่งมีมูลค่าจริงเป็นของตัวเอง สิ่งนี้ช่วยให้สภาพแวดล้อมในการทดสอบมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และช่วยให้นักพัฒนาประเมินได้ว่า โปรเจกต์ของตนจะทำงานอย่างไรในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน
– Kraken — Kraken คือกระดานเทรดชั้นนำสำหรับผู้ที่ต้องการทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ มันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการ Staking เหรียญคริปโต เนื่องจากพวกเขามักจะปฏิบัติตามกฏระเบียบในเขตอำนาจศาลที่ดำเนินการอยู่อย่างเคร่งครัด
– Trust Wallet — Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงิน Web3 ที่รองรับหลายเครือข่าย (Multichain) ที่ Binance เป็นเจ้าของ มันเต็มไปด้วยฟีเจอร์มากมาย เช่น In-app Staking, เบราว์เซอร์, และผู้ให้บริการชำระเงินเพื่อซื้อเหรียญคริปโตภายในแอป
– Coinbase — Coinbase เป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่มีความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฏระเบียบมากที่สุดในตลาด ผู้ใช้งานที่ทำการ Staking เหรียญ DOT กับ Coinbase ไม่จำเป็นต้องปวดหัวกับภาระใดๆ Coinbase จะดูแลทุกอย่างให้กับคุณ
Zilliqa (ZIL)
Zilliqa เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่ใช้งานระบบการแบ่งส่วน (Sharding) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่ายบล็อกเชน โปรเจกต์นี้มีต้นกำเนิดจากงานวิจัยทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิหลังทางวิชาการของเครือข่ายที่แข็งแกร่ง
Zilliqa รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) และเป็นแพลตฟอร์มที่มีสถาปัตยกรรมที่รวดเร็วและปรับขนาดได้ ทำให้มันเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เยี่ยมยอดสำหรับการสร้าง DApps ที่ต้องการการประมวลผลธุรกรรมที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
– CEX.io — CEX.io เป็นการแลกเปลี่ยนยอดนิยมที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมไปถึง การซื้อและการขาย, บัตรเดบิตคริปโต, และการ Staking เหรียญ ZIL
– Binance — Binanace คือกระดานเทรดที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในโลก ดังนั้น มันจึงมีสภาพคล่องสูง กระดานเทรดนี้ช่วยให้คุณสามารถทำการ Staking เหรียญ ZIL และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้
Casper Network (CSPR)
Casper Network เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ช่วยให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Casper คือการทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนใช้งานได้ง่ายและนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น โดยการนำเสนอฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Smart Contracts ที่สามารถอัพเกรดได้ และค่าแก๊สที่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อใช้งานในระดับองค์กร
– Uphold — Uphold คือกระดานเทรดจากสหรัฐฯ ซึ่งสร้างขึ้นโดยผู้ก่อตั้ง CNET การ Staking เหรียญ CSPR บน Uphold จะได้รับประโยชน์จากการกำกับดูแลในสหรัฐฯ
– Casper Website — เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Casper เอง สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการบริการอื่นๆ ที่นำเสนอโดย CEX การ Staking เหรียญ CSPR ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
Avalanche (AVAX)
Avalanche เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่รวดเร็วและปรับขนาดได้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจที่หลากหลายและเครือข่ายบล็อกเชนที่ปรับแต่งเองได้ มันเป็นที่รู้จักในด้านความรวดเร็ว ราคาไม่แพง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเครือข่ายบล็อกเชนแบบปรับแต่งเองได้ทั้งแบบส่วนตัวและสาธารณะ เครือข่ายเหล่านี้จะถูกเรียกว่า “Subnets” ซึ่งสามารถมีกฎ ผู้เข้าร่วม และประโยชน์ใช้งานของตัวเองได้ ทำให้ Avalanche มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะสำหรับแอปพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย
– Avalanche Wallet — Avalanche Wallet เป็นกระเป๋าเงินอย่างเป็นทางการของระบบนิเวศ Avalanche หากคุณไม่ต้องการใช้บริการแพลตฟอร์ม Staking นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณ
– Binance — Binance คือกระดานเทรดที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งเต็มไปด้วยฟีเจอร์มากมาย บนแพลตฟอร์มนี้ คุณสามารถซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และ ทำการ Staking เหรียญ AVAX ได้
– Ankr — แพลตฟอร์ม Ankr ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน Web3 สำหรับนักพัฒนา การ Staking กับ Ankr จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการต่างๆ สำหรับผู้ใช้งาน
Canto (CANTO)
Canto เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในแวดวงบล็อกเชน โดยมุ่งเน้นในเรื่องการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) เป็นแพลตฟอร์มที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติพิเศษและบริการที่ออกแบบมาสำหรับระบบนิเวศ DeFi โดยเฉพาะ
Canto นำเสนอแนวคิดที่ว่า DeFi ควรที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะที่ใช้งานได้แบบฟรีๆ ซึ่งหมายความว่าบริการ DeFi พื้นฐานบางอย่าง เช่น กระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX), สกุลเงินดิจิทัลประจำเครือข่าย, โทเค็นที่ทำหน้าที่เหมือน Stablecoin, และบริการให้กู้ยืม นั้นจะพร้อมใช้งาน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการ DeFi
– Bitget — Bitget คือกระดานเทรดคริปโตที่แตกต่างจากกระดานเทรดโดยทั่วไปจากคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว คุณสมบัติบางอย่างเหล่านี้รวมไปถึงระบบ Copy Trading, บอทเทรด และการ Staking
– Canto Website — เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Canto เป็นที่ที่ดีที่จะทำการ Staking เหรียญ CANTO ผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการคุณสมบัติในการ Staking จากที่อื่นๆ สามารถเดิมพันบนเว็บไซต์นี้ได้
Tezos (XTZ)
Tezos เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่รองรับ Smart Contracts และมีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ Tezos ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับ Smart Contracts และ DApps เช่นเดียวกับ Ethereum อีกด้วย
Tezos ใช้กลไกฉันทามติแบบ Liquid Proof-of-Stake ในระบบนี้ ผู้ถือโทเค็นสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการฉันทามติในฐานะ “Delegator” หรือ “Baker” ได้ โดย Delegator สามารถ “มอบหมาย” โทเค็นของพวกเขาให้กับ Baker ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลรักษาเครือข่ายและสร้างบล็อก
– Trust Wallet — Trust Wallet อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย รวมไปถึง เบราว์เซอร์ในแอป, การ Staking, และการซื้อขายคริปโต หากคุณต้องการกระเป๋าเงินที่มีคุณสมบัติหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการ Staking นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณ
– Zengo — Zengo เป็นกระเป๋าเงินที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มทางเลือกด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น คุณสามารถทำการ Staking เหรียญ XTZ ได้โดยตรงจาก Zengo Wallet ของคุณ
– Coinbase — Coinbase เป็นกระดานเทรดคริปโตยอดนิยม มีความปลอดภัยสูง และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นพิเศษ การ Staking เหรียญ XTZ บน Coinbase คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านเทคนิค
– Kraken — Kraken เป็นกระดานเทรดคริปโตชั้นนำสำหรับนักเทรด เนื่องจากแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์พิเศษต่างๆ มากมายสำหรับนักเทรดผู้เชี่ยวชาญ การ Staking เหรียญคริปโตไว้บน Kraken จะช่วยให้นักเทรดสามารถใช้เงินของพวกเขาทำงานได้ตอนที่พวกเขาไม่ได้ทำการเทรด
Polygon (MATIC)
Polygon (เดิมชื่อ Matic Network) เป็นโซลูชันการปรับขนาดแบบ Multi-Chain สำหรับ Ethereum ซึ่งออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาหลักๆ บางประการของ Ethereum Polygon ทำงานกับบล็อกเชน Ethereum ได้อย่างสมบูรณ์
มันขยายขอบเขตจาก Ethereum ไปสู่ระบบ Multi-Chain ช่วยให้โปรเจกต์ที่ทำงานบน Ethereum สามารถย้ายไปยัง Polygon ได้อย่างง่ายดายเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงเชื่อมต่อกับเครือข่ายหลักอย่าง Ethereum
– Coinbase — Coinbase เป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่ปลอดภัยที่สุดในตลาดที่จะสามารถทำการ Staking เหรียญ MATIC ได้ หากคุณกังวลเกี่ยวกับการ Staking ในโลกที่ผันผวนของ DeFi Coinbase จะสามารถช่วยคลายความกังวลของคุณได้
– Lido Finance — Lido กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในโลกของ Liquid Staking Derivatives (LSD) เมื่อทำการ Staking กับ Lido คุณจะมั่นใจได้เลยว่าสินทรัพย์ที่ทำการ Stake ไว้จะทำงานหนักมากยิ่งขึ้น
– OKX — OKX คือกระดานเทรดคริปโตระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลาย และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่อยู่ในส่วนต่างๆ ของโลกที่มีตัวเลือกในการ Staking ที่จำกัด
– Kraken — Kraken เป็นกระดานเทรดคริปโตในสหรัฐฯ ที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการทำการ Staking โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านเทคนิคมากนัก
กลยุทธ์ในการ Staking หรือ Yield Farming เพื่อให้ได้ APY สูงสุด
เพื่อที่จะเพิ่มผลตอบแทนให้ได้มากที่สุด คุณจะต้องวางแผนและใช้วิธีการที่เหมาะสม ไม่ใช่ว่าวิธีการทั้งหมดจะสามารถนำไปใช้กับทุกๆ โปรโตคอลได้ แต่ก็มีอยู่บางวิธีการที่อาจจะใช้ได้ผลในระดับสากล
เลือกสินทรัพย์ให้เหมาะสม
ก่อนที่เราจะเลือกว่าจะทำการ Staking หรือ Yield Farming ที่ไหนดี เพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด เราจะต้องเริ่มต้นด้วยการเลือกเหรียญที่เหมาะสมมากที่สุด นั่นหมายถึง การเลือกเหรียญหรือโทเค็นที่ทำกำไรได้โดยที่มีเงื่อนไขหรือการบำรุงรักษาต่ำที่สุด
เหมือนที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สกุลเงินดิจิทัลบางสกุลอาจจะมีอัตราผลตอบแทนที่ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและประสิทธิภาพของราคา ตัวอย่างเช่น หากคุณได้รับอัตราผลตอบแทนต่อปี 5% สำหรับสกุลเงินดิจิทัลของคุณ แต่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลของคุณลดลง อัตราผลตอบแทนจริงสำหรับสกุลเงินดิจิทัลของคุณก็จะลดลงเช่นกัน
นอกจากนี้ การจดจำอัตราส่วนการ Staking ของโปรโตคอลใดๆ ก็ตามก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน เนื่องจากมันจะบอกคุณได้ว่ามีจำนวนคนที่ทำการ Staking อยู่เท่าใด
เมื่อนำเรื่องดังกล่าวไปรวมกับเหรียญหรือโทเค็นที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นั่นอาจจะนำคุณไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายได้
เรียนรู้เกี่ยวกับกลไกการ Staking หรือ Yield Farming
คุณจะต้องเข้าใจวิธีการทำงานของโปรโตคอลและกลไกการ Staking ของสกุลเงินดิจิทัลด้วย สกุลเงินดิจิทัลบางส่วน Stake ที่ Blockchain Level (เหรียญ) ในขณะที่สกุลเงินบางส่วนก็จะ Stake ที่ DApp Level (โทเค็น) นอกจากนี้ โปรโตคอลบล็อกเชนบางตัวยังมีกลไก Slashing หรือเป็นแบบ Pure Proof-of-Stake, Nominated Proof-of-Stake, Delegated Proof-of-Stake หรืออื่นๆ อีกมากมาย
ประเด็นสำคัญคือ กลไกการ Staking บางอย่างมีความเสี่ยงหรือซับซ้อนมากกว่าปกติ และต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในระดับที่สูงกว่า ตัวอย่างเช่น การ Staking Ethereum จำเป็นจะต้องมีความสามารถทางด้านเทคนิคและความเข้าใจในอุตสาหกรรม ซึ่งโดยปกติแล้ว Stakers (ผู้ที่ทำการ Staking) จะต้องเข้าร่วมการประมูลกระแสคำสั่งซื้อเพื่อแข่งขันหรือทำหน้าที่เป็น Block Producers ที่ผสานรวมกับรีเลย์เพื่อจับ MEV
ทบต้นรางวัลของคุณ
หลังจากที่คุณได้รับผลตอบแทนจากการ Staking แล้ว คุณจะต้องสามารถลงทุนใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ของคุณได้
หรือคุณยังสามารถทำการ Stake บนแพลตฟอร์ม Liquid Stake Derivatives (LSD) และนำ LSD ไปยังแพลตฟอร์มหรือ DApp อื่นๆ เพื่อทำการ Stake ได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการทำ Yield Farming ประเภทหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์หลังนั้นมีความเสี่ยงมากกว่า ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่โหนดที่คุณได้ทำการ Staking ไว้เกิดการออฟไลน์ โปรโตคอลจะลงโทษ (Slash) พวกเขาด้วยการลดสัดส่วนการ Staking และไล่พวกเขาออกจากเครือข่าย เป็นผลให้มูลค่าของโทเค็น LSD ของคุณลดลงเนื่องจากมีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ
เข้าร่วมกับ Staking Pool
หากการ Staking โดยตรงมีข้อกำหนดขั้นต่ำที่สูงหรือมีอุปสรรคทางด้านเทคนิคบางประการ ให้คุณลองพิจารณาในการเข้าร่วม Staking Pool ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่รวมรวบทรัพยากรต่างๆ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายราย ทำให้สามารถเข้าร่วมได้ง่ายยิ่งขึ้น และบางครั้งก็ให้อัตราที่ดีกว่าอีกด้วย
การ Staking กำหนดให้ผู้ใช้งานต้องทำการล็อกสินทรัพย์ของตนไว้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งและมีความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งจึงจะเข้าร่วมในฉันทามติได้ ดังนั้น มันจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปหรือผู้ใช้งานที่ไม่มีประสบการณ์
Justin Bons นักลงทุนบล็อกเชน: X
บางแพลตฟอร์ม เช่น กระดานเทรดแบบรวมศูนย์ เสนอบริการที่ช่วยให้คุณสามารถรวบรวมทรัพยากรของคุณได้ นอกจากนี้ยังมี DApps ที่ช่วยให้คุณทำการ Staking ในกลุ่มได้
กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ
ดังสุภาษิตที่ว่า “อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว” การกระจายความเสี่ยงสามารถช่วยให้คุณบริหารจัดการความเสี่ยงได้ แทนที่จะทำการ Staking สินทรัพย์ทั้งหมดของคุณในสกุลเงินดิจิทัลสกุลเดียว ให้ลองพิจารณากระจายการลงทุนของคุณออกไปยังสินทรัพย์และกลุ่มการเดิมพันที่แตกต่างกันไป
ให้ทำการตรวจสอบประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่คุณทำการ Staking ไว้เป็นประจำ เตรียมตัวให้พร้อมที่จะปรับพอร์ตการลงทุนของคุณเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตรารางวัล, เงื่อนไขของเครือข่าย, หรือสภาพตลาดคริปโตในวงกว้าง หากคุณไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คุณสามารถลองใช้งานแพลตฟอร์ม Staking ที่แตกต่างกันได้
ใช้สินทรัพย์ของคุณให้คุ้มค่าที่สุด
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดเกี่ยวกับการ Staking คือคุณสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่คุณไม่ได้ใช้งานได้ การ Staking เหรียญคริปโตเพื่อให้ได้ผลตอบแทน (APY) สูงสุด จะช่วยให้คุณใช้สินทรัพย์ของคุณเพื่อทำงานให้กับคุณได้ หรือเป็นการใช้สินทรัพย์ของคุณให้คุ้มค่าที่สุด โปรดจำไว้เสมอว่า คุณจะต้องมีแผนการที่ชัดเจน และทำความเข้าใจความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดี จำไว้ว่าอย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณจะสูญเสียได้
คำถามที่พบบ่อย
จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องใช้สำหรับการ Staking สกุลเงินดิจิทัลคือเท่าใด?
รางวัลสำหรับการ Staking จะถูกแจกจ่ายบ่อยเพียงใด?
ผลตอบแทนที่ได้จากการ Staking จะต้องเสียภาษีหรือไม่?
เราสามารถ Unstake (ปลดล็อก) เงินทุนของเราได้ตลอดเวลาหรือไม่?
เหรียญคริปโตใดที่มีผลตอบแทนจากการ Staking สูงสุด?
เราจะรับผลตอบแทนสูงสุดจากการ Staking ได้ที่ใด?
แพลตฟอร์ม Staking ที่ดีที่สุดคือแพลตฟอร์มใด?
การ Staking เหรียญคริปโตปลอดภัยหรือไม่?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์