Bitcoin Halving คือการที่มูลค่าของเหรียญ Bitcoin อันใหม่ที่เพิ่งขุดได้หรือเพิ่งได้ตอบแทนมาถูกแบ่งครึ่ง โดยจะเกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปีโดยประมาณเพื่อควบคุมปริมาณจำนวนของ BTC ทั้งยังเพื่อป้องกันไม่ให้มูลค่าของมันเฟ้อ ทั้งยังมีบทบาทสำคัญอื่น ๆ ที่ช่วยให้แวดวงคริปโตนั้นดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน
หากคุณยังเป็นมือใหม่ในวงการ Bitcoin และอยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจบล็อกเชนของ Bitcoin ถือเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุด ในที่นี้ มีหัวข้อให้ศึกษามากมาย แต่ Bitcoin Halving อาจจะถือเป็นหนึ่งในคอนเสปต์ที่ล้ำหน้าที่สุดคอนเสปต์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมคริปโต/บล็อกเชนก็ว่าได้
บทความนี้ประกอบไปด้วย
- Bitcoin Halving คืออะไร
- ทำไม Bitcoin Halving เกิดขึ้นเพราะอะไร
- Bitcoin Halving Chart – มูลค่าของ Bitcoin เริ่มแบ่งตั้งแต่เมื่อใด
- มูลค่าของ Bitcoin จะแบ่งครึ่งอีกกี่ครั้ง
- การแบ่งครึ่งของราคาส่งผลอย่างไรต่อราคา Bitcoin
![BTC Bitcoin Price](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2020/01/BIC_btc_halving_price_400K.jpg)
Bitcoin Halving คืออะไรและทำงานอย่างไร
- Bitcoin Halving เริ่มขึ้นเมื่อ Satoshi Nakamoto ผู้สร้างบิตคอย์นได้เผยแพร่ White paper for Bitcoin เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2008 โดยเอกสารฉบับนี้ซึ่งนำเสนอคอนเสปต์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งในภายหลังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Cryptocurrency หรือที่เรียกกันว่า Bitcoin (BTC)
- White Paper อธิบายว่าสกุลเงินดิจิทัลคืออะไร หน้าตาอย่างไร และทำงานอย่างไร นอกจาก Bitcoin แล้ว White Paper ยังนำเสนอเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งยังคงเป็นแกนกลางของเงินคริปโตทุกตัว
- Bitcoin Halving ถือเป็นหนึ่งในคอนเสปต์สำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในฐานะวิธีการหนึ่งในการยับยั้งภาวะเงินเฟ้อและควบคุมการแจกจ่ายเหรียญชนิดใหม่ ๆ แนวคิดดังกล่าวผูกอยู่กับการทำเหมืองคริปโต โดยผู้ขุดคริปโตนั้นจะใช้คอมพิวเตอร์ของตนในการแก้ปัญหาสมการคณิตศาสตร์ซับซ้อน ซึ่งจะแก้ปัญหาบล็อกต่าง ๆ ในบล็อกเชนของ Bitcoin ได้เช่นเดียวกัน โดยแต่ะบล็อกนั้นจะแสดงรายการธุรกรรมเป็นกลุ่ม ๆ โดยจะถูกตรวจสอบเหมือนบล็อกนั้น ๆ ถูกแก้ปัญหาแล้วและถูกเพิ่มเข้าไปเป็น New Entry ใน Digital Ledger
![Simplecoin](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2019/12/bic_crypto_mining_rig_halving_btc_bitcoin-750x375.jpg)
- ผู้ทำเหมืองจะได้การตอบแทนเป็นเหรียญ Bitcoin อันใหม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้มูลค่าของมันเฟ้อ ผลตอบแทนเหล่านี้ออกแบบมาให้มีมูลค่าน้อยลงเรื่อย ๆ ในระหว่างที่การทำเหมืองคริปโตดำเนินไป
- หากพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น โปรเจกต์การขุดคริปโตถูกออกแบบมาด้วยกับกระบวนการที่เรียกว่าการแบ่งครึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งที่ผู้ขุดขุดได้ 210,000 บล็อก เมื่อนั้น บล็อกที่เป็นผลตอบแทนจะถูกแบ่งครึ่ง ทำให้เหรียญใหม่ ๆ ที่เข้าไปสู่ในกระแสเงินคริปโตมีมูลค่าลดลงเรื่อย ๆ ทำให้ราคาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และไม่ทำให้มูลค่าของเหรียญเหล่านี้ล้นตลาด
- ในขณะเดียวกัน การทำเช่นนี้ถือเป็นการกระตุ้นผู้ขุดคริปโตที่ดีในระยะยาว เพราะพวกเขาจะมีเป้าหมายในการขุดไปให้ได้ถึง 21 ล้านบล็อก
![Marshall Islands Sovereign Cryptocurrency](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2019/09/BIC_marshall-islands_crypto_launch_cap_inflation.jpg)
Bitcoin Halving เกิดขึ้นเพราะอะไร
จุดประสงค์หลัก ๆ ได้แก่
- ป้องกันภาวะมูลค่าเฟ้อ
- เพิ่มมูลค่าของ BTC
- ให้เวลาอุตสาหกรรมคริปโตได้เติบโต
รายละเอียดของแต่ละจุดประสงค์นั้น ดังนี้
- ป้องกันภาวะมูลค่าเฟ้อ
Bitcoin เป็นมาตรการตอบโต้วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 ซึ่งในขณะนั้น ธนาคารต่าง ๆ ล้วนร่วมพิสูจน์แล้วการมีหน่วยงานกลางเพื่อทำหน้าที่ควบคุมค่าเงินไม่ส่งผลดีอีกต่อไป ทั้งยังพร้อมท้าทายมาตรฐานดังกล่าวหากนั่นทำให้ธนาคารทั้งหลายมีรายได้มากขึ้น
![](https://th.beincrypto.com/wp-content/uploads/2022/04/Untitled-13.png)
ดังนั้น Nakamoto จึงได้สร้างวิธีการของเขาซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับธนาคารกลาง โดยพยายามกำจัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดกับอุตสาหกรรมการเงินซึ่งมักเกินขึ้นบ่อยเกินไปในแวดวงการเงินตามขนบ หนึ่งในนั้นคือภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งปกติแล้วหน่วยงานการเงินกลางมักจะแก้ด้วยการพิมพ์ธนบัตรออกมาเพิ่มเพื่อทดแทนสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การเพิ่มปริมาณเงินในกระแสไหลเวียนเงินสดลดมูลค่าของเงินที่พิมพ์ขึ้นใหม่ ทำให้อุตสาหกรรมการเงินทั้งหมดต้องประสบความยากลำบาก เหตุการณ์ที่เงินทั้งสกุลไร้มูลค่านั้นเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ดังนั้น Satoshi จึงออกแบบ Bitcoin ออกมาในปริมาณจำกัดแค่ 21 ล้านหน่วยเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ซึ่งนั่นถือเป็นจำนวนสูงสุดแล้วที่เคยผลิตมาและจะไม่มีวันผลิตได้เกินกว่านี้
ในขณะเดียวกัน เขาตระหนักว่าเขาต้องการสร้างช่องทางที่จะปล่อยเหรียญเหล่านี้เข้าสู่ระบบอย่างช้า ๆ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ทำเหมืองคอยตรวจสอบรายการธุรกรรมต่าง ๆ โดยจะมีการตอบแทนผู้ทำเหมืองโดยการให้เหรียญในจำนวนที่ได้ระบุเอาไว้ต่อบล็อกหนึ่งบล็อก อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะให้ BTC ได้พัฒนาและเติบโตอย่างเหมาะสม เขายังได้พัฒนาให้จำนวนของผลตอบแทนลดลงเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ปริมาณเหรียญทั้ง 21 ล้านหน่วยนั้นหมดลง
ผลลัพธ์ก็คือเมื่อมูลค่าของการตอบแทนถูกแบ่งครึ่งไปเรื่อย ๆ ผู้ทำเหมืองจะได้รับผลตอบแทนน้อยลงครึ่งต่อครึ่งในทุก ๆ ครั้ง เพราะฉะนั้น หากผลตอบแทนเริ่มต้นอยู่ที่ 50 BTC ต่อบล็อก หลังจากการแบ่งครึ่งในครั้งแรก ผลตอบแทนจะลดลงเป็น 25 BTC ต่อบล็อกแทน และหลังจากการแบ่งครึ่งครั้งที่สอง จะได้รับแค่ 12.5 BTC วิธีคิดเช่นนี้ดำเนินเรื่อยไป
![bitcoin](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2019/10/bic_btc_bitcoin_libra_value.jpg)
2. เพิ่มมูลค่าของ BTC
Satoshi ไม่สามารถคาดคะเนว่าเมื่อไรที่ราคา Bitcoin จะเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นได้มากสุดเท่าใด อย่างไรก็ตาม เขาคาดหวังให้ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ราคาแรกของ Bitcoin เกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็วหลังจากที่ได้เปิดตัวไป
อย่างที่ทราบกันดีว่า Bitcoin ไม่มีสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อที่จะค้ำยันและสร้างมูลค่าให้กับตัวมันเอง ทั้งนี้ มูลค่าของ BTC ตั้งอยู่บนฐานของความเป็นประโยชน์ของตัวเองมันเองในฐานะเงินตราที่ไม่มีหน่วยงานกลางใดกำกับดูแล หลังจากที่ Satoshi ได้สาธิตให้เห็นมูลค่าของเงินตราที่ไม่มีหน่วยงานกลางคอยควบคุมเป็นที่เรียบร้อย สาธารณชนจึงตระหนักได้ว่านี่อาจจะเป็นอีกทางเลือกทางการเงินในอนาคต และคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการธนาคารซึ่งอาจจะแช่แข็งบัญชีของพวกเขาเมื่อใดก็ได้ และไม่จำเป็นต้องคิดว่าธนาคารจะนำเงินฝากไปใช้ในรูปแบบใด และที่สำคัญคือไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนใด ๆ อีกต่อไป
เหล่านี้คือสาเหตุที่ผู้คนหันมาสนใจ Bitcoin มากขึ้น และยิ่งมีผู้ใช้งานมากขึ้นเท่าใด มูลค่าของมันก็เพิ่มขึ้นตามตัว เงินดิจิทัลสกุลนี้จึงเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผู้คนคิดเกี่ยวเงินดิจิทัลไปโดยสิ้นเชิง
![Bitcoin](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2019/10/bic_bank_btc_bitcoin.jpg)
ทั้งนี้ Satoshi รู้ดีว่าผู้คนจำเป็นต้องใช้เวลาที่จะคุ้นชินและมีความรู้เพียงพอเกี่ยวกับเงินสกุลใหม่นี้ เขาเองยังคาดหวังให้หน่วยงานทางการทั้งหลายพยายามจะสะกัดกั้นการใช้งานเงินดิจิทัลเช่นกัน โดยอาจจะผ่านการไม่รณรงค์ให้คนหันไปใช้งานเงินคริปโตผ่านข้อมูล หรือมิเช่นนั้นก็พยายามไม่ให้สาธารณชนรับรู้เรื่องนี้
นั่นหมายความว่า Bitcoin ต้องกลายเป็นองหายากเพื่อให้ผู้ลงทุนในระยะแรกไม่ครอบครองมันมากจนเกินไปเพื่อให้มูลค่าของมันค่อย ๆ เติบโตและทำให้คนอยากครอบครองมันมากขึ้น นี่คือที่มาของการเกิด Halving Process กล่าวคือ เมื่อจำนวนเหรียญที่อยู่ในระบบลดลง ทุก ๆ ครั้งที่เกิดการแบ่งขึ้น มูลค่าของเหรียญจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปทานต่ำลง และอุปสงค์เพิ่มขึ้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทุกวันนี้พิสูจน์แล้วว่า Satoshi คิดถูกเพราะมันกำลังทำงานในแบบที่เขาเคยคาดการณ์ไว้
![Bitcoin BTC Satoshi Supply](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2019/12/BIC_btc_21M_supply_satoshi.jpg)
3. ให้เวลาคริปโตได้เติบโต
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการทำเหมืองคริปโตนั้นค่อนข้างอาศัยต้นทุนในระดับหนึ่งเนื่องจากต้องใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมาก รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีราคาแพงและไฟฟ้าจำนวนมาก BTC นั้นออกแบบมาให้สามารถขุดได้ทั้งด้วยคนทำเหมืองตั้งแต่คนเดียวไปจนถึงล้านคนโดยที่ไม่มีความแตกต่างนัก เป็นเพราะว่า Satoshi ได้ออกแบบให้วิธีการขุดเหมืองนั้นมีความยากลำบากผ่านการใช้อัลกอริธึมซึ่งสามารถลดหรือเพิ่มความลำบากในการขุดได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ที่เข้ามาขุดและปริมาณคอมพิวเตอร์ที่กำลังใช้งานอยู่
การออกแบบมาในลักษณะนี้ทำให้ทุก ๆ การขุดนั้นใช้เวลา 10 นาทีโดยเฉลี่ยโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ขุดคนนั้นใช้คอมพิวเตอร์ที่มีกำลังมากน้อยเพียงใด ถึงอย่างนั้น หากมีผู้ขุดมากย่อมหมายถึงมีการใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้น และการใช้ทรัพยากรมากขึ้นนี่เองที่จะทำให้ขุดบล็อกได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน กระบวนการเหล่านี้ทำให้สามารถขุดเหรียญ BTC ทั้ง 21 ล้านหน่วยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
หากนี่คือสิงที่จะเกิดขึ้น จะไม่มีใครสนใจที่จะทำเหมืองต่อเพียงเพื่อจะคงไว้ซึ่งเงินดิจิทัลสกุล Bitcoin โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวซึ่งผู้คนจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ใช้เหรียญคริปโตในการทำธุรกรรม
ความยากลำบากในวิธีขุดนี่เองที่ท้ายที่สุดแล้วทำให้ผู้ขุดทั้งหลายยังคงสนใจที่จะขุด Bitcoin ต่อไป เปิดโอกาสให้มันได้เติบโต ขยับขยายและดึงดูดผู้สนใจหน้าใหม่ ๆ เข้ามาในแวดวง หลังจากที่เหรียญทั้งหมดถูกขุดได้แล้ว ผู้ขุดสามารถแสวงหาผลกำไรจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่เกิดขึ้นแทนที่การแสวงหาเหรียญใหม่ ๆ แต่เพื่อจะไปให้ถึงขั้นนั้น Bitcoin ต้องกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลกระแสหลักและถูกใช้งานทั่วโลก
![Bitcoin BTC ETF](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2019/08/bic_BTC_etf_world.jpg)
Bitcoin Halving Chart – มูลค่าของ Bitcoin เริ่มแบ่งตั้งแต่เมื่อใด
ในเดือนเมษายน 2020 เกิด Bitcoin Halving ครั้งที่สามขึ้น จากการที่มีบล็อกใหม่ ๆ ถูกขุดได้เสมอ ปัจจัยดังกล่าวถือว่าเร่งการเกิด Bitcoin Halving โดยปกติแล้ว ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปีซึ่งเป็นเวลาโดยเฉลี่ยในการที่ 210,000 จะถูกขุดได้ ทั้งนี้ การเกิด Bitcoin Halving ครั้งแรกเกิดขึ้นวันที่ 29 พฤศจิกายน 2012 ชาร์ตด้านล่างนี้แสดงให้เห็นการเกิด Bitcoin Halving ที่ผ่านมา
![bitcoin halving chart](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2020/04/bic_BTC_halving_graph.jpg.webp)
Bitcoin Halve จะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง
ปรากฏการณ์ครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2020 และมีการคาดการณ์ว่าครั้งถัดไปน่าจะเกิดในปี 2024 และครั้งที่ห้าน่าจะเกิดในปี 2028 เรื่อยไป ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ อีกหลายทศวรรษตามที่มันถูกออกแบบมา โดยมูลค่าของผลตอบแทนที่ได้จะลดลงเรื่อย ๆ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะขุดบล็อกที่มีมูลค่าน้อยที่สุดซึ่งเป็นบล็อกสุดท้ายที่ชื่อ last Satoshi ได้
แน่นอนว่าการขุดย่อมเกิดขึ้นเรื่อยไปหากยังมีคนสนใจ แต่ ณ จุดหนึ่ง ค่าตอบแทนจากการขุดนั้นย่อมไม่คุ้มค่าอีกแล้ว สิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้นภายในอีกหลายทศวรรษ หรืออาจเป็นศตวรรษ หากเราคาดว่า BTC ยังจะคงมีอยู่ มีบางการคาดการณ์ระบุว่าการทำเหมือง BTC จะดำเนินเรื่อยไปจนถึงปี 2140 แต่เมื่อถึงตอนนั้น โลกทั้งโลกอาจจะถูกพลิกโฉมไปแล้วโดยอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม และเมื่อถึงตอนนั้นเหรียญหน่วยสุดท้ายอาจจะถูกขุดได้แล้ว หนึ่งในหนทางที่จะไปให้ถึงเหรียญสุดท้ายเร็วขึ้นคือการใช้ค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมจ่ายเป็นค่าตอบแทนให้ผู้ทำเหมืองแทนอย่างที่อธิบายไปแล้วเบื้องต้น แต่การพัฒนา BTC และความคิดใหม่ ๆ นั้นเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เหรียญหน่วยสุดท้ายอาจถูกขุดได้เร็วกว่าที่คิด
![](https://th.beincrypto.com/wp-content/uploads/2022/04/Untitled-14.png)
การแบ่งครึ่งของราคาส่งผลอย่างไรต่อราคา Bitcoin
อย่างที่กล่าวไปเบื้องต้นว่า Bitcoin halving ช่วยให้มั่นใจได้ว่ากระแสเงินที่ไหลเข้าไปในระบบจะค่อย ๆ ลดลง ในขณะที่อุปสงค์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีคนเข้ามาลงทุนใน Bitcoin มากขึ้น เหล่านี้คือผลกระทบที่สามารถเกิดขึ้นได้ต่อเศรษฐกิจ Bitcoin โดยรวม
แม้ Bitcoin Halving จะฟังดูน่าสนใจในเชิงทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติจะเป็นอย่างไร
นับตั้งแต่ Bitcoin ให้บริการมา 11 ปีและมีการเกิด Bitcoin Halving ไปบ้างแล้ว เราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อประเมินได้ว่าแผนการของ Satoshi จะสัมฤทธิ์ผลไหม
- พฤศจิกายน 2012 – Bitcoin Halving ครั้งแรก
![Bitcoin Halving](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2019/08/shutterstock_bitcoin_btc_halving.jpg)
ข้อมูลจากช่วงเวลานั้นส่วนใหญ่เชื่อถือไม่ค่อยได้สำหรับคนที่ต้องการจะมองเห็นผลกระทบที่แท้จริงที่ BTC อาจจะเกิดขึ้นได้ เหตุผลเนื่องจากในขณะนั้น มีบริการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลไม่กี่รายที่ให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่ปิดทำการไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ว่า ณ ช่วงเวลานั้นการขาย Bitcoin ยังเป็นเรื่องยาก เนื่องจากการฝากเงินนั้นยังยากลำบาก ดังนั้นกระแสเงินสดจึงยังไม่ใช่แบบที่เห็นเช่นทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เรามีจากช่วงเวลาดังกล่าวเผยให้เห็นว่าการทำเหมือง Bitcoin ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยทันทีต่อราคา BTC แต่เหรียญสกุลดิจิทัลนี้ใช้เวลาประมาณ 11 เดือนในการเติบโต ราคาของมันเพิ่มขึ้น 7,562% และราคาขึ้นมาจาก 12 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเกิด Halving ครั้งแรก มาจนถึงราคา 1,100 ดอลลาร์สหรัฐใน 11 เดือนถัดมา มูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ดึงดูดผู้ลงทุนเข้ามาเพิ่ม นำไปสู่ความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นในอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังนำไปสู่การเกิดเหรียญตัวเลือก (altcoins) ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นในปีถัดมา อย่างไรก็ตาม สาธารณชนโดยรวมยังไม่ได้รู้จัก Cryptocurrency มากนัก
![Bitcoin Halving](https://s32659.pcdn.co/wp-content/uploads/2020/02/BIC_btc_halving_stock_price_high.jpg)
2. กรกฎาคม 2016 – การเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่สอง
ในช่วงที่เกิด Bitcoin Halving ครั้งที่สอง ราคาของ BTC มีความเสถียรมากขึ้นจากครั้งแรก โดยราคา ณ ตอนนั้นขึ้นสูงสุดถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐและหลังจากนั้นราคาจึงค่อย ๆ ลดลงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ จุดนี้นี่เองที่นำไปสู่การเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่สอง ถือเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาครั้งใหญ่ที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน
ในเดือนพฤษภาคม 2017 BTC เริ่มเติบโตขึ้นอีกครั้ง นำไปสู่สภาวะที่ราคาเหรียญขึ้นสูงสุดที่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ BTC ราคานี้เพิ่มขึ้นจากค่า ATH ก่อนหน้านี้ 18 เท่าภายในไม่กี่เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม 2017
![](https://th.beincrypto.com/wp-content/uploads/2022/04/Untitled-15-850x440.png)
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั่วโลกรู้จัก Bitcoin และ Cryptocurrency มากขึ้น การที่ราคาเพิ่มขึ้นเช่นนี้นำไปสู่ผู้ที่เข้ามาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตนับล้าน หลังจากนั้น Altcoin นับพันถือกำเนิดขึ้น โดยมี Bitcoin เป็นเหรียญหลักในแวดวง ทำให้มูลค่าของเหรียญทั้งหลายเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เหตุการณ์ครั้งนี้ยังช่วยให้เกิดการพัฒนา Cryptocurrency ในอีกหลายปีถัดมา ยิ่งเกิด Bitcoin Halving เท่าใด เมื่อมูลค่าของมันสูงขึ้น ทำให้มีผู้สนใจมาลงทุนใน BTC มากขึ้นเช่นกัน การที่มีผู้เข้ามาลงทุนในแวดวงนี้มากขึ้นสามารถนำไปสู่การทำให้มูลค่าของเหรียญเพิ่มขึ้นโดยปริยาย
![](https://th.beincrypto.com/wp-content/uploads/2022/04/Untitled-16-1-850x440.png)
บทสรุป
Bitcoin นั้นยังคงไม่หยุดพัฒนาและดึงดูดผู้ใช้ใหม่ ๆ ทั้งมูลค่าของมันเองยังผันแปรอยู่เรื่อย ๆ สถานการณ์เช่นนี้อาจดำเนินไปอีกหลายปีจนกระทั่งมันกลายมาเป็นสกุลเงินหลัก ระหว่างนี้ สถานการณ์ของ BTC ย่อมเต็มไปด้วยความผันผวน ความไม่แน่นอน และความเสี่ยง แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่โลกที่การเงินไม่ได้ถูกรวมศูนย์อีกต่อไป
จากทุก ๆ นวัตกรรมที่เกิดขึ้นซึ่งเริ่มต้นจาก Bitcoin การเกิด Bitcoin Halving ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ Bitcoin เติบโตมาได้จนถึงจุดนี้ เนื่องจากได้พิสูจน์แล้วว่าหน่วยงานกลางไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องมาตรวจสอบการทำงานของเงินสกุลหนึ่ง นอกจากนี้ ยังถือเป็นการซื้อเวลาให้ BTC ได้เติบโตและเป็นที่รู้จักเพราะเป็นที่ยืนยันแล้วว่าเหรียญ BTC นั้นจะไม่หมดไปง่าย ๆ เหล่านี้ล่วนยืนยันว่า Bitcoin Halving คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Bitcoin ยังก้าวหน้าและพัฒนาต่อไป ทั้งยังส่งผลต่อระบบการเงินในโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้
Trusted
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์
![BIC_userpic_sb-55.jpg](https://th.beincrypto.com/wp-content/uploads/2022/05/BIC_userpic_sb-55.jpg)