Cloud Gaming เป็นการเล่นเกมรูปแบบใหม่ ไม่ต้องดาวน์โหลด ติดตั้งเกมให้ยุ่งยาก เราสามารถ “สตรีมเกมจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลได้“
Concept ของ Cloud Gaming คืออะไร เป็นอย่างไร? มันทำงานอย่างไร? ข้อดี-ข้อเสียคืออะไร? วันนี้ BeInCrypto มีคำตอบให้คุณแล้ว
Cloud Gaming คืออะไร?
Cloud Gaming (การเล่นเกมผ่านระบบ Cloud Server) คือ เทคโนโลยีที่จะให้คุณสตรีมเกมจาก Remote Server (เซิร์ฟเวอร์ระยะไกล) ได้ เซิร์ฟเวอร์จะรันเกม วิดีโอและเสียงจะถูกสตรีมมายังอุปกรณ์ของผู้เล่น ผู้เล่นจะทำการโต้ตอบกับเกมผ่านคอนโทรลเลอร์ คีย์บอร์ด เมาส์ หรืออุปกรณ์อินพุตที่คล้ายๆ กัน
Cloud Gaming ถูกเรียกว่า “Cloud” เพราะว่ามันไม่ต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งในเครื่อง(ของตัวผู้เล่นเอง) ผู้เล่นจะเข้าสู่ระบบซึ่งทำงานจาก Remote Server ใน Data Center (ศูนย์ข้อมูล) ทั่วโลก และเข้าถึง Cloud Service เพื่อเล่นเกม
ข้อดีของ Cloud Gaming คือการที่คุณสามารถเล่นเกมโดยไม่จำเป็นต้องซื้อฮาร์ดแวร์ระดับสูง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีสเปคสูงๆ เสียเงินแพงๆ เราสามารถเล่นบนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพาที่มีสเปคต่ำได้ เช่น โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Cloud Gaming ยังเหมาะกับนักพัฒนาเกม ซึ่งสามารถขายเกมเพื่อให้ผู้เล่นเข้ามาดาวน์โหลดได้
ฟีเจอร์ของ Cloud Gaming
ด้วย Cloud Gaming ที่เราสามารถเล่นเกมบนอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือมือถือ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกโดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ที่สเปคสูงๆ แต่ยังสามารถเล่นเกมที่มีคุณภาพสูงได้ ฟีเจอร์หลักของ Cloud Gaming คือ “ความยืดหยุ่น” เราสามารถเข้าถึงเกมที่ไหนก็ได้ แค่ดาวน์โหลดก็สามารถเล่นได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา
Cloud Gaming ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตเกมใหม่ๆ ได้จากระยะไกลก่อนใคร ก่อนที่จะมีการปล่อยการอัพเดตในรูปแบบออฟไลน์ จำพวก ฮาร์ดไดรฟ์ Xbox One ของ Microsoft Corporation และฮาร์ดไดรฟ์ PlayStation ของ Sony Corporation
คุณสามารถเล่นแบบออนไลน์ได้หลายคนพร้อมกัน เช่น Fortnite ซึ่งผู้เล่นต้องอัพเดตบ่อยๆ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเล่นได้บนอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกันได้ และยังเข้าถึง Library ได้เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ข้อดีและข้อเสียของ Cloud Gaming
Cloud Gaming เป็นแนวทางใหม่ในการเล่นเกม ช่วยให้คุณเข้าถึงเกมมากมายได้ทันทีโดยไม่ต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งอะไรลงบนอุปกรณ์ มาศึกษาข้อดี-ข้อเสียดูกันว่า Cloud Gaming จะเหมาะกับคุณหรือไม่
ข้อดี
- เข้าถึงได้ทันที : ไม่จำเป็นต้องรอการดาวน์โหลดหรืออัพเดตอีกต่อไป สามารถเล่นได้ในระบบ Cloud ทันทีที่เชื่อมต่อคอนโทรลเลอร์/คีย์บอร์ด/เมาส์ ก็สามารถเล่นเกมได้ทันที
- ประหยัดพื้นที่ในคอมพิวเตอร์ : แทนที่จะลงเกมแต่ละเกมในฮาร์ดไดรฟ์ ก็เก็บไว้บน Cloud Service แทนซึ่งใช้พื้นที่จำนวนไม่เยอะ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและไม่มีค่าธรรมเนียมการติดตั้ง
- ไม่มีข้อกำหนดด้านฮาร์ดแวร์ : ไม่จำเป็นต้องซื้อคอมพิวเตอร์หรือคอนโซล เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและตัวช่วยในการควบคุม ซึ่งทำให้ไม่ต้องดาวน์โหลดเกมลงบนอุปกรณ์
- เล่นบนอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต : นั่นหมายความว่าคุณสามารถเล่นเกมได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือระหว่างเดินทาง
- การเข้าถึงจากระยะไกล : ด้วย Cloud Gaming จึงสามารถเล่นวิดีโอเกมบนโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตได้ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นเจ้าของอุปกรณ์ก็ตาม
ข้อเสีย
- Latency สูง : นี่คือข้อเสียใหญ่ของ Cloud Gaming เพราะต้องอาศัยเซิร์ฟเวอร์ในการทำงาน จึงอาจจะเกิดการดีเลย์เล็กน้อย
- การค้นหาเกมอาจจะเป็นเรื่องยาก : ถ้ามี Library ที่ใหญ่และต้องการเล่นเกมไหนซักเกม อาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหาเกมนั้นๆ
- อาจเกิดการขัดข้องหากอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร : Cloud Gaming ต้องอาศัยอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ดังนั้น ถ้าอินเทอร์เน็ตช้าหรือขัดข้อง อาจจะทำให้การเชื่อมต่อช้าหรือหยุดทำงาน
Cloud Gaming ทำงานอย่างไร?
Cloud Gaming ทำงานจากเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่สามารถสตรีมเกมไปยังคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ คล้ายกับการสตรีมเพลงหรือภาพยนตร์ เพียงแค่ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ความเร็วสูงเพียงพอ
ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Netflix และบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ เกมจะตอบสนองต่อการป้อนคำสั่ง ซึ่งจะส่งคำสั่งเหล่านั้นไปยัง Cloud Server ผ่านทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นเซิร์ฟเวอร์จะตอบสนองต่อคำสั่ง ซึ่งอุปกรณ์จะแสดงบนหน้าจอ หมายความว่าทุกคำสั่งเกิดขึ้นในระดับ milliseconds (หนึ่งในพันของหนึ่งวินาที) หากมีการ Lag จะสังเกตได้ชัดทันทีว่าการเชื่อมต่อมีปัญหา
เนื่องจาก Cloud Gaming Server ช่วยให้เราเข้าถึงเกมได้ที่ไหนก็ได้ อุปกรณ์ใดก็ได้ จึงไม่จำเป็นต้องมีการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ทำให้ง่ายต่อการเล่นเกมโดยไม่ต้องกังวลกับการดาวน์โหลดและติดตั้งเลย
Cloud Gaming มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
ทุกวันนี้มีบริการ Cloud Gaming อยู่หลายบริการ โดยบางบริการให้ทดลองใช้ฟรีและบางบริการก็มีการเรียกเก็บค่าบริการรายเดือน
ค่าใช้จ่ายของ Cloud Gaming จะขึ้นอยู่กับบริการที่เลือก เช่น Xbox Cloud Gaming จะมีแผนสมาชิก Xbox Game Pass Ultimate 15 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งจะสามารถเล่นเกมคุณภาพสูงถึง 100 เกม หากต้องการเข้าถึงเกมหรือบริการอื่นๆ เพิ่มเติมจะมีค่าใช้จ่ายต่อไป
ผู้ให้บริการรายอื่นอาจจะมีรูปแบบการกำหนดราคาที่แตกต่างกันอย่าง PlayStation Now มีราคา 17 ดอลลาร์ต่อเดือน ในขณะที่ Google Stadia มีราคา 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ราคานี้ให้ผู้ใช้งานเล่นเกมได้สูงสุดถึง 4K HDR พร้อมเสียงเซอร์ราวด์ 5.1
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ผู้เล่นยังคงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะ Cloud Gaming ไม่ใช่ตัวเลือกที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับเกมทั่วไป หากสนใจก็สามารถทดลองใช้ฟรีได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนจะเลือกลงทุนกับผู้ให้บริการเจ้านั้นๆ
อนาคต Cloud Gaming
สรุปแล้ว Cloud Gaming เป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมสเปคสูงบนอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำได้ แม้ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นอีกก้าวของการพัฒนาในวงการ Gaming ที่น่าตื่นเต้นสำหรับเกมเมอร์
Cloud Gaming คืออนาคตของวิดีโอเกม และจะเปลี่ยนแปลงวิธีการเล่นเกมของเราในรูปแบบที่ยากจะจินตนาการ เทคโนโลยีนี้มีมาได้ระยะหนึ่งซึ่งทำให้ Cloud Gaming เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเพลิดเพลินกับเกมโปรดโดยไม่ต้องรอการดาวน์โหลดหรือต้องมายุ่งยากกับระบบ อย่างไรก็ตาม ศักยภาพที่ Cloud Gaming สามารถทำได้นั้น คือการเล่นเกมในแนวทางใหม่ มารอดูกันต่อไปว่า Cloud Gaming ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงวงการเกมของเราอย่างไร สายเกมต้องรอติดตามข่าวกันต่อไป
คำถามที่พบบ่อย
Clould Gaming สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร?
ต้องจ่ายเงินสำหรับ Cloud Gaming หรือไม่?
ตัวอย่างของ Cloud Gaming
Cloud Gaming ดีหรือไม่?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์
