ดูเพิ่มเติม

Soulbound Token (SBT) คืออะไร?

3 mins
โดย Joel Frank
แปลแล้ว Akradet Mornthong

ในเดือนพฤษภาคมปี 2022 Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum, Eric Glen Weyl นักเศรษฐศาสตร์ และทนายความ Puja Ohlhaver ได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง “Decentralized Society: Finding Web3’s Soul” ในบทความดังกล่าว พวกเขากล่าวถึงการพัฒนาโทเค็น Crypto ชนิดใหม่ที่เรียกว่า “Soulbound Token (SBT)” โทเค็นเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงส่วนหนึ่งของตัวตนในโลกดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ

Buterin, Weyl และ Ohlhaver กล่าวว่า SBT — ซึ่งไม่สามารถถ่ายโอน/แลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลได้ — สามารถสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้างสังคมแบบกระจายอำนาจ (DeSoc) ใน DeSoc สิ่งที่ระบุตัวตนที่ทำงานบนบล็อกเชนในรูปแบบของ Soulbound Tokens จะทำหน้าที่เป็นข้อมูลประจำตัวที่ใช้ในการเข้าร่วมในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น Soulbound Tokens, ตัวตนดิจิทัล, และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ DeSoc จะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เรื่องต่อไปใน Crypto ได้หรือไม่? หรือ SBT จะเป็นเพียง NFT ในอีกเวอร์ชั่นซึ่งความนิยมเริ่มลดลงแล้ว?

NFTs เป็นผู้มาก่อนกาลของ Soulbound Token

ก่อนที่จะเจาะลึกถึงเรื่องทางเทคนิคว่า Soulbound Token คืออะไร, ข้อดีและข้อเสีย, และการใช้งานที่สามารถเป็นไปได้ มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะอธิบายให้ผู้อ่านทราบก่อนว่า NFT คืออะไร เพราะถึงอย่างไรแล้ว NFT ก็เป็นผู้บุกเบิกโดยตรงของ SBT

การขายสิทธิ์ความเป็นเจ้าของบนบล็อกเชนมูลค่า 69 ล้านดอลลาร์สำหรับคอลเล็กชั่นผลงานของศิลปินดิจิทัล Beeple เมื่อต้นปี 2021 ทำให้เกิดการปะทุขึ้นกระแสความนิยมของสินทรัพย์ประเภทใหม่ที่ถูกเรียกว่า Non-Fungible Tokens (NFTs) เข้าสู่กระแสหลัก

เช่นเดียวกับ Cryptocurrency NFT สามารถถ่ายโอนข้ามบล็อกเชนได้ นั่นหมายความว่ามันสามารถซื้อและขายในกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ปัจจุบัน ตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุดคือ OpenSea แตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลตรงที่จะไม่มี NFT 2 ตัวที่เหมือนกัน ดังนั้น มันจึงไม่สามารถทำการซื้อขายในพื้นฐานเดียวกันได้

NFT คือการแสดงความเป็นเจ้าของในรูปแบบดิจิทัลบนบล็อกเชน ปัจจุบัน ของสะสมดิจิทัล เช่น การ์ดศิลปะและกีฬา ได้เข้ายึดครองตลาด NFT แต่มันไม่มีข้อจำกัดทางทฤษฎีสำหรับสิ่งที่ NFT สามารถแสดงความเป็นเจ้าของได้ แม้แต่ทวีตบน Twitter ก็สามารถซื้อขายและแลกเปลี่ยนเป็น NFT ได้ นอกจากนี้ มันยังสามารถใช้เพื่อเป็นตัวแทนของทรัพย์สินในชีวิตจริง เช่น อสังหาริมทรัพย์และเสื้อผ้า ได้เช่นกัน

ทวีตแรกของ Jack Dorsey ถูกขายในรูปแบบของ NFT: Valuables

ครีเอเตอร์และองค์กรการกุศลต่างก็ใช้เทคโนโลยี NFT เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ และเชื่อมต่อกับผู้สนับสนุนได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีใหม่นี้สัญญาว่าจะช่วยปรับปรุงเรื่องการซื้อขายทรัพย์สินของ NFTs โดยการขจัดพ่อค้าคนกลาง ลองนึกภาพว่าการโอนความเป็นเจ้าของบ้านจะง่ายขึ้นเพียงใดหากสามารถทำมันได้ในธุรกรรมบนบล็อกเชนเพียงครั้งเดียว

ด้วยแนวโน้มที่ดีของเทคโนโลยีดังกล่าว กระแสความคลั่งไคล้ที่เกิดขึ้นจาก NFT จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจมากนัก

NFT ที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ — มันคือรากฐานของ DeSoc?

Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้แนะนำแนวคิดเรื่อง Soulbound Token หรือ NFT ที่ไม่สามารถโอนได้เป็นครั้งแรกในงานประชุมเกี่ยวกับ Crypto กระแสหลักในเดือนมกราคม 2022 บล็อกโพสต์ในขณะนั้น เขาแย้งว่า “ในขณะที่ NFT ที่ถ่ายโอนได้ก็มีที่ของมันและสามารถมีค่าได้อย่างมาก… มันยังมีพื้นที่การออกแบบขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการสำรวจว่า NFT ที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้จะกลายเป็นอะไร”

Buterin อ้างถึง “Soulbound Items” อันทรงพลังที่รวบรวมได้ในเกม MMO ยอดนิยมอย่าง World of Warcraft ไอเทมเหล่านี้ไม่สามารถขายหรือโอนไปยังผู้เล่นอื่นได้ แต่ยังคงมอบประโยชน์ที่สำคัญให้แก่ผู้เล่น นี่กลายเป็นแรงบันดาลใจในการอ้างอิงถึง NFT ที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ว่าเป็น “Soulbound”

Buterin ร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ Eric Glen Weyl และทนายความ Puja Ohlhaver เผยแพร่บทความเดือนพฤษภาคม 2022 เรื่อง “Decentralized Society: Finding Web3’s Soul” ซึ่งทั้ง 3 คนได้ขยายขอบเขตของแนวคิดของ SBTs

ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว Buterin, Weyl และ Ohlhaver ได้ขยายขอบเขตของแนวคิดเรื่อง Soulbound Token ในบทความที่ตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคม จากข้อมูลของทั้ง 3 คน อัตลักษณ์ดิจิทัลที่ SBT ช่วยสร้างจะสามารถอำนวยความสะดวกในการพัฒนาสังคมแบบกระจายอำนาจได้อย่างเต็มที่ ทั้ง 3 คนยกตัวอย่างกรณีที่ SBT สามารถอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนความไว้วางใจในพื้นที่ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจด้วยการนำเสนอวิธีการใหม่ๆ ที่ปลอดภัยในการตรวจสอบตัวตน, ข้อมูลประจำตัว, และชื่อเสียงของกันและกัน

SBT จะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าที่เรียกว่า “Souls” และสามารถออกได้ด้วย Souls ให้กันและกัน Soul ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแทนของบุคคล, สถาบัน, บริษัท, และรัฐบาลต่างก็มี Souls ที่พวกเขาใช้ในการออก SBT

ก่อนเจาะลึกถึงการนำไปใช้งานของ SBT ที่อาจจะสามารถทำได้อย่างละเอียด เรามาขยายความกันก่อนว่ามันคืออะไร

Soulbound Tokens คืออะไร?

แนวคิดของ SBT นั้นยังคงเป็นเรื่องใหม่และยังไม่ได้รับการพัฒนา และด้วยเหตุนี้ มันยังไม่มีการตกลงถึงนิยามที่แน่นอนของคำๆ นี้ อย่างไรก็ตาม มันมีความคิดเห็นร่วมกันที่ว่า SBT นั้นจะคล้ายกับ NFT แต่จะโอนไม่ได้ การที่มันไม่สามารถโอนได้หมายความว่า SBT จะไม่มีมูลค่าตลาดโดยตรง

Soulbound Tokens นั้นจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของข้อมูลประจำตัวดิจิทัลของแต่ละบุคคล SBT นั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกทำให้เป็นโทเค็น — เป็นข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้เกี่ยวกับบุคคลที่จัดเก็บไว้ในบล็อกเชน ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะเกี่ยวข้องสิ่งที่จะประกอบเป็นตัวตนของพวกเขาซึ่งอาจจะเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่ ประวัติการทำงาน, อาสาสมัครและการศึกษา, คุณวุฒิ, ประวัติทางการแพทย์, ประวัติอาชญากรรม, สมาชิกภาพและสังกัด, และอื่นๆ อีกมากมาย

จากที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ SBT สามารถเก็บไว้ในกระเป๋าเงินที่เรียกว่า “Souls” ทั้ง 3 คนตั้งข้อสังเกตว่าแต่ละคนสามารถมี Souls ที่ไม่เชื่อมโยงกันจำนวนหนึ่ง พวกเขาอาจจะมี “Credentials Soul” ที่มี SBT ที่เกี่ยวข้องกับประวัติการจ้างงาน, การศึกษา, และวุฒิการศึกษาของแต่ละบุคคล อยู่ข้างใน ซึ่งฟังดูคล้ายกับ CV

บุคคลอาจมี “Identification Soul” ซึ่งอาจจะประกอบไปด้วย SBT ในเวอร์ชั่นของหนังสือเดินทาง, ใบขับขี่, และบัตรสมาชิกต่างๆ บุคคลอาจจะมี “Medical Soul” แยกต่างหากซึ่งมีประวัติ/บันทึกทางการแพทย์ของตนเอง

ประโยชน์ของ Soulbound Tokens

Soulbound Tokens

จากรายงานของ Buterin, Weyl และ Ohlhaver การมาถึงของ Soulbound Token จะสามารถช่วยเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาของ Crypto ในการเป็น “เรื่องที่เกี่ยวข้องทางการเงินอย่างมาก” ไปสู่การพัฒนาสังคมได้ ตัวอย่างเช่น หากบุคคลสามารถสร้างและแสดงข้อมูลประจำตัวดิจิทัลผ่านคอลเล็กชั่น SBT ได้ มันอาจจะเป็นการทำให้พวกเขาฉุดคิดเรื่องการกระทำบางอย่าง เช่นการซื้อ NFT บางตัวมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนตัวของพวกเขา

นอกจากนี้ SBT ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความไว้วางใจในสังคมแบบกระจายอำนาจโดยจะนำวิธีการในการตรวจสอบชื่อเสียงมาให้ ทั้ง 3 คนกล่าวว่าเรื่องนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของเรื่องหลอกลวง โดยจะทำให้ผู้คนโกหกเกี่ยวกับสถานะและความสำเร็จของพวกเขาได้ยากยิ่งขึ้น

ผู้ที่เชื่อใน SBT เชื่อว่าด้วยการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความไว้วางใจ การเงินแบบกระจายอำนาจอาจจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเราต้องการทำการจำนอง ธนาคารจะพิจารณาประวัติเครดิตของบุคคล เรื่องนี้จะช่วยให้พวกเขาลดความเสี่ยงด้านเครดิตของตนเองในขณะที่ยังสามารถเสนออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าได้ ข้อมูลดังกล่าวอาจจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับโปรโตคอลการเงินแบบกระจายอำนาจ และอำนวยความสะดวกในการนำไปใช้งานในกระแสหลักของพื้นที่

การเติบโตของเทคโนโลยี SBT/Soul ยังช่วยขับเคลื่อนความเคลื่อนไหวที่มุ่งไปสู่เว็บที่กระจายอำนาจผ่านการลดการพึ่งพาตัวตนที่เรียกว่า “Web2” แบบรวมศูนย์ เช่น โซเชียลมีเดียที่ใช้ในการโต้ตอบ/การเชื่อมต่อทางสังคม ตัวอย่างเช่น แทนที่จะอาศัยกลุ่ม Facebook ชุมชนออนไลน์สามารถเชื่อมต่อกันผ่านแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจบนบล็อกเชนที่ตรวจสอบความเป็นสมาชิกชุมชนผ่านการถือครอง SBT ของแต่ละบุคคลได้

ข้อเสียของ Soulbound Tokens

มันมีความตื่นเต้นมากมายต่อ Soulbound Tokens, Souls, และสังคมแบบกระจายอำนาจที่พวกเขาสามารถช่วยกันสร้างขึ้นได้ แต่หลายคนกังวลว่าการนำ SBT ไปใช้ในกระแสหลักอาจจะเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ SBTs เพื่อระบุตัวผู้ที่พวกเขาต้องการทำร้าย/ก่อกวนได้

ผู้ถือ SBT ประเภทใดประเภทหนึ่ง (ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับแนวทางทางการเมืองหรือศาสนา) นั้นอาจจะมีความเสี่ยงต่อการถูกเลือกปฏิบัติ ในขณะเดียวกัน นักวิจารณ์บางคนได้เปรียบเทียบแนวคิดนี้กับระบบให้คะแนนเครดิตทางสังคมในระบอบการปกครองแบบเผด็จการของจีน Buterin, Weyl และ Ohlhaver ก็ยอมรับถึงความเสี่ยงเหล่านี้ในเอกสารฉบับเดือนพฤษภาคม 2022

พวกเขาเตือนว่า SBTs อาจจะทำให้มันเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นในการ “ทำให้เกิดกลุ่มคนทางสังคมที่ไม่พอใจโดยอัตโนมัติ, หรือแม้แต่กำหนดเป้าหมายสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์หรือทางกายภาพ, บังคับใช้นโยบายการย้ายถิ่นฐานที่รุนแรง, หรือการให้กู้ยืมเงินที่ไม่เป็นธรรม” วิธีแก้ปัญหาที่พวกเขาเสนอคือบุคคลจะต้องมีวิธีซ่อน SBT ของตน

กรณีการใช้งาน Soulbound Token

Soulbound Tokens

บัตรประจำตัว

Soulbound Tokens สามารถเก็บข้อมูลบัตรประจำตัวดิจิทัล เช่น หนังสือเดินทาง หรือใบขับขี่/ใบอนุญาตอื่นๆ บัตรสมาชิกก็สามารถออกเป็น SBT ได้ เทคโนโลยีนี้จึงมีศักยภาพในการปรับปรุงกระบวนการยืนยันตัวตนอย่างมีนัยสำคัญ

ใบรับรอง

นายจ้าง, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, และสถาบันการศึกษา/การกีฬาอื่นๆ ก็สามารถออก SBTs ให้กับบุคคลได้โดยพิจารณาจากผลงาน/ผลการเรียน SBT จึงเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้บุคคลแสดงถึงความสำเร็จของพวกเขาได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ทำให้การฉ้อโกงประสบความสำเร็จได้ยากขึ้น

ประวัติทางการแพทย์

Soulbound Tokens สามารถจัดเก็บประวัติทางการแพทย์ได้ การกระจายข้อมูลนี้ไปยังบล็อกเชนและเชื่อมโยงไปยังข้อมูลยืนยันตัวตนอื่นๆ ผู้ให้บริการทางการแพทย์อาจจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การสร้างชื่อเสียง

Soulbound Tokens สามารถช่วยสร้างชื่อเสียงดิจิทัลของแต่ละบุคคลได้ ตัวอย่างหนึ่งที่อ้างอิงกันโดยทั่วไปก็คือ SBT สามารถสร้างประวัติเครดิตของบุคคลในเวอร์ชั่นของ Web3 ได้ โปรโตคอลการให้กู้ยืมแบบกระจายอำนาจสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยในลักษณะที่มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงด้านเครดิตของตนเอง และอาจจะลดภาระดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้ได้อีกด้วย

ประวัติเครดิต Web3 ที่ดีที่อาจจะระบุไว้ในประวัติการกู้ยืมใน SBT ของแต่ละบุคคลอาจจะทำให้บุคคลสามารถกู้ยืมได้โดยใช้อัตราส่วนหลักประกัน/มูลค่าเงินกู้ที่ต่ำกว่า

การลงคะแนน DAO โดยอิงตามชื่อเสียง

องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายอำนาจ (DAO) มีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบซีบิล นี่คือจุดที่บุคคลหรือกลุ่มสมรู้ร่วมคิดจะรวบรวมโทเค็นการกำกับดูแลของ DAO ในจำนวนที่มากพอ ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมการลงคะแนนต่อข้อเสนอการกำกับดูแลได้อย่างไม่สมเหตุสมผล

DAO สามารถลดความเสี่ยงของการเข้าควบคุมที่ไม่ประสงค์ดีนี้ได้โดยการเชื่อมโยงการลงคะแนนเสียงเข้ากับ SBT ในทางใดทางหนึ่ง

หลักฐานการเข้าร่วม

เช่นเดียวกับที่ SBT สามารถออกให้กับบุคคลโดยอ้างอิงจากความสำเร็จของพวกเขา (เช่น โดยมหาวิทยาลัย) ดังนั้น มันก็สามารถออกให้กับบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรมบางอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือดิจิทัล บุคคลสามารถสร้างกลุ่ม SBT บันทึกและตรวจสอบประสบการณ์ชีวิตที่โดดเด่นได้

SBT กับ NFT: แตกต่างกันอย่างไร?

Soulbound Tokens

จากการที่ SBTs จะเข้าสู่กระแสหลักในพื้นที่ Decentralized/Crypto ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มันจึงมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความสับสนอย่างมากเกี่ยวกับความแตกต่างของมันกับ NFTs ดังนั้น เรามาดูถึงความแตกต่างของมันกัน

SBT และ NFT ทั้งคู่นั้นเป็นโทเค็นบล็อกเชน ซึ่ง NFT สามารถโอนย้ายไปมาได้ในกระเป๋าเงินต่างๆ ผ่านบล็อกเชนได้ แต่ SBT ไม่สามารถโอนย้ายข้ามบล็อกเชนได้ นั่นหมายความว่ามันจะมีตลาดสำหรับ NFT และมันจะมีมูลค่าเป็นตัวเงิน การที่ SBT ไม่สามารถโอนได้หมายความว่ามันจะไม่มีมูลค่าเป็นตัวเงิน

NFTs จะทำหน้าที่เป็นหลักฐานการเป็นเจ้าของดิจิทัล พวกเขาสามารถเป็นตัวแทนของความเป็นเจ้าของในสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำใคร เช่น งานศิลปะดิจิทัล หรือสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่เหมือนใคร เช่น อสังหาริมทรัพย์

ในขณะเดียวกัน SBTs เป็นองค์ประกอบสำคัญของข้อมูลประจำตัวดิจิทัลของแต่ละบุคคล มันเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้เกี่ยวกับบุคคล เช่น การพิสูจน์ว่าพวกเขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง, มีคุณสมบัติบางอย่าง, ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง, เข้าร่วมงานกิจกรรมหนึ่ง, เป็นสมาชิกของสโมสรแห่งหนึ่ง, ได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งเพื่อชุมชนใดๆ และอื่นๆ อีกมากมาย SBT ยังสามารถจัดเก็บสิ่งต่างๆ เช่น ประวัติทางการแพทย์ของบุคคล, ประวัติอาชญากรรม, และเอกสารยืนยันตัวตน

“Souls” ที่สูญหาย

นักลงทุน Crypto ที่ดูแลทรัพย์สิน Crypto ของตนเองใน Non-Custodial Wallet มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียการเข้าถึง Crypto ทั้งหมดของพวกเขาหากพวกเขาไม่ได้จัดเก็บ/บันทึก Private Keys และ Recovery Phrase ไว้อย่างเหมาะสม ในทำนองเดียวกัน บุคคลก็อาจจะสูญเสียสิทธิ์การเข้าถึงธนาคารข้อมูลของ SBT ได้ หากพวกเขาสูญเสียข้อมูลที่จำเป็นในการเข้าถึง Souls ของตน

หากแฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าไปใน Souls ของบุคคลและปิดกั้นพวกเขาไม่ให้เข้ามาใช้งานได้ มันก็จะสามารถขโมยข้อมูลประจำตัวต่างๆ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การขโมยในระดับที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นได้

ในเอกสารฉบับเดือนพฤษภาคม 2022 Buterin และอีก 2 คนได้เสนอ “Social Recovery Model” ภายใต้รูปแบบดังกล่าว ผู้ใช้งานจะต้องแต่งตั้งกลุ่ม “การ์เดี้ยน” ให้พวกเขาซึ่งจะมีความสามารถในการรีเซ็ต Private Keys ของผู้ใช้งานได้หากจำเป็น แน่นอนว่าข้อเสนอนี้นั้นยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ

นักวิจารณ์ยังได้กล่าวว่าบุคคลที่ Souls ถูกเจาะเข้ามาอาจจะมีปัญหาในการรับความช่วยเหลือจาก “การ์เดี้ยน” หากความสัมพันธ์ของพวกเขาย่ำแย่ลง หรือหากพวกเขาเสียชีวิต ในขณะเดียวกัน มันก็มีความเสี่ยงที่กลุ่ม “การ์เดี้ยน” จะร่วมมือกันจัดการ Private Keys ของบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพวกเขา

Soulbound Tokens พร้อมให้บริการเมื่อใด?

จากข้อมูลของ Glen Weyl การใช้งานในช่วงต้นของ Soulbound Token อาจจะเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปี 2022 ดูเหมือนว่า Binance จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแนวคิดดังกล่าวให้กลายเป็นความจริง Binance บริษัทกระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่งจะเปิดตัว SBT ที่เรียกว่า Binance Account Board (BAB) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น SBT แรกของ BNB Chain

มันจะมีให้ใช้งานเฉพาะผู้ใช้งาน Binance ที่เสร็จสิ้นกระบวนการ KYC ของกระดานเทรดแล้วเท่านั้น จากข้อมูลของ Binance BAB SBT มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบตัวตนในพื้นที่ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ

เมื่อไหร่ที่ SBTs จะเข้าสู่กระแสหลัก?

Soulbound Tokens นั้นสัญญาว่าจะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งต่อไปของพื้นที่ Crypto แต่สำหรับเทคโนโลยีที่จะกลายมาเป็นกระแสหลักและบรรลุเป้าหมายในการสร้างสังคมแบบกระจายอำนาจนั้น มันจะต้องใช้เวลา, การศึกษาวิจัย, และการพัฒนาที่มากยิ่งขึ้น

ช่วงกลางทศวรรษ 2020 เราอาจจะได้เห็นนักพัฒนาหันมาใช้งานพื้นฐานของหมวดหมู่การใช้งานของ SBT ที่สามารถใช้งานได้ จากการที่แนวคิดนี้ยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้น ดังนั้น มันจึงอาจจะต้องใช้เวลาถึงปี 2030 สำหรับ SBTs เพื่อที่จะเข้ามาอยู่ในการใช้งานในกระแสหลักอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับที่สกุลเงินดิจิทัลต้องใช้เวลาราวๆ 10 ปีจากช่วงเริ่มต้นในการได้รับการยอมรับ

คำถามที่พบบ่อย

คุณสามารถซื้อ Soulbound Tokens ได้หรือไม่?

SBT สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง?

Soulbound Tokens คืออะไร?

คุณสามารถซื้อ Soulbound Tokens ได้ที่ไหน?

Soulbound NFT คืออะไร?

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

bic_photo_6.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน