วิธีการสร้างผลกำไรในโลกคริปโตไม่ได้พี่เพียงแค่การซื้อขายและการลงทุนเท่านั้น แต่คุณยังสามารถใช้ Crypto ที่คุณถือครองไว้เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า Passive Income ได้ ซึ่งมีวิธีการต่างๆ อยู่มากมาย เช่น การ Staking เหรียญคริปโตของคุณ, การขุดเหรียญใหม่ๆ, ไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากบริการ DeFi หรือรอให้เครือข่ายทำการ Fork หรือ Airdrops แต่ วิธีการสร้างรายได้จาก Crypto เหล่านี้ ก็จะต้องใช้ความอดทน และการวางแผนในระดับหนึ่ง
แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือ เมื่อคุณลงลึกถึงการสร้าง Passive Income แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรมากมายอีกต่อไป เพียงใช้ความพยายามเล็กน้อยในแต่ละวันก็จะทำให้การสร้าง Passive Income เป็นไปได้จริงและคุ้มค่า ดังนั้น เราลองมาสำรวจ วิธีสร้างรายได้จาก Crypto ที่ดีที่สุด ในปี 2024 กันเลยดีกว่า
แต่ก่อนอื่น เรามาดูรายชื่อของ กระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEXs) ชั้นนำที่จะช่วยให้คุณสร้างรายได้ได้ทั้งในเชิงรุก (การเทรด) และเชิงรับ (Passive Income) ดังนั้น มันจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะเลือกใช้งานแพลตฟอร์มเหล่านี้
กระดานเทรดคริปโตชั้นนำในการสร้างรายได้ทั้งในแบบ Active และ Passive Income
Coinbase
ดีที่สุดสำหรับมือใหม่OKX
ดีที่สุดสำหรับผู้เชี่ยวชาญKraken
ดีที่สุดในเรื่องความปลอดภัยในบทความ “วิธีสร้างรายได้จาก Crypto ที่ดีที่สุด ที่ใช้ได้ผลจริงในปี 2024” เราได้คัดเลือกผู้ให้บริการ Crypto มาหลายราย เช่น กระดานเทรด, โซลูชั่นการ Staking, บริการ Cloud Mining, บริการตรวจสอบพอร์ตการลงทุน ฯลฯ รายชื่อต่างๆ ในลิสต์ ได้แก่ Coinbase, Kraken, OKX, Uphold, Binance, YouHodler, Hashfrog, Hashing24, Delta App และ Coinstats อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้เลือกผู้ให้บริการเหล่านี้มาแบบสุ่มๆ แต่มีเกณฑ์ในการเลือกตามแนวทางปฏิบัติตามที่เราได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับทั้งผู้เชี่ยวชาญ, มือใหม่, และ ผู้ที่มีความสงสัยในเรื่องสกุลเงินดิจิทัล
Coinbase เป็นกระดานเทรดคริปโตที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ที่ซึ่งคุณสามารถทำการซื้อขาย จัดเก็บ และรับดอกเบี้ยจากสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 200 ประเภท Kraken อยู่ในลิสต์รายชื่อของกระดานเทรดคริปโตที่มีความปลอดภัยสูงในอันดับต้นๆ ด้วยคุณสมบัติพิเศษมากมาย เช่น การยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน, การยืนยันตัวตนผ่าน SMS หรือ Email และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ Kraken ยังช่วยให้คุณได้รับดอกเบี้ยจากสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 15 ประเภท โดยให้ผลตอบแทนสูงถึง 20% ในสินทรัพย์บางประเภท ทั้ง Coinbase และ Kraken ยังมีแหล่งข้อมูลทางการศึกษามากมายในส่วนของ Coinbase Learn และ Kraken Learn สุดท้าย ค่าธรรมเนียมการซื้อขายระหว่าง 0.05% ถึง 0.60% พร้อมด้วยค่าสเปรดที่แคบระหว่าง 0.01% ถึง 0.02% จะช่วยรับประกันความคุ้มค่าให้กับประสบการณ์การซื้อขายได้
OKX มีชื่อเสียงในด้านการรองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 400 รายการ นอกจากนี้ ยังให้ผลตอบแทนที่ดีในการ Staking และทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินแบบไฮบริดที่ผสานรวมกระดานเทรดและเข้าถึงเครื่องมือซื้อขายขั้นสูงสำหรับอนุพันธ์ได้ OKX มีความโดดเด่นในด้านสภาพคล่องที่สูงในตลาดอนุพันธ์และมีปริมาณการซื้อขายที่โดดเด่นถึง 27,891,732,134 ดอลลาร์
แพลตฟอร์มนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์การซื้อขายอยู่แล้ว โดยมี Funding Rates ที่ต่ำและค่าสเปรด Bid-Ask ที่ต่ำระหว่าง 0.01% ถึง 0.04% คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ OKX เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการจัดการการซื้อขายปริมาณมากอย่างมีประสิทธิภาพ
Uphold เป็นที่รู้จักในเรื่องการซื้อขายแบบ “Anything-to-Anything” และมีสินทรัพย์คริปโตรองรับกว่า 130 รายการสำหรับการซื้อขายและการ Staking เหรียญคริปโต โดยมีค่าธรรมเนียมอยู่ในช่วงที่ต่ำระหว่าง 0.85% ถึง 1.2% จากนั้น ก็ต้องพูดถึง Binance หนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุด พวกเขาเข้ามาอยู่ในรายชื่อนี้เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่ต่ำ — 0.1% ถึง 0.5% — และรองรับสินทรัพย์คริปโตมากกว่า 600 รายการ
YouHodler Wallet ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงบัญชี Staking และออมทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยสูงได้ มีการรองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 50 รายการ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อคริปโตและบัญชีเงินฝากที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 12%
ในส่วนของบริการ Cloud Mining Hashfrog เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่พึ่งพาแหล่งพลังงานสีเขียวสำหรับการขุด นอกจากนี้ พวกเขายังมีแผนการขุดที่หลากหลาย — โดยจะขึ้นอยู่กับ ROI, Hash Power และอื่นๆ อีกมากมาย Hashing24 ก็เป็นอีกหนึ่งบริการที่เชี่ยวชาญในการขุด Bitcoin นอกจากนี้ พวกเขายังมีเงื่อนไขสัญญาที่ยืดหยุ่นและใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน และการเข้ารหัสแบบ SSL เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน
สุดท้ายนี้ เราเลือกใช้ Delta App สำหรับติดตามการลงทุนและผลตอบแทนจากการ Staking เนื่องจากใช้งานง่าย และ Coinstats สำหรับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสินทรัพย์ Crypto มากกว่า 8,000 รายการ
ท้ายที่สุดแล้ว BIC เลือกแพลตฟอร์มเหล่านี้เนื่องจากพวกเขามีอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำ มีอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูด รองรับสินทรัพย์ Crypto ที่หลากหลาย และอื่นๆ อีกมากมาย
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบของ BeInCrypto ได้ที่นี่
- แนวทางแรก: การ Staking เหรียญคริปโต
- แนวทางที่ 2: การขุดเหรียญคริปโต
- แนวทางที่ 3: Airdrops และ Forks
- แนวทางที่ 4: Yield Farming และ Liquidity Mining
- วิธีสร้างรายได้จาก Crypto วิธีอื่นๆ
- ตรวจสอบรายได้ Crypto ของคุณ
- Passive Income vs. Active Income: ควรเลือกแบบไหนดี?
- การสร้าง Passive Income ด้วย Crypto ปลอดภัยหรือไม่?
- รายได้จาก Crypto ต้องจ่ายภาษีหรือไม่?
- Coinbase
- Kraken
- Uphold
- Binance
- OKX
- HashFrog
- Hashing24
- วิธีสร้างรายได้จาก Crypto ที่มีอยู่มากมาย
- คำถามที่พบบ่อย
แนวทางแรก: การ Staking เหรียญคริปโต
การ Staking เหรียญคริปโตมักจะถูกมองว่าเป็นวิธีการอันดับต้นๆ ในการสร้าง Passive Income กระดานเทรดคริปโตหลายๆ แห่งทั้งแบบรวมศูนย์และแบบกระจายอำนาจต่างก็ให้บริการสิ่งนี้ แนวคิดนี้ง่ายมาก: แค่ล็อกสินทรัพย์ Crypto ของคุณภายในโปรโตคอลหรือเครือข่าย ซึ่งจะช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับเครือข่าย, ช่วยตรวจสอบธุรกรรมต่างๆ และคุณก็จะได้รับค่าธรรมเนียมเป็นรางวัลตอบแทน
โปรดจำไว้ว่า การ Staking เหรียญคริปโต เป็นกลยุทธ์ในการสร้าง Passive Income ที่สามารถทำได้เฉพาะบนบล็อกเชนแบบ Proof-of-Stake เท่านั้น
แพลตฟอร์ม Staking ที่คู่ควรแก่การพิจารณา
เนื่องจากการ Staking เป็นกลยุทธ์ที่มักจะใช้ในสกุลเงินดิจิทัล Proof of Stake (PoS) ดังนั้น การใช้กระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEXs) ที่เชื่อถือได้สำหรับแนวทางนี้คือสิ่งที่สำคัญ แพลตฟอร์มชั้นนำบางส่วนสำหรับการ Staking เหรียญคริปโต ได้แก่:
Coinbase
Kraken
Uphold
Binance
แพลตฟอร์มเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีหน้า “Stake เลย” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งช่วยให้คุณล็อกเหรียญคริปโตของคุณและเริ่มรับ Passive Income ได้ทันที หากคุณไม่แน่ใจว่าจะทำการ Staking เหรียญคริปโตเพื่อสร้าง Passive Income ได้อย่างไร คุณอาจจะลองไปดูที่ Staking Pools บน DEXs (กระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ) ต่างๆ, ใช้กระเป๋าเงินที่สามารถทำการ Staking ได้โดยตรง เช่น Trust Wallet หรือ ตรวจสอบเกี่ยวกับผลกำไรของระบบนิเวศต่างๆ โดยการใช้แพลตฟอร์ม Stake Rewards ก่อนที่จะเลือก CEX ใดๆ
แต่ “เหรียญคริปโต” ใดที่คุณควร Staking ในปี 2024 หรือหลังจากนั้น? แม้ว่าโอกาสที่ APY ที่สูงขึ้นและโอกาส Staking อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ Ethereum ยังคงเป็นหนึ่งในเหรียญที่ดีที่สุดสำหรับการ Staking โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการอัพเกรด Ethereum Merge เป็นต้นมา นอกจากนี้ Tezos (XTZ), Polkadot (DOT), Solana (SOL) และ Cardano (ADA) ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณแข็งแกร่งเช่นกัน
กลยุทธ์การ Staking
กลยุทธ์การ Staking คือการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดขณะทำการ Staking เหรียญ/โทเค็น เนื่องจากมือใหม่มักจะถูกดึงดูดด้วยผลตอบแทนที่สูง ตัวเลือกการ Staking ที่ง่ายดาย และแพลตฟอร์มที่ให้ค่าคอมมิชชั่นที่สูงจนเกิดข้อผิดพลาดได้ ข้อผิดพลาดทั่วไปอีกประการหนึ่งก็คือ ต้องพึ่งพาหน่วยงานที่ดูแลการ Staking มากเกินไป แม้ว่าการใช้ CEX จะเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่มันก็จะปลอดภัยมากกว่าถ้าใช้กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial เช่น MetaMask จากนั้นก็เชื่อมต่อกับ CEX และ DEX เพื่อที่จะสามารถทำการควบคุมและดูแลสินทรัพย์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์
ETH, FIL และ HNT ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการ Staking เหรียญ ในส่วนของ ETH นั้น ระบบการขุดแบบเดิมได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นระบบ Proof-of-Stake ดังนั้น เราจึงสามารถทำการ Staking เหรียญ ETH ได้ คุณสามารถทำการ Staking ได้โดยการใช้แพลตฟอร์ม Staking ชั้นนำต่างๆ เช่น Lido หรือ Rocketpool หรือ โดยการเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้อง (Validators) บนเครือข่ายได้ด้วยการ Staking อย่างน้อย 32 ETH
เหรียญชั้นนำที่น่า Stake
การ Staking เหรียญ FIL (Filecoin) จะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่าย เพื่อที่จะเริ่มต้นการ Staking คุณจะต้องเลือกใช้งานแพลตฟอร์ม Staking ที่เชื่อถือได้ เช่น Gemini หรือ Coinlist และคุณจะต้องมีกระเป๋าเงินที่รองรับการจัดเก็บเหรียญ FIL ของคุณได้ เช่น Ledger เป็นต้น จากนั้น ทำการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม, ตรวจสอบอัตรา APY, และทำตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับการ Staking เหรียญ HNT (Helium) คุณสามารถใช้ Binance หรือ OKX และทำการ Staking เหรียญ HNT จากกระเป๋าเงินของคุณได้ หากคุณต้องการเป็น Validator คุณจะต้องมีเหรียญ HNT อย่างน้อย 10,000 เหรียญ หรือไม่ก็ไปที่ CEXs ที่เราได้กล่าวถึงไป แล้วเลือกใช้งานกระเป๋าเงิน เช่น Helium Wallet, Ledger และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้งานกระเป๋าเงินแบบไฮบริด, Self-Custody หรือกระเป๋าเงินอื่นๆ นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของเรา:
ตัวเลือกของกระเป๋าเงินที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ
Coinbase Wallet
กระเป๋าเงินแบบ Self-Custody ที่ดีที่สุดOKX Wallet
OKX WalletYouHodler Wallet
กระเป๋าเงินแบบ Custodial ที่ดีที่สุดแนวทางที่ 2: การขุดเหรียญคริปโต
ในขณะที่การ Staking เป็นเหมือนตัวเลือกของการสร้าง Passive Income ที่มีอัตราผลตอบแทนต่อปี (APY) ที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง การขุดเหรียญคริปโตนั้นอาจจะดูเป็นการสร้างรายได้ในแบบที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด ก็ยังคงใช้รูปแบบการขุดโดยมีระบบฉันทามติ Proof-of-Work ซึ่ง Work ในที่นี้ก็คือเหมือนการลงทุนลงแรงเพื่อทำการขุดเหรียญนั่นเอง
Bitcoin และ Altcoins ต่างๆ
แม้ว่า Bitcoin จะรองรับการขุด BTC — ซึ่งเป็นกระบวนการในการเพิ่มและตรวจสอบธุรกรรมใหม่ๆ หลังจากที่นักขุดไขปริศนาที่ซับซ้อนได้ — แต่ Altcoins หลายๆ ตัวก็สามารถทำการขุดได้เช่นกัน การขุด Crypto เป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานและต้นทุนสูง อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับคุณได้เมื่อเวลาผ่านไป
หากต้องการขุด Bitcoin หรือเหรียญคริปโตแบบ PoW อื่นๆ คุณสามารถปฏิบัติตามวิธีการต่างๆ รวมถึง การประกอบเครื่องขุดด้วยตัวคุณเอง, การใช้บริการ Cloud Mining, การเข้าร่วมกลุ่มการขุดเหรียญคริปโต และอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณตัดสินใจที่จะประกอบเครื่องขุด Bitcoin ด้วยตัวคุณเอง โปรดจำไว้ว่า มันอาจจะต้องใช้เวลาและต้นทุนที่สูงเป็นอย่างมากในการสร้างเครื่องขุดตั้งแต่เริ่มต้น
ในฐานะนักขุด ให้ระวังกลโกงต่างๆ เช่น บริการขุดฟรี, BTC ฟรี, บริการที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย และอื่นๆ อีกมากมาย แนวทางที่ดีที่สุดก็คือ การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญ/โทเค็นที่คุณต้องการจะขุดก่อนที่จะดำเนินการใดๆ
เหรียญใดที่สามารถขุดได้บ้าง?
แม้ว่าการขุด Bitcoin ยังคงทำกำไรได้มาก แต่ก็มีเหรียญอื่นๆ ที่คุณสามารถทำกำไรได้เช่นกัน ซึ่งรวมไปถึง Ravencoin (RVN), Grin (GRIN), และ Monero (XMR)
นี่คือคำแนะนำคร่าวๆ เกี่ยวกับการขุดเหรียญเหล่านี้:
การขุด Monero
หากคุณต้องการขุด Monero ขุดอาจจะต้องลงทุนใน GPU อันทรงพลัง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถขุด XMR ด้วย CPU ได้ แต่คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหากใช้งาน GPU หลังจากเลือก GPU แล้ว คุณจะต้องเลือกใช้งานซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม เช่น XMRig หรือ XMR-STAK-RX
การขุด XMR นั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้เข้าร่วมกลุ่มการขุดจะดีกว่า เมื่อเสร็จแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าเครื่องขุดด้วยการตั้งค่าซอฟต์แวร์, ที่อยู่กระเป๋าเงิน, และข้อมูลของกลุ่มการขุด จากนั้น คุณก็จะสามารถเริ่มการขุดได้
การขุด Ravencoin
การขุด Ravencoin สามารถทำได้โดยทั้งตัวขุด ASIC และ GPU นอกจากนี้ คุณจะต้องลงทุนในซอฟต์แวร์การขุด Ravencoin เช่น T-Rex หรือ GMiner หลังจากนั้น คุณสามารถเข้าร่วมกลุ่มการขุด สมัครกระเป๋าเงิน RVN เลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ของกลุ่มการขุด และเริ่มการขุดได้เลย
การขุด Grin
Grin (GRIN) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และสามารถขุดเพื่อผลตอบแทนที่ดีได้ โดยมีวิธีการดังนี้: เริ่มต้นด้วยการเลือก GPU โดยอิงจากประเภทอัลกอริธึมที่คุณใช้งาน สำหรับซอฟต์แวร์ คุณสามารถเลือกใช้งาน BMiner หรือ GMiner ได้ จากนั้น เข้าร่วมกลุ่มการขุดและตั้งค่ากระเป๋าเงินของคุณ เท่านี้คุณก็พร้อมที่จะเริ่มขุดเหรียญ Grin แล้ว
นอกจากนี้ หากคุณต้องการสร้าง Passive Income โดยการขุดเหรียญคริปโต Ethereum Classic และ Litecoin ก็คือตัวเลือกที่คุณสามารถทำกำไรได้เช่นกัน
บทบาทของ Cloud Mining
หากคุณต้องการเพิ่มรายได้พิเศษจากการขุด Crypto บริการ Cloud Mining เป็นวิธีที่สะดวกที่คุณจะสามารถเริ่มต้นได้ วิธีการนี้หมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนในอุปกรณ์ขุดแยกต่างหาก และสามารถเริ่มต้นได้ทันทีเพียงแค่เช่าพลังงานในการประมวลผลเท่านั้น
เริ่มต้นด้วยการเลือกบริการ Cloud Mining ที่เชื่อถือได้, มีโครงสร้างราคาที่โปร่งใส, และมีการรีวิวในเชิงบวก ตัวเลือกที่ดีที่สุดบางส่วน ได้แก่ NiceHash และ Genesis Mining หลังจากนั้น เลือกเว็บไซต์ Cloud Mining เช่น StormGain, Hashing24 หรือแม้แต่ CEX ที่สามารถทำงานร่วมกันได้ เช่น Binance หรือ KuCoin จากนั้น ตัดสินใจเลือกเหรียญคริปโตที่คุณต้องการขุด
นี่คือตัวเลือกของบริการ Cloud Mining ในอันดับต้นๆ ที่เราเลือก ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างรายได้ได้อย่างรวดเร็ว:
HashFrog
Hashing24
มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณตัดสินใจขุด Bitcoin
หากคุณต้องการลองใช้วิธีดั้งเดิม คุณสามารถซื้ออุปกรณ์ขุด ASIC มาใช้งานแล้วเริ่มต้นได้เลย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้บริการต่างๆ ได้ เช่น StormGain และ YouHodler สำหรับการขุด Bitcoin ด้วยระบบคลาวด์ได้ฟรี หากคุณยินดีที่จะจ่ายเงิน แพลตฟอร์ม เช่น BitFuFu, Binance และ IQ mining สามารถช่วยให้คุณขุด Bitcoin จากที่บ้านได้
ขุด Bitcoin ฟรี: มันคืออะไร?
เราได้พูดคุยกันไปเล็กน้อยเกี่ยวกับการขุด Bitcoin ฟรีและความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ เรามาเจาะลึกกันดีกว่า หากต้องการขุดและรับ Bitcoin ฟรีๆ โดยไม่ต้องลงทุน คุณจะต้องติดตั้ง Mining Browser (เว็บเบราเซอร์ที่ใช้สำหรับการขุด) ซึ่งจะใช้พลังของคอมพิวเตอร์ของคุณในการขุด BTC
มีผู้ให้บริการ Cloud Mining อยู่หลายราย เช่น HoneyMiner และ BitzFree ที่จะใช้พลังของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อขุด BTC อย่างไรก็ตาม บริการเหล่านี้ไม่ได้ฟรีอย่างแท้จริง เนื่องจากมีการสร้างรายได้จากโฆษณา การแนะนำเพื่อน แผนแบบชำระเงิน และทรัพยากรต่างๆ ของผู้ใช้งาน ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรที่จะศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะเลือกบริการขุดฟรี
นี่คือความคิดเห็นของ Vitalik Buterin เกี่ยวกับการใช้พลังประมวลผลจากมือถือของคุณในการขุด:
“การขุดบนมือถือนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ มันขัดแย้งกับทุกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับการประหยัดจากขนาดฮาร์ดแวร์ และมีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องหลอกผู้ใช้งานด้วยความหวังที่ผิดๆ มากกว่าที่จะช่วยเหลือพวกเขา
ในทางกลับกัน การ Staking บนมือถือ ในความเห็นของผมแล้ว ดูค่อนข้างที่จะเป็นไปได้”
Vitalilk Buterin ผู้ร่วมก่อตั้งของ Ethereum: Twitter
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่แสดงหรือเปิดเผยรายละเอียดบัตรเครดิตหรือข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ แม้ว่าคุณจะขุดโดยใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณก็ตาม
การขุดเหรียญคริปโตทำกำไรได้หรือไม่?
ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการขุด Crypto ใช่หรือไม่? หากคุณพร้อมที่จะพิจารณาค่าไฟฟ้าของการขุด Bitcoin หรือ Altcoin มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากในแง่ของการทำกำไร
นอกจากนี้ ความสามารถในการทำกำไรจากการขุดเหรียญคริปโตยังขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ที่คุณวางแผนจะใช้งาน ปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ความยากในการขุด, ต้นทุนในการดำเนินการ (ในกรณีที่คุณใช้บริการ Cloud Mining) และ ราคาตลาดปัจจุบันของสินทรัพย์
รู้หรือไม่ว่า? การเปลี่ยนผ่านของ Ethereum ไปสู่ระบบ Proof-of-Stake ทำให้เครือข่าย Ethereum ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น โดยลดการใช้พลังงานโดยรวมลงได้ถึง 99.95% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์เบื้องต้นของ Vitalik Buterin ที่ว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ PoS จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าทั่วโลกลงได้ 0.2%
หลังจากที่เราได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการขุดเหรียญคริปโตกันไปแล้ว เรามาดู วิธีสร้างรายได้จาก Crypto วิธีอื่นๆ กันดีกว่า
แนวทางที่ 3: Airdrops และ Forks
Crypto Airdrops และ Blockchain Forks เป็น 2 วิธีที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถรับเหรียญคริปโตฟรีได้ และเพิ่มโอกาสในการสร้าง Passive Income ของคุณ เรามาสำรวจในเชิงลึกกันเลยดีกว่า
เรียนรู้เกี่ยวกับการ Airdrops
Crypto Airdrops คือ การแจกจ่ายโทเค็นหรือเหรียญแบบฟรีๆ ในโลกของสกุลเงินดิจิทัล โทเค็นหรือเหรียญฟรีเหล่านี้จะถูกส่งโดยตรงไปยังที่อยู่กระเป๋าเงินของเป้าหมาย ส่วนใหญ่แล้ว การ Airdrops เหล่านี้จะเป็นเสมือนการขอบคุณผู้ใช้งานที่มีความภักดีต่อโปรเจกต์ หรือ ช่วยในการโปรโมตโปรเจกต์
นอกจากเหรียญและโทเค็นแล้ว แม้แต่ NFTs ก็ยังมีการ Airdrops เพื่อเป็นการทำการตลาดให้กับโปรเจกต์, คอลเล็กชั่นใหม่ๆ หรือ รางวัลสำหรับผู้ใช้งาน ทั้ง Crypto & NFT Airdrops ยังช่วยให้โปรเจกต์มีการกระจายอำนาจมากขึ้น โดยการทำให้มั่นใจได้ว่าคอมมูนิตี้จะได้รับทราบถึงข้อเสนอดังกล่าว
หากต้องการสร้าง Passive Income แบบมั่นคง คุณจะต้องติดตามการแจก Airdrops ที่จะเกิดขึ้นในปีนั้นๆ หนึ่งในการ Airdrop ที่ผู้คนรอคอยกันมากที่สุดก็คือ ARB เหรียญคริปโตของเครือข่าย Arbitrum ซึ่งมีการเคลมรับไปมากกว่า 4.2 หมื่นล้านโทเค็นในช่วงของการ Airdrops เพียง 60 นาทีแรกเท่านั้น นอกจากนี้ มันยังจะมีการแจก Airdrops ของเหรียญชั้นนำมากมายที่รอเราอยู่ในปี 2024 โดยเฉพาะโทเค็น zKSync
เรียนรู้เกี่ยวกับ Lockdrops
เมื่อพูดถึงการรับ Crypto ฟรี การ Lockdrops ก็สร้างผลประโยชน์ได้เช่นกัน ตรงกันข้ามกับ Airdrops ที่เหรียญใหม่จะถูกส่งไปยังกระเป๋าเงินโดยตรง Lockdrops ต้องการให้ผู้ใช้ล็อกโทเค็นที่เฉพาะเจาะจงบางส่วนเอาไว้เพื่อสิทธิ์ในการรับโทเค็นใหม่ที่ Lockdrops ไว้ตามจำนวนที่กำหนด สิ่งนี้เกิดขึ้นกับ Edgeware (EDG) ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องล็อก ETH ไว้ใน Smart Contract ชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อสิทธิ์ในการรับโทเค็น EDG
Lockdrops จะช่วยลดปริมาณการหมุนเวียนของสินทรัพย์เก่าที่มีอยู่ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มมูลค่าของโทเค็นใหม่โดยทำให้ผู้ใช้งานที่สนใจสามารถเข้าถึงได้
Forking และ Passive Income
Forks เป็นการแยกตัวของเวอร์ชั่นใหม่จากบล็อกเชนตัวเก่าเนื่องจากมีข้อขัดแย้งกันในบางประการ ซึ่งมักจะนำมาสู่การแจกโทเค็นใหม่ ผู้ใช้งานที่ถือโทเค็นของเครือข่ายหลักจะได้รับรางวัลเป็นสกุลเงินดิจิทัลฟรีๆ การ Forks ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเท่ากับการ Airdrops แต่ก็ถือเป็นวิธีที่ดีในการสร้าง Passive Income
ตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่ายก็คือ เมื่อ Bitcoin ได้มีการ Fork เพื่อให้กำเนิด Bitcoin Cash (BCH) ผู้ใช้งานที่ถือ Bitcoin อยู่แล้วก็จะได้รับ Bitcoin Cash ในจำนวนที่เท่ากัน
แนวทางที่ 4: Yield Farming และ Liquidity Mining
ทั้ง Yield Farming (การฟาร์มผลตอบแทน) และ Liquidity Mining (การขุดสภาพคล่อง) เป็นคอนเซปต์หลักของการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ถึงแม้ว่าการ Staking จะเป็นส่วนหนึ่งของ DeFi เช่นกัน แต่กลยุทธ์เหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่กับเหรียญคริปโตแบบ PoS ต่อไป เรามาอธิบายวิธีการทำงานของมันกัน
Yield Farming ทำงานอย่างไร?
เหล่า Yield Farmer จะมอบสภาพคล่องให้กับโปรโตคอล DeFi ซึ่งช่วยให้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะได้รับรางวัล รางวัลเหล่านี้มักจะเป็นเหรียญหรือโทเค็นของโปรโตคอลเอง พูดง่ายๆ ก็คือ Yield Farming หมายถึงการ Staking หรือ ให้กู้ยืมสินทรัพย์คริปโตภายในระบบนิเวศการเงินแบบกระจายอำนาจซึ่งขับเคลื่อนโดย Smart Contracts นั่นเอง
ระบบนิเวศบล็อกเชนชั้นนำบางส่วนที่มีบริการ Yield Farming ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าเหลือเชื่อ ได้แก่ Ethereum, Binance, Fantom และ Polygon
Yield Farms ชั้นนำบน Ethereum
หากคุณคุ้นเคยกับ Ethereum และต้องการสร้าง Passive Income นี่คือ Yield Farms ที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ บน Ethereum
1. UniSwap
โทเค็นของเครือข่าย: UNI
UniSwap เป็นหนึ่งใน DEX และโปรโตคอล DeFi ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Ethereum มีชื่อเสียงในด้านฟีเจอร์การจัดเตรียมสภาพคล่องอัตโนมัติ
2. Yearn Finance
โทเค็นของเครือข่าย: YFI
เมื่อใช้งาน Yearn Finance คุณสามารถย้ายเงินทุน หรือ เปลี่ยนสภาพคล่องระหว่างโปรโตคอลการให้กู้ยืมที่หลากหลายได้
3. Curve
โทเค็นของเครือข่าย: CRV
หากคุณต้องการสวอป Stablecoins โปรโตคอลนี้ใช้งานได้ดีมาก Curve ยังมีกลุ่มสภาพคล่องขนาดใหญ่หลายแห่ง และยังมีค่าธรรมเนียมและความคลาดเคลื่อน (Slippage) ต่ำที่สุดอีกด้วย
4. SushiSwap
โทเค็นของเครือข่าย: SUSHI
นี่คือ DEX ที่ขับเคลื่อนโดยคอมมูนิตี้ซึ่งมีความเป็นเลิศในด้าน Automatic Market-Making ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแหล่งสภาพคล่องขนาดใหญ่ได้
5. Aave
โทเค็นของเครือข่าย: AAVE
Aave เป็นแพลตฟอร์มการให้ยืม DeFi ชั้นนำที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถให้ยืมสินทรัพย์ ตลอดไปจนถึงการกู้ยืมและรับดอกเบี้ยได้
Yield Farms ชั้นนำบน Binance Smart Chain (BSC)
BSC หรือ Binance Smart Chain เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณกำลังมองหาวิธีสร้าง Passive Income นอกเหนือไปจาก Ethereum Yield Farms ชั้นนำที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดบางส่วนบน BSC ได้แก่ Venus Protocol, AutoFarm, PancakeSwap, Pancake Bunny และ BakerySwap โดยเฉพาะอย่าง บริษัทเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็น DEX, AMM และตลาดซื้อขาย NFT ด้วย
Yield Farms ชั้นนำบน Polygon
Polygon เป็นอีกหนึ่งระบบนิเวศ DeFi ที่ได้รับความนิยม นี่คือ Yield Farms ชั้นนำบน Polygon ที่คุณสามารถเลือกใช้งานได้:
- Aave
- SushiSwap
- DFYN
- QuickSwap
- Polycat Finance
Yield Farms ชั้นนำบางส่วนอย่างเช่น Aave มีอยู่ในเครือข่ายบล็อกเชนหลายแห่ง ทำให้พวกเขาเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบว่าบล็อกเชนต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร
Yield Farms ชั้นนำบน Fantom
Fantom เป็นระบบนิเวศ DeFi ที่น่าเชื่อถืออีกระบบหนึ่ง Yield Farms ชั้นนำที่ควรค่าแก่การพิจารณาของคุณ ได้แก่ SpiritSwap, HyperJump, SpookySwap และ Waka Finance
หากคุณสนใจ DeFi เราขอแนะนำให้ลองพิจารณา Yield Farms ที่กล่าวถึงไปทั้งหมด และเลือกใช้งาน Yield Farms ที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ
Yield Farming vs. Staking: เลือกแบบไหนดี?
การ Staking เป็นวิธีการที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาในการสร้าง Passive Income CEX ส่วนใหญ่จะมีการนำเสนอบริการ Stake ด้วยเช่นกัน และเหรียญคริปโตแบบ PoS ก็อนุญาตให้ทำการ Staking ได้โดยตรง ช่วยให้คุณสามารถล็อกเหรียญไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและรับผลตอบแทนได้
นอกจากนี้ การ Staking ยังแบ่งออกเป็นสิ่งที่เรียกว่า Liquid Staking ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถล็อกโทเค็นจำนวนเท่าใดก็ได้ ในช่วงเวลาใดก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่อง ตัวอย่างเช่น stETH คือ Liquid Staking ประเภทหนึ่งที่เป็นตัวเเทนของ ETH มาตรฐาน ซึ่งเชื่อมโยงกับ Lido แพลตฟอร์มการ Staking
Yield Farming นั้นซับซ้อนกว่าเล็กน้อย มันคือการถือครองเหรียญ/โทเค็น 2 ประเภท และนำไปไว้ในกลุ่มที่เป็นคู่กัน ตัวอย่างเช่น หากคุณถือทั้ง ETH และ DAI คุณสามารถไปที่ UniSwap และเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่ม DAI/ETH ได้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณสามารถรับรายได้ที่มั่นคงจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายได้ (โดยปกติแล้วจะเป็น UNI)
Yield Farming อาจจะมีความเสี่ยงมากกว่า และมาพร้อมกับความเสี่ยงในการเกิด Impermanent Loss แต่ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การ Liquid Staking ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงได้เช่นกัน หากคุณรู้ว่าจะต้องไปที่ใด ถึงแม้ว่า Lido จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยม ซึ่งมี APR สูงถึง 6.5% แต่คุณก็สามารถพิจารณาตัวเลือกต่อไปนี้ได้:
1. Rocketpool
Yield APR: สูงสุดถึง 7.08%
2. Parallel DeFi
APR: สูงสุดถึง 20%
3. StaFi
Yield APR: สูงสุดถึง 23.17%
รายชื่อเหล่านี้คือแพลตฟอร์ม Liquid Staking ที่ทำกำไรได้มากที่สุด บางราย เช่น StaFi ก็อนุญาตให้คุณ Staking เหรียญและโทเค็นอื่นๆ ได้ ไม่ใช่แค่เพียง ETH เท่านั้น คุณสามารถ Staking เหรียญต่างๆ ได้ทั้ง SOL, DOT, BNB, ATOM และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมายบน StaFi
หากให้สรุปเรื่อง Yield Farming vs. Staking การ Staking คุณจำเป็นจะต้องมีสกุลเงินดิจิทัลแบบ Proof-of-Stake (PoS) ที่เฉพาะเจาะจง ในขณะที่การ Yield Farming จะช่วยให้คุณใช้ Stablecoins เพื่อสร้างรายได้ได้
เรียนรู้เกี่ยวกับ Liquidity Mining
การ Yield Farming อาจจะซับซ้อนเนื่องจากมีกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องมากมาย เช่น การ Re-staking รางวัล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม Liquidity Mining ถือเป็นองค์ประกอบที่โดดเด่นและคุ้มค่าที่สุดของการ Yield Farming เนื่องจากมันสามารถสร้าง Passive Income ได้อย่างมั่นคงเมื่อคุณจัดหาสภาพคล่องให้กับกลุ่ม
วิธีสร้างรายได้จาก Crypto วิธีอื่นๆ
เราได้พูดคุยถึงกลยุทธ์ต่างๆ ไปมากมาย แต่ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกหลายวิธีในการสร้างรายได้จาก Crypto วิธีการเหล่านี้ ได้แก่:
บัญชีออมทรัพย์คริปโต
CEXs เช่น BlockFi ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้สินทรัพย์คริปโตที่พวกเขาถือครองไว้เพื่อรับดอกเบี้ยได้ โดยการล็อกสินทรัพย์ของพวกเขาไว้ในบัญชีออมทรัพย์ประเภทต่างๆ ด้วยวิธีนี้ คุณจะได้รับดอกเบี้ยรายปีเหมือนกับที่คุณทำได้ในธนาคารทั่วไป
สินเชื่อคริปโต
ใน DEX เช่น Compound และ Aave คุณสามารถให้ยืมสกุลเงินดิจิทัลของคุณเพื่อรับดอกเบี้ยได้ นอกจากนี้ CEX บางแห่งก็ยังให้บริการสินเชื่อด้วย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถให้ยืม USDC ผ่านทาง Compound DEX และรับ COMP เป็นดอกเบี้ยได้
หุ้นคริปโต
บริษัทที่มีชื่อเสียงหลายแห่งทั่วโลกมีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล หรือ ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการขุด Crypto ในรูปแบบของเหมืองขุดคริปโต การลงทุนในหุ้นของบริษัทเหล่านี้ เช่น BitFarms Limited, Riot Blockchain และอื่นๆ อีกมากมาย อาจจะช่วยให้คุณได้รับผลกำไรได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่กำลังจะมาถึงนี้
นอกจากหุ้นของบริษัทเหมืองแล้ว คุณยังสามารถลงทุนในบริษัทต่างๆ เช่น Coinbase หรือ Microstrategy ที่นำเสนอบริการ Crypto หรือมีความเชื่อมโยงกับ Crypto ได้อีกด้วย คุณอาจจะได้รับ Passive Income จากหุ้นเหล่านี้ได้ผ่านราคาหุ้นและเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น
NFTfi
หากคุณได้รับ NFT Airdrop ราคาของมันอาจจะเพิ่มสูงขึ้น และคุณสามารถขายมันเพื่อสร้างรายได้ได้ นอกจากนี้ บางแพลตฟอร์มยังอนุญาตให้คุณใช้ NFT เพื่อค้ำประกันและกู้ยืมเงินได้ ซึ่งคุณสามารถใช้เงินทุนเหล่านั้นเพื่อเข้าร่วมการ Staking, Liquidity Mining และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อสร้าง Passive Income ได้
นอกจากนี้ การ Staking NFT บนแพลตฟอร์มอย่าง MOBOX และ Binance Powerstation ก็ถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ซึ่งคุณสามารถสร้าง Passive Income ได้ อย่างไรก็ตาม การ Staking NFT นั้นจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมันเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก
Governance Token
หนึ่งในกลยุทธ์การสร้างรายได้ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคือการมีส่วนร่วมใน Governance Token ของโปรโตคอล DeFi ใดๆ ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ผู้ถือ COMP จะสามารถแนะนำการเปลี่ยนแปลงบนโปรโตคอลและลงคะแนนได้ และผู้ลงคะแนนที่มีความแอ็คทีฟก็จะได้รับโทเค็นเพิ่มเติมได้ แนวคิดนี้สามารถปรับใช้ได้กับระบบนิเวศอื่นๆ เช่น MakerDAO
ตรวจสอบรายได้ Crypto ของคุณ
ตอนนี้ เราก็รู้วิธีหารายได้จาก Crypto กันแล้ว มันจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือตรวจสอบพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะช่วยให้คุณดูรายละเอียดของการลงทุนได้ในแบบเรียลไทม์ ตรวจสอบกระเป๋าเงินที่หลากหลาย และผสานรวมกระดานเทรดได้ หรือแม้แต่อำนวยความสะดวกในการปรับสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนของคุณ และนี่คือเครื่องมือในการตรวจสอบพอร์ตการลงทุนที่ดีที่สุดที่ควรค่าแก่การพิจารณา:
เครื่องมือตรวจสอบพอร์ตการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับจัดการสินทรัพย์และการตรวจสอบผลลัพธ์
Delta App
ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัวCoinStats
เครื่องมือตรวจสอบและติดตามทรัพย์สินที่ครอบคลุมที่สุดPassive Income vs. Active Income: ควรเลือกแบบไหนดี?
ตอนนี้ เราได้อธิบายถึงวิธีการสร้างรายได้จาก Crypto ที่สามารถทำได้ไปหมดแล้ว รวมถึงวิธีการตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของคุณด้วยเช่นกัน ต่อไป เรามาดูกันดีกว่าว่าการสร้างรายได้แบบ Active หรือ Passive แบบไหนจะเหมาะกว่ากัน
Active Income ในโลกสกุลเงินดิจิทัลนั้นจะขึ้นอยู่กับจังหวะของตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีความผันผวนสูง ความผันผวนดังกล่าวจะส่งผลให้การเทรดสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม แนวคิดของ Passive Income นั้นจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคา แต่จะเป็นแนวทางที่สมดุลมากยิ่งขึ้น เช่น การ Staking บนเครือข่าย PoS, Liquid Staking, DeFi Lending, บัญชีออมทรัพย์คริปโต และอื่นๆ อีกมากมาย
นี่คือตัวอย่างคร่าวๆ
หากคุณชื่นชอบโปรเจกต์ MakerDAO คุณอาจจะพิจารณาเรื่องการลงทุนหรือเทรดเหรียญ MKR ซึ่งเป็นกลยุทธ์แบบ Active Income อย่างไรก็ตาม หากคุณเจาะลึกในโปรเจกต์นี้ มันอาจจะดีกว่าหากคุณทำการถือเหรียญ DAI เอาไว้ และสร้างรายได้จากอัตราการออม
รายได้ของโปรโตคอล MakerDAO เป็นตัวกำหนดศักยภาพในการสร้างรายได้ของคุณ และนี่คือแนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง Passive Income ภายในโลกของสกุลเงินดิจิทัล
หากคุณเป็นผู้ถือครองหรือนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลในระยะยาวและไม่ค่อยซื้อขายหรือขายมันบ่อยๆ การสร้าง Passive Income อาจจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับคุณ ด้วยวิธีการนี้ คุณสามารถซื้อในราคาต่ำ รอให้ราคาเหรียญคริปโตดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น 10 เท่า หรือ 100 เท่า เมื่อเวลาผ่านไป และการใช้สินทรัพย์ที่ถือครองไว้เพื่อสร้างรายได้อย่างมั่นคงก็ถือเป็นวิธีการที่ดี งานน้อยลงและก็เครียดน้อยลงด้วย!
การสร้าง Passive Income ด้วย Crypto ปลอดภัยหรือไม่?
หากคุณใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ การสร้าง Passive Income ของคุณก็จะมีความกังวลน้อยลง สิ่งสำคัญที่จะต้องระวังก็คือ เหล่าสแกมเมอร์ และให้เลือกใช้งานเฉพาะลิงก์อย่างเป็นทางการเท่านั้น นอกจากนี้ มันก็ยังมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าภูมิภาคนั้นๆ อนุญาตให้ CEX เสนอบริการ Staking หรือ อนุญาตให้นักขุดใช้ Mining Pools ได้หรือไม่ เนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและความร้อนที่สูง
ในกรณีที่คุณเป็นนักขุด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังดำเนินการในพื้นที่ที่การขุด Bitcoin นั้นถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากมันเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในการขุดมากที่สุด
ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง เช่น ให้ผลตอบแทนที่สูงมาก บริการขุดฟรีพร้อมรับประกันการจ่ายเงินอย่างงาม Airdrop ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ให้ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายท้องถิ่น ตรวจสอบกฎและข้อบังคับต่างๆ ให้ดีก่อนที่คุณจะเริ่มการดำเนินการใดๆ
รายได้จาก Crypto ต้องจ่ายภาษีหรือไม่?
กำไรที่ได้จาก Crypto และ Passive Income จะต้องเสียภาษีในหลายๆ ประเทศ ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา รางวัลจากการ Staking และ Yields Farming ถือเป็นผลตอบแทนที่จะต้องเสียภาษี ในสหราชอาณาจักร รายได้จากการขุด การ Staking และการ Airdrops นอกจากประเทศเหล่านี้ แคนาดา สหภาพยุโรปทั้งหมด อินเดีย และออสเตรเลีย ก็เป็นภูมิภาคที่คุณต้องจ่ายภาษีให้กับรายได้จากคริปโตของคุณ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ภาษีที่คิดจากกำไรจากการขายทรัพย์สิน
วิธีสร้างรายได้จาก Crypto ที่มีอยู่มากมาย
ตั้งแต่การ Staking, การขุด, การ Airdrop ไปจนถึง การจัดหาสภาพคล่องและอื่นๆ นอกเหนือจากนั้น คู่มือนี้ครอบคลุมวิธีการต่างๆ ในการสร้าง Passive Income ได้ แต่จำไว้ว่า ไม่ใช่ทุกวิธีจะเหมาะสำหรับทุกคน ก่อนที่จะเลือกใช้กลยุทธ์ใดๆ ให้ตรวจสอบกฏระเบียบและข้อบังคับในพื้นที่ ทำความเข้าใจความเสี่ยงของคุณ จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจ มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะยึดแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว เช่น การ Staking เหรียญ ETH หรือการขุด Bitcoin ให้ศึกษาข้อมูลด้วยตัวคุณเองอย่างละเอียดเสมอ และ อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณจะสูญเสียได้
คำถามที่พบบ่อย
เราสามารถสร้าง Passive Income จาก Crypto ได้หรือไม่?
เราสามารถสร้างรายได้ 100 ดอลลาร์ต่อวันด้วย Crypto ได้หรือไม่?
เราจะสามารถสร้างรายได้ 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือนจากการขุด Crypto ได้อย่างไร?
Crypto ตัวใดดีที่สุดในการสร้าง Passive Income?
เราจะเริ่มสร้าง Passive Income ด้วย Crypto ได้อย่างไร?
เราจะสร้าง Passive Income บน Binance ได้หรือไม่?
เราจะสร้าง Passive Income ด้วย USDT ได้อย่างไร?
คุณสามารถเสีย Crypto ไปด้วยการ Staking ได้หรือไม่?
Crypto เป็นวิธีการสร้าง Passive Income หรือไม่?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์