NFT มาจากคำว่า Non-Fungible Token คือ สินทรัพย์ดิจิตัลประเภทหนึ่งที่แต่ละโทเคนมีลักษณะเฉพาะตัว
ณ ปัจจุบัน เราไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” นั้นได้เข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทั้งทางฝั่งผู้บริโภคและฝั่งผู้สร้างสรรค์ผลงานก็คือ NFT นั่นเอง
แล้วมันคืออะไร ทำไมมันถึงได้แทรกซึมไปอยู่ในวงการต่างๆ เช่น เกม, ผลงานศิลปะ, แฟชั่น, หรือแม้กระทั่งกีฬาได้ วันนี้ เราจะมาเรียนรู้กันว่า NFT คืออะไร? แล้วมันจะช่วยให้เราสร้างรายได้จากมันได้อย่างไร ไปดูกันเลยดีกว่า!
NFT คืออะไร?
NFT นั้นคือตัวย่อของคำว่า Non-Fungible Token ซึ่งหมายความว่า โทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ มันเป็นการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาช่วยให้การแปลงสินทรัพย์ใดๆ ก็ตามให้อยู่ในรูปแบบของโทเค็น โดยสินทรัพย์เหล่านั้นอาจจะเป็นภาพงานศิลปะ, ภาพถ่าย, เพลง, คลิปวิดีโอ ของสะสมต่างๆ หรืออะไรก็ตามที่คุณต้องการจะแปลงมันให้อยู่ในรูปแบบของ NFT
ด้วยความหลากหลายนี้ มันทำให้ NFT เป็นเทคโนโลยีที่หลายๆ วงการต่างก็ต้องการนำมันไปใช้งานกับสินค้าหรือผลงานของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
สิ่งที่ทำให้ NFT มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมก็อันเนื่องมาจากคุณสมบัติที่สำคัญเหล่านี้:
- ความเป็นสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัล: NFT นั้นคือสินทรัพย์ที่เป็นตัวแทนของของสะสมในโลกดิจิทัล เช่น งานศิลปะ, ดนตรี, ไอเทมในเกม ซึ่งจะมาพร้อมกับการรับรองความเป็นเอกลักษณ์ของมันที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีบล็อกเชน
- ความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร: ผลงาน NFT แต่ละชิ้นนั้นจะมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ไม่สามารถปลอมแปลงหรือทำซ้ำได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผลงาน NFT บางชิ้นนั้นมีมูลค่าที่สูงมาก
ผลงาน NFT ชิ้นแรกที่ถูกขายคือผลงานที่มีชื่อว่า “Quantum” สร้างขึ้นโดย Kevin McCoy และ Anil Dash มันเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่ McCoy แปลงมันเป็นโทเค็นบนบล็อกเชน Namecoin ในปี 2014 จากนั้น เขาได้ขายมันให้กับ Dash ในราคา 4 ดอลลาร์
NFT มีประโยชน์อย่างไร? เราจะนำมันไปใช้งานได้อย่างไรบ้าง?
NFT นั้นกลายเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะจากทางฝั่งผู้บริโภคที่ต้องการใช้มันเพื่อเป็นการเก็งกำไร ใช้เพื่อเป็นการเก็บสะสม หรือกระทั่ง ใช้มันเป็นการแสดงตัวตนหรือโอ้อวดบนโลกอินเตอร์เน็ต (ใช้เป็นรูปโปรไฟล์บน Twitter หรือ อวาตาร์บน Reddit)
ส่วนในฝั่งของผู้สร้างสรรค์ผลงานนั้น NFT นั้นก็เป็นที่ต้องการในแง่มุมของการใช้เทคโนโลยีนี้ในการแปลงผลงานของพวกเขาเหล่า ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ, ผลงานเพลง, ของสะสมต่างๆ ให้กลายเป็น NFT เพื่อใช้สร้างรายได้ให้แก่เหล่าผู้สร้างสรรค์ผลงาน
หรือในเชิงของผู้ประกอบการนั้น พวกเขาก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี NFT ในรูปแบบอื่นๆ ได้ เช่น การสร้าง NFT Badge ขึ้นมาเพื่อใช้แจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์สำคัญๆ เพื่อเป็นหลักฐานในการเข้าร่วมได้ คุณลองนึกภาพดูสิว่า หากมีการแจกจ่าย NFT Badge สำหรับผู้เข้าร่วมงานเปิดตัว iPhone ครั้งแรก NFT เหล่านั้นมันจะมีคุณค่าและมูลค่าที่สูงเพียงใด?
คุณจะเห็นได้ว่า NFT นั้นไม่เพียงแค่มีประโยชน์ในการใช้มันเพื่อเป็นการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น แต่มันยังสามารถนำไปใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย สรุปแล้ว นี่คือเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ผู้คนต้องการใช้งานเทคโนโลยี NFT:
- มอบอำนาจให้แก่ตัวศิลปินอย่างสมบูรณ์: จากเดิมที่เหล่าศิลปินต้องพบเจอกับสัญญาการแบ่งรายได้ที่ไม่เป็นธรรมจากเหล่าพ่อค้าคนกลาง ด้วยเทคโนโลยี NFT ศิลปินจะสามารถสร้างและขายผลงานของตนเองได้อย่างอิสระ สร้างรายได้จากผลงานของตนเองแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และยังสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องถูกตีกรอบจากผู้ใด
- ใช้เป็นของสะสม: เช่นเดียวกับการสะสมฟิกเกอร์หรือผลงานศิลปะใดๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง NFT นั้นเป็นเสมือนดั่งตัวแทนของสินทรัพย์ให้กับผู้ที่ชื่นชอบการสะสมสินค้าแบบ High-End ตัวอย่างเช่น Bored Ape Yacht Club (BAYC) NFT ลิงขี้เบื่อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เหล่าคนดังมากมายต่างเป็นเจ้าของของสะสมระดับพรีเมี่ยมนี้ ยกตัวอย่างเช่น Eminem แรปเปอร์ชื่อดังที่ได้ซื้อเจ้าลิงขี้เบื่อตัวนี้ไปในราคา 123.45 ETH (หรือราวๆ 15 ล้านบาท)
- ใช้เพื่อเป็นสิทธิ์ในการเข้าถึงชุมชนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ: NFT ยอดนิยมบางรายการนั้น ไม่ได้เป็นแค่เพียงของสะสมเท่านั้น มันยังมอบสิทธิ์พิเศษต่างๆ ให้กับผู้ถือครองอีกด้วย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเข้าบาร์ NFT สุดพิเศษเฉพาะผู้ถือครอง BAYC อย่าง Bored Ape Bar ได้ หรือ Coachella Key ที่เป็น NFT ที่จะช่วยให้คุณสามารถเข้างาน Coachella ได้ฟรีตลอดชีวิต เจ๋งไปเลยใช่มั้ยหล่ะ!
- ใช้เพื่อเป็นการเก็งกำไร: แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ NFT ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ผู้คนต้องการจะซื้อมันไว้เพื่อเป็นการเก็งกำไร (และอาจจะเป็นเหตุผลหลักด้วย) จากองค์ประกอบอื่นๆ ที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ เช่น การที่มันมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร รวมถึงยังมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับผู้ถือครอง นั่นทำให้ NFT บางรายการนั้นมีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น โปรเจกต์ NFT ที่ดูมีอนาคตที่สดใส ผู้คนก็ต่างต้องการที่จะครอบครอง NFT เหล่านั้นไว้ในตอนที่ราคาของมันยังไม่ได้สูงมากเพื่อที่จะสามารถขายทำกำไรได้ในอนาคต
เราจะทำเงินจาก NFT ได้อย่างไร?
สำหรับมุมมองของผู้ใช้งานทั่วไป มันก็เป็นเช่นเดียวกับการลงทุนกับสินทรัพย์อื่นๆ กลยุทธ์หลักๆ ในการทำเงินจาก NFT นั้นก็คงจะเป็นการซื้อหรือได้รับมันมาในราคาถูกหรือฟรี แล้วขายไปในราคาที่สูงขึ้น แต่มันจะทำได้ง่ายอย่างนั้นหรือ? คำตอบคือใช่และไม่ใช่ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำกำไรได้ แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแน่นอน
- จับตามองโปรเจกต์ NFT ใหม่ๆ ที่น่าสนใจไว้ให้ดี: โปรเจกต์ที่เกิดใหม่จากผู้สร้างสรรค์ NFT ยอดนิยมนั้นมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมตามรอยรุ่นพี่ของมัน เช่น Yuga Labs ผู้สร้างคอลเล็กชั่น NFT ยอดนิยมอย่าง BAYC นั้นมีข่าวลืมว่าจะมีการเปิดตัว NFT คอลเล็กชั่นใหม่ในชื่อ Mecha Apes หากคุณสามารถครอบครองมันได้ตั้งแต่ในช่วงที่มันราคาไม่สูงมาก มันก็มีโอกาสที่คุณจะทำกำไรได้อย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป ใช่หรือไม่?
- ของฟรี = ดีเสมอ: คุณอาจจะคิดว่า มันมีด้วยเหรอ การแจก NFT ฟรีๆ มีสิ! ตัวอย่างเช่น Reddit Avatar NFT ที่คุณสามารถรับ NFT ฟรีๆ ได้ผ่านทาง Airdrop แต่การรับ NFT ฟรีนั้น คุณอาจจะต้องเข้าร่วมหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่ทางผู้แจก Airdrop นั้น โดยจะมีเงื่อนไขไม่มากก็น้อย แต่ยังไงซะ ของฟรีก็ดีเสมอ จริงมั้ย?
ทั้งนี้ทั้งนั้น การติดตามข่าวสารในแวดวง NFT อย่างสม่ำเสมอนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หากคุณต้องการจับตามองโปรเจกต์ที่น่าสนใจหรือต้องการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการแจก NFT ฟรี BeInCrypto Trading Community บน Telegram ก็ถือเป็นกลุ่มชุมชนที่ดีที่จะคอยอัพเดตข่าวสารใหม่ๆ ให้กับคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง NFT, Crypto หรือรีวิวต่างๆ รวมไปถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ จากเหล่านักเทรดมืออาชีพอีกด้วย!
อีกหนึ่งวิธีคือการสร้างผลงาน NFT แล้ววางขายมัน
สำหรับผู้ที่มีความสามารถในด้านศิลปะ (หรือในด้านใดๆ ก็ตามที่คุณคิดว่าจะสามารถแปลงสิ่งเหล่านั้นมาเป็น NFT ได้) คุณสามารถสร้างผลงานของตนเองแล้วแปลงมันเป็น NFT เพื่อวางขายให้กับผู้ใช้งานคนอื่นๆ ที่อาจจะสนใจในผลงานของคุณได้ สิ่งที่คุณต้องทำก่อนนั้นก็คือการศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตลาด NFT ที่คุณต้องการจะวางขาย เพราะแพลตฟอร์มต่างๆ นั้นก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น บล็อกเชนของ NFT ที่แพลตฟอร์มรองรับ หรือ ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหรือการทำธุรกรรมก็ตาม
นี่คือตัวอย่างของแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย NFT ที่ได้รับความนิยม:
- OpenSea: ตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วย NFT จากหลากหลายสาขา เช่น งานศิลปะ, ดนตรี, แฟชั่น, กีฬา, เกม และอื่นๆ อีกมากมาย OpenSea นั้นยังรองรับการสนับสนุนข้ามบล็อกเชนในเครือข่าย Ethereum Polygon และ Klatyn อีกด้วย
- Nifty Gateway: ตลาด NFT ที่เต็มไปด้วยคอลเล็กชั่นสุดพิเศษจากศิลปินชื่อดัง Nifty Gateway นั้นร่วมมือกับศิลปินและแบรนด์ต่างๆ ในการผลิตคอลเลกชั่นงานศิลปะดิจิทัลในแบบ Limited Edition ซึ่งทำให้หลายๆ คอลเล็กชั่นกลายเป็นเนื้อหาสุดพิเศษเฉพาะบน Nifty Gateway เท่านั้น
- Rarible: ตลาด NFT ที่สร้างขึ้นบน Ethereum ซึ่งใช้งานได้ง่ายและสามารถสร้าง NFT ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมล่วงหน้า รองรับบล็อกเชนมากมาย รวมถึง Binance Smart Chain
วิธีการสร้างและวางขายผลงาน NFT
- ขั้นตอนที่ 1: หลังจากเลือกแพลตฟอร์มตลาด NFT ที่คุณต้องการใช้วางขาย NFT ของคุณแล้ว คุณจะต้องสมัครกระเป๋าเงิน Crypto เพื่อใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมหรือการรับเงินจากการขาย NFT ของคุณ ทั้งนี้ ตรวจสอบให้ดีว่าแพลตฟอร์มที่คุณจะใช้งานนั้นรองรับกระเป๋าเงินที่คุณเลือกใช้หรือไม่ (เราแนะนำ MetaMask เนื่องจากมันสามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ รวมถึงแพลตฟอร์มยอดนิยม 3 แห่งที่เราได้แนะนำไปข้างต้นด้วย)
- ขั้นตอนที่ 2: ซื้อและเก็บ Crypto บางส่วนไว้ในกระเป๋าเงินของคุณ เนื่องจากคุณจะต้องใช้ Crypto บางส่วนเป็นค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการดำเนินการ เราขอแนะนำให้ซื้อเป็น ETH เนื่องจากตลาด NFT ส่วนใหญ่ที่ให้บริการนั้นก็ตั้งอยู่บนบล็อกเชน Ethereum ETH จึงเป็นสกุลเงินที่ใช้กันโดยทั่วไปในการทำธุรกรรม NFT บนแพลตฟอร์มต่างๆ
- ขั้นตอนที่ 3: เมื่อคุณเลือกตลาดและมีกระเป๋าเงิน Crypto พร้อมด้วย ETH แล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาแปลงผลงานของคุณให้เป็น NFT กระบวนการดังกล่าวจะเรียกว่าการ “Minting” เมื่อสำเร็จแล้ว NFT นั้นก็จะถูกลงทะเบียนไว้ในกระเป๋าเงิน Crypto ของคุณ และคุณก็จะสามารถนำมันไปใช้ขายหรือแลกเปลี่ยนได้ตามต้องการ
ใครสามารถวางขายงาน NFT ได้บ้าง?
ไม่ว่าใครก็สามารถวางขายผลงานในรูปแบบ NFT ได้ ขอเพียงคุณมีความคิดสร้างสรรค์และสามารถรังสรรค์มันออกมาเป็นผลงาน NFT ได้ คุณก็สามารถวางขายมันบนตลาด NFT โดยทั่วไปได้ (ยกเว้น Foundation ตลาด NFT ที่คุณจะต้องถูกเชิญจากศิลปินที่ทำการขายผลงานบนแพลตฟอร์มอยู่แล้ว)
คุณอาจจะคิดในใจว่า [แต่ว่าเราไม่ใช่ศิลปินนะ!] อันที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นจะต้องสร้างผลงานศิลปะเพื่อที่จะแปลงมันเป็น NFT ตัวอย่างเช่น หัวหน้าฝ่าย NFT ของ Mastercard ที่ทำการแปลงใบลาออกของตนเองเป็น NFT แล้ววางขายมันบน Manifold ในราคา 0.023 ETH (ประมาณ 39 ดอลลาร์) ซึ่งตอนนี้เขาทำเงินไปได้ราวๆ 624 ดอลลาร์
แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะแปลงอะไรก็ได้เป็น NFT แล้วแอบหวังว่ามันจะขายได้นะ โดยเฉพาะหากสินทรัพย์เหล่านั้นไม่ใช่ผลงานของคุณจริงๆ คุณอาจจะมีปัญหาและถูกดำเนินคดีทางกฎหมายโดยผู้ถือลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องได้
ตัวอย่างผลงาน Non-Fungible Token ในวงการต่างๆ ที่น่าสนใจ
1. Bored Ape Yacht Club (ศิลปะ)
Bored Ape Yacht Club หรือ BAYC คือคอลเล็กชั่น NFT ของลิงขี้เบื่อจำนวน 10,000 รายการ หนึ่งในผลงานยอดฮิตจาก Yuga Labs ที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum ซึ่งเปิดตัวในปี 2021
Bored Ape Yacht Club NFT ที่มีราคาแพงที่สุดตลอดกาลได้แก่ Bored Ape #8817 ซึ่งขายไปได้ในราคาที่สูงถึง 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การงานประมูลที่ Sotheby’s ผู้ประมูลนิรนามนามว่า “Rhincodon” คือผู้ที่ประมูลมันไปได้
2. Axie Infinity (เกม)
Axie Infinity คือเกมแนว Play-To-Earn บนบล็อกเชน Ethereum ที่พัฒนาขึ้นโดย Sky Mavis โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นผู้ที่จะต้องคอยฝึกฝนสัตว์เลี้ยงของคุณที่จะถูกเรียกว่า Axies เพื่อไปสู้กับ Axies ของผู้เล่นคนอื่นๆ (รูปแบบเดียวกับ Pokemon)
Axie ที่เคยมีการซื้อขายกันในราคาแพงที่สุดได้แก่ Axie #1046 โดยขายไปในราคา 300 ETH หรือราวๆ 1.31 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ
3. NBA Top Shot (กีฬา)
NBA Top Shot นั้นคือคลิปวิดีโอต่างๆ ที่เป็นไฮท์ไลท์ในการแข่งขัน NBA ซึ่งถูกแปลงให้เป็น NFT โดยจะถูกเรียกว่า Top Shot Moments ซึ่งก็เหมือนการสะสม Trading Card โดยทั่วไป ผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของ NFT เหล่านี้ได้โดยการซื้อแพ็คที่มีราคาตั้งแต่ 9.99 ดอลลาร์ขึ้นไปจากทางเวบไซต์อย่างเป็นทางการ (ซึ่งแพ็คก็จะสุ่ม Moments ที่มีระดับความหายากต่างๆ ให้คุณ) หรือซื้อได้จาก Marketplace ของ NBA Top Shot เอง
Moments ที่มีราคาซื้อขายสูงสุดตลอดกาลจนถึงปัจจุบันได้แก่ LeBron James “Cosmic” Dunk ซึ่งเป็นช็อตที่ LeBron James ทำการดั๊งค์พร้อมปะทะกับ Nemanja Bjelica ฟอร์เวิร์ดของทีม Sacramento Kings ในการแข่งขัน NBA เมื่อปี 2019
4. RTFKT (แฟชั่น)
RTFKT เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญในการสร้างและขายรองเท้าสนีกเกอร์เสมือนจริง ผลงานของพวกเขาที่ร่วมออกแบบกับ FEWOCiOUS ศิลปิน Crypto ชื่อดังขายไปกว่า 600 คู่ในช่วงเวลาเพียงแค่ 7 นาที และทำเงินได้มากกว่า 3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว
ปัจจุบัน Nike ได้เข้าซื้อกิจการ RTFKT ไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้แต่อย่างใด
NFT แบบไหนที่เหมาะสมกับเรา?
มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า NFT แบบไหนที่เหมาะกับเรา แต่ในตอนนี้ คุณได้เรียนรู้กันไปแล้วว่า “NFT คืออะไร” และใช้ทำอะไรได้บ้าง ดังนั้น คุณอาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า ต้องการใช้งาน NFT เพื่ออะไร? ถ้าหากคุณเป็นนักสะสมงานศิลปะตัวยง NFT ก็จะถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสม หรือหากคุณต้องการที่จะลงทุนกับ NFT เพื่อทำกำไร ก็ขอให้มั่นใจว่าคุณได้ทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะทำการลงทุนใดๆ กับมัน ขอให้โชคดีนะครับ!
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์