Trusted

Howey Test คืออะไร? แล้วมันส่งผลกระทบต่อวงการคริปโตอย่างไร?

15 mins
อัพเดทโดย Apinat Phosuwan

ภูมิทัศน์ทางการเงินทั่วโลกเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นตามกาลเวลา เริ่มตั้งแต่การจัดการของพื้นที่สินค้าโภคภัณฑ์ ไปจนถึง การดำดิ่งสู่โลกอันกว้างใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์, ความร่วมมือกันของธุรกิจขนาดเล็ก, หรือแม้แต่สินทรัพย์ดิจิทัลเองก็ตาม โลกสมัยใหม่นี้สามารถรวมตัวเข้าด้วยกันได้ด้วย Financial Arrangements (การจัดการทางการเงิน) แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่เหมือนกันเสมอไป นี่คือจุดที่ Howey Test เข้ามาช่วย แล้ว Howey Test คืออะไร? มันคือสิ่งที่จะมาช่วยคุณในการคลี่คลายความคลุมเครือของเส้นแบ่งระหว่าง Investment Contracts (สัญญาการลงทุน) และ Financial Arrangements อื่นๆ

เข้าร่วม BeInCrypto Trading Community บน Telegram: อ่านข่าวสารที่ร้อนแรงที่สุดในแวดวงคริปโต อ่านบทความวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวกับเหรียญและสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่คุณต้องการจากนักเทรดมืออาชีพ!

เข้าร่วมตอนนี้เลย!

จุดเริ่มต้นของ Howey Test: ประวัติ, ความสำคัญ และความเกี่ยวข้อง

Howey Test คืออะไร? มันคือวิธีการในการแยกแยะว่ากิจกรรมการลงทุนใดๆ เป็นสัญญาการลงทุน (Investment Contract) หรือไม่? Howey Test ยังเป็นการระบุว่า “กิจกรรมการลงทุน“ ดังกล่าวนั้นมีคุณสมบัติตามกฏหมายหลักทรัพย์และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 — ซึ่ง SEC (ก.ล.ต.) ได้กำหนดให้สิ่งเหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ — หรือไม่

Howey Test ถือกำเนิดขึ้นในปี 1946 โดยเป็นผลลัพท์ที่เกิดขึ้นหลังจากคดีของ SEC กับ W.J. Howey Co. ซึ่งมีข้อมูลทางคดีดังนี้:

บริษัท W.J Howey Co. เป็นเจ้าของสวนส้มในรัฐฟลอริดา ได้แบ่งขาย “ที่ดินบางส่วน” ให้กับนักลงทุน อีกทั้ง ยังมีการเสนอสัญญาการให้บริการให้กับนักลงทุน โดยบริษัท W.J. Howey Co. จะช่วยจัดการ, เพาะปลูก, และขายส้มเหล่านี้ให้ในนามของนักลงทุน และจะแบ่งผลกำไรส่วนหนึ่งให้กับพวกเขา สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก็คือส้มไม่ได้เป็นสาระสำคัญในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เป็นสาระสำคัญในคดีความนี้ก็คือการที่ “สัญญาการลงทุน” ระหว่าง W.J. Howey Co. และผู้ลงทุนถือได้ถือว่าเป็น “หลักทรัพย์” ในกรณีนี้

เกิดอะไรขึ้นในคดีความนี้?

ก.ล.ต. หรือ “สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” (SEC หรือ the Securities and Exchange Commission) ได้ระบุว่า กิจกรรมการลงทุนที่เกิดขึ้น เป็น “สัญญาการลงทุน” โดยมีเงื่อนไขดังนี้:

  1. เป็นการลงทุนด้วยเงิน (นักลงทุนจ่าย ”เงิน” ซื้อที่ดินบางส่วนจาก W.J. Howey Co.)
  2. เป็นการลงทุนกับองค์กรธุรกิจทั่วไป (นักลงทุนลงทุนกับ W.J. Howey Co.)
  3. เป็นการลงทุนที่นักลงทุนมีการคาดหวังถึงผลกำไร (นักลงทุนคาดหวังผลกำไรจาก W.J. Howey Co.)
  4. ผลกำไรมาจากการทำงานของคนอื่น (ผลกำไรมาจากการดำเนินการของ W.J. Howey Co.)
โฟล์วชาร์ตของ Howey Test: BeInCrypto

จากการที่ศาลฎีกามีความเห็นไปทางเดียวกับ ก.ล.ต. มันได้ก่อให้เกิดกรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลในการตรวจสอบสัญญาการลงทุนทุกฉบับในภายหลัง

ดังนั้น Howey Test เป็นสิ่งที่ช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแล, ผู้ประกอบการ, หรือแม้แต่นักลงทุนสามารถตรวจสอบได้ว่า สัญญาการลงทุนที่พวกเขามีส่วนร่วมปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1934 หรือไม่ หากสัญญาการลงทุนผ่าน Howey Test และถือว่าเป็นหลักทรัพย์ การเปิดเผยข้อมูล, การปฏิบัติตามข้อกำหนด, และข้อมูลการจดทะเบียนเฉพาะก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความครบถ้วนบริบูรณ์

ความเกี่ยวข้องของ Howey Test

ตราสารทางการเงินในสมัยใหม่นั้นมีความซับซ้อน จากการที่ VDAs (Virtual Digital Assets) ใหม่ๆ และ ICO ของพวกเขาเกิดขึ้นแทบจะวันเว้นวัน กรอบการตรวจสอบความเป็น “หลักทรัพย์” ของ Howey Test จึงมีความสำคัญมากขึ้นในปี 2023

ลองนึกภาพของเด็กที่เปิดแผงขายน้ำมะนาวโดยการรวบรวมเงินจากเพื่อนๆ (เด็กคนอื่นๆ) ที่ต้องการผลกำไรมากขึ้นเมื่อแผงขายน้ำมะนาวเริ่มเป็นที่นิยม ณ จุดนี้ ผู้ใหญ่ได้เข้ามาช่วยทุกคนโดยการตั้งกฏพิเศษบางข้อเพื่อช่วยให้สามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนและผลตอบแทนต่างๆ ได้อย่างยุติธรรม

Howey Test ก็เปรียบเสมือน “กฏพิเศษ” ดังกล่าวและเป็นสิ่งที่สำคัญที่ช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง (โดยจะโฟกัสในเรื่องสัญญาการลงทุนโดยเฉพาะ) สามารถทำความเข้าใจกับกฏเกณฑ์เพื่อที่จะทำการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

Howey Test: การทำความเข้าใจองค์ประกอบหลัก

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ Howey Test เปรียบเสมือนกรอบการทำงานที่จะช่วยให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบได้ว่า สัญญาการลงทุนใดๆ เป็นไปตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางและมีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และเพื่อการนั้น มันจะมีเงื่อนไขอยู่ 4 ประการที่สัญญาจะต้องปฏิบัติตาม:

  1. จะต้องมีการลงทุนด้วยเงิน
  2. จะต้องมีองค์กรธุรกิจทั่วไปที่เป็นผู้ที่จัดการเงิน
  3. จะต้องมีการคาดหวังผลกำไร
  4. จะต้องมีโอกาสที่จะได้รับผลกำไรจากความพยายามของผู้อื่น

ในข้อที่ 2 “Common Enterprise” (หรือ องค์กรธุรกิจทั่วไป) จะมีการตีความ 2 แบบ หนึ่งก็คือ “Horizontal Commonality” (การเชื่อมโยงทรัพย์สินของนักลงทุนแต่ละคนเข้ากับนักลงทุนคนอื่นๆ ผ่านการรวมสินทรัพย์ ซึ่งมักจะรวมเข้ากับการกระจายผลกำไรตามสัดส่วน) สิ่งนี้จะถือว่าโปรเจกต์เป็น “Common Enterprise” หากนักลงทุนแต่ละคนได้รวมเงินทุนและผลกำไรที่เกี่ยวข้องเข้าไว้กับโปรเจกต์เดียวกัน

แบบที่สองคือ “Vertical Commonality” (การมุ่งเน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนักลงทุนและผู้ก่อการ ซึ่งต้องการให้มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันของทรัพย์สินของทั้งนักลงทุนและผู้ก่อการ) ซึ่งจะกำหนดให้นักลงทุนแบ่งปันทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน หรือมีการพึ่งพาอาศัยผู้ก่อการ

และเนื่องจากลักษณะการกระจายอำนาจของคริปโต มันทำให้คริปโตส่วนใหญ่นั้นแทบจะไม่เป็นไปตามกฏในข้อกำหนดในข้อที่ 2 แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ ก.ล.ต. คิด!

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเงื่อนไขของ Howey ล้มเหลว?

หากลบเงื่อนไขหนึ่งออกจากสถานะของกิจการใดๆ สามารถช่วยตัดสินได้ว่า กิจกรรมการลงทุนนั้นๆ เป็น ของสะสม, ของขวัญ, สินค้า, หรือแม้แต่ บริการ, ผลิตภัณฑ์, หรือการสมัครสมาชิก

Howey Test ที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ 1: BeInCrypto

เมื่อขาดการลงทุนด้วยเงิน มันจะมีสถานะเป็น ของขวัญ หรือ การบริจาค

Howey Test ที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ 2: BeInCrypto

เมื่อขาด “องค์กรธุรกิจทั่วไป” กิจกรรมเหล่านั้นอาจจะถูกจัดเป็นการกระจายอำนาจ

Howey Test ที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ 3: BeInCrypto

เมื่อขาดการคาดหวังผลกำไร มันจะมีสถานะเป็น ผลิตภัณฑ์ หรือ การสมัครสมาชิก

Howey Test
Howey Test ที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ 4: BeInCrypto

และเมื่อตัดเรื่องความพยายามของผู้อื่นออกไป มันก็จะมีสถานะเป็น สินค้าโภคภัณฑ์

ในการพิจารณาว่าตราสารการลงทุนเป็นหลักทรัพย์หรือไม่? เงื่อนไขทั้งหมดของโครงสร้างของ Howey Test จะต้องถูกตรวจสอบ สินทรัพย์หรือสัญญาการลงทุนจะมีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์ก็ตามเมื่อเงื่อนไขทั้ง 4 นั้นถูกเติมเต็ม

กลับไปที่ตัวอย่าง “แผงขายน้ำมะนาว”

ตอนนี้ เราจะกลับไปดูกันที่ตัวอย่างเรื่อง “แผงขายน้ำมะนาว” เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Howey Test และเงื่อนไขทั้ง 4 ของมัน

สมมุติว่ากลุ่มเพื่อน — Bob, Alice และ Carol — ตั้งแผงขายน้ำมะนาวเหมือนที่เราเคยได้คุยกันไว้ พวกเขารวมเงินลงทุนและทำงานร่วมกันเพื่อจัดเตรียมและขายน้ำมะนาว ซึ่งเราจะเปรียบเทียบมันกับโครงสร้างของ Howey Test

  1. การลงทุนด้วยเงิน: เพื่อนทั้ง 3 คนรวมเงินกันเพื่อซื้อมะนาวและแก้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน นี่เป็นการตรวจสอบในเงื่อนไขแรก
  2. องค์กรธุรกิจทั่วไป: เพื่อนๆ ในตัวอย่างด้านบนทุกคนทำงานร่วมกัน โดยมีร้านน้ำมะนาวเป็นกิจการทั่วไป เงื่อนไขที่ 2 ถูกเติมเต็ม
  3. ความคาดหวังในผลกำไร: เพื่อนๆ ทุกคนต้องการสร้างรายได้จากกิจการแผงขายน้ำมะนาวของพวกเขา ดังนั้น เงื่อนไขข้อที่ 3 ก็ผ่าน
  4. ผลกำไรจากความพยายามของผู้อื่น: Alice, Bob, หรือแม้แต่ Carol ต่างก็มีส่วนร่วมทั้งการลงเงินและลงแรง ดังนั้น ผลกำไรเหล่านี้จึงมาจากความพยายามของพวกเขาเอง ไม่ใช่จาก ความพยายามของผู้อื่น แต่ลองนึกภาพว่าหาก Jack เพื่อนคนที่ 4 ก้าวเข้ามาลงเงินให้กับโปรเจกต์เท่านั้น แต่ไม่ได้มีการลงแรงใดๆ การเตรียมการทางการเงินของ Jack นั้นจึงมีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์

และนั่นก็คือการยกตัวอย่างโครงสร้างของ Howey Test ออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ เพื่อช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

Howey Test มีความเกี่ยวข้องกับวงการคริปโตอย่างไร?

โลกแห่งคริปโตนั้นเต็มไปด้วยโทเค็น สินทรัพย์ และสถานการณ์ที่หลากหลาย ดังนั้น การประเมินสถานการณ์คริปโตใดๆ ตามโครงสร้างของ Howey Test จะแล้วแต่กรณีไป คริปโตที่มีการกระจายอำนาจอย่างเพียงพอซึ่งถูกใช้เป็นส่วนกลางในการแลกเปลี่ยนและไม่ได้มีการระดมทุนด้วยการขายโทเค็น/เหรียญ (ICOs) อาจจะไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ตามโครงสร้างของ Howey Test

อย่างไรก็ตาม มีคริปโตอยู่บางส่วนที่ทำให้ SEC (ก.ล.ต.) พิจารณาว่าบางโปรเจกต์มีคุณสมบัติเป็นการลงทุนตามโครงสร้างของ Howey หรือไม่ ต่อไปนี้คือสิ่งที่ทำให้เกิดข้อกังวลที่มักจะต้องมีการตรวจสอบโดยละเอียด:

  1. โปรเจกต์ที่ใช้ ICOs เพื่อการระดมทุน
  2. ข้อเสนอด้านหลักทรัพย์ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของและการพึ่งพาอาศัยโทเค็นกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
  3. ส่วนแบ่งกำไรที่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกการขายโทเค็น ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการรับโทเค็นสภาพคล่องเมื่อคุณใช้โทเค็นที่มีอยู่เพื่อเข้าร่วมในการขุดสภาพคล่อง
  4. การกำกับดูแลแบบรวมศูนย์ในกรณีของโปรเจกต์ที่มีการยอมรับไม่มาก หรือ คริปโตแบบ PoS บางตัวที่มีส่วนกลางในการจัดการสินทรัพย์ที่ Staking ไว้เป็นจำนวนมาก
  5. อิทธิพลของผู้ก่อการที่สำคัญ

ยังมีข้อกังวลอื่นๆ อยู่บ้างเล็กน้อย แต่ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นเป็นปัจจัยที่ถูกใช้ในการตรวจสอบของ Howey Test ต่อไป เราลองมาตรวจสอบสินทรัพย์เสมือนจริงดิจิทัลกับโครงสร้างของ Howey Test เพื่อทำความเข้าใจว่า SEC มีมุมมองอย่างไร

Howey Test กับเครือข่าย Bitcoin

นี่คือวิธีการตรวจสอบเครือข่าย Bitcoin ตามโครงสร้างของ Howey Test:

เงื่อนไขที่ 1: การซื้อ BTC จากกระดานเทรดนั้นสามารถทำได้ ดังนั้น มันจึงมีความรู้สึกของการเป็นการลงทุนอยู่ถึงแม้ว่าจะเป็นสกุลเงินที่มีการกระจายอำนาจก็ตาม

เงื่อนไขที่ 2: ไม่มี Common Enterprise เนื่องจาก BTC มีการกระจายอำนาจอย่างเพียงพอ ไม่มีบริษัทใดที่ดูแลและจัดการ Bitcoin

เงื่อนไขที่ 3: มีความคาดหวังผลกำไรอยู่บ้างเนื่องจากความเป็นสินทรัพย์ที่ใช้สะสมมูลค่าของมัน อีกทั้ง ผู้คนต่างก็ทำการซื้อขาย BTC ดังนั้น เงื่อนไขที่ 3 จึงผ่าน

เงื่อนไขที่ 4: ไม่มีรูปแบบการสร้างรายได้แบบพาสซีฟ (Passive Income) เหมือนการ Staking นักขุดหรือโหนดทั้งหมดที่ต้องการรับ BTC หรือรางวัลจะต้องทำงานในลักษณะเดียวกันในแบบกระจายอำนาจ ดังนั้น เงื่อนไขที่ 4 จึงไม่ผ่าน

Howey Test
Howey Test และ Bitcoin: BeInCrypto

ตามโครงสร้างของ Howey Test นั้น Bitcoin ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบทั้ง 4 เงื่อนไข ดังนั้น มันจึงไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ Jay Clayton อดีตประธาน SEC ยังได้ระบุไว้ในปี 2018 ว่า Bitcoin ไม่ใช่หลักทรัพย์

Howey Test กับ Ethereum

เครือข่าย Ethereum ซึ่งได้เปลี่ยนจากการเป็น PoW ไปเป็น PoS ได้จุดประเด็นการพูดคุยเรื่องการเป็นหลักทรัพย์และ Howey Test ขึ้นมา นี่คือสถานะปัจจุบันของเงื่อนไขต่างๆ ที่ถูกนำเข้ามาตรวจสอบ:

เงื่อนไขที่ 1: รูปแบบของการลงทุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากเหรียญดั้งเดิมของ Ethereum หรือ ETH สามารถซื้อขาย หรือ Stake เพื่อรับผลตอบแทนจากการลงทุนได้ ดังนั้น Ethereum จึงมีคุณสมบัติเป็นการลงทุ

เงื่อนไขที่ 2: การตีความทั้ง Horizontal (การรวมเงินทุน) และ Vertical (บทบาทของผู้สนับสนุน) เป็นสิ่งที่ทำให้แน่ใจได้ว่าปัจจัยของ Common Enterprise ไม่ได้รับการเติมเต็ม

เงื่อนไขที่ 3 และ 4: ความคาดหวังของผลกำไรยังคงมีอยู่ แต่ไม่ใช่มาจากความพยายามของผู้อื่นๆ ผู้ตรวจสอบความถูกต้องที่ได้รับรางวัลยังคงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าว ดังนั้น ผลกำไรที่มาจากความพยายามของตนเองจึงปัดตกเงื่อนไขที่ 4 ลงไป

Howey Test
Howey Test และ Ethereum: BeInCrypto

โดยรวมแล้ว Ethereum PoS ไม่มีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์และอาจจะไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933

Howey Test กับ NFTs

มันมีความคลุมเครืออยู่มากเมื่อทำการประเมิน NFTs ด้วยโครงสร้างของ Howey Test เนื่องจาก หากพิจารณาว่า NFT เป็นผลงานศิลปะ มันก็อาจจะไม่มีคุณสมบัติในการตรวจสอบด้วย Howey Test ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  • พวกมันสามารถถูกมิ้นต์ได้ (ไม่ได้เป็นการลงทุนเสมอไป)
  • NFT มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแบบกระจายอำนาจ (ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของของสะสมแบบรวมศูนย์เสมอไป)
  • อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำเพื่อผลกำไรเสมอไป (รูปโปรไฟล์ NFT, โดเมน ENS และอื่นๆ อีกมากมาย)
Howey Test
Howey Test และ NFTs: BeInCrypto

นอกจากนี้ เฉพาะการขาย NFT ที่ได้ตั้งให้มอบค่าสิทธิการขายมือสองให้กับคุณเท่านั้นที่เงื่อนไข “กำไรที่ได้มาจากผู้อื่น” จะเข้ามามีบทบาท

โดยรวมแล้ว NFTs ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเงื่อนไขส่วนมากของ Howey Test อย่างไรก็ตาม การประเมินเหล่านี้ยังคงจะต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป

บริษัทคริปโตทั้งหลายควรจะคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง?

ในกรณีที่ประเภทการลงทุนหรือสินทรัพย์มีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์ บริษัทอาจจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้:

  1. แสดงรายการข้อมูลการลงทะเบียนอย่างละเอียดและเป็นไปตามกฏระเบียบ
  2. เปิดเผยข้อมูลต่อนักลงทุน
  3. การปฏิบัติตามกฎการซื้อขาย, หน่วยงานกำกับดูแล, และข้อกำหนดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมหลักทรัพย์
  4. การปฏิบัติตามข้อกำหนด AML และ KYC
  5. ให้การคุ้มครองนักลงทุน
  6. มีการตลาดและการส่งเสริมการขายที่ถูกต้องตามกฏระเบียบ

เมื่อดูจากการที่มีหลายๆ ส่วนที่จะต้องทำให้ครอบคลุม มันจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมการนำเอา Howey Test มาใช้งานกับคริปโตจึงมักจะได้รับเสียงต่อต้าน

ข้อดีและข้อเสียของ Howey Test

ข้อดี

  1. ให้การคุ้มครองนักลงทุน
  2. ถูกต้องตามกฎหมายของพื้นที่นั้นๆ
  3. มีความชัดเจนด้านกฎระเบียบ
  4. อำนาจที่มากขึ้นต่อมุมมองที่เฉพาะเจาะจงของบล็อกเชนและผู้สร้าง

ข้อเสีย

  1. เป็นการยับยั้งนวัตกรรม
  2. ความเสี่ยงของการควบคุมดูแลมากจนเกินพอดี
  3. มีความคลุมเครือในการใช้งานเนื่องจากมีคริปโตอยู่มากมายหลายประเภท
  4. ตัวแปรสากลใน “แท็กหลักทรัพย์”

วิธีการตรวจสอบอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน

เพื่อให้เข้าใจถึงข้อเสียของการทดสอบ Howey ได้ดียิ่งขึ้น ต่อไปนี้เป็นวิธีการตรวจสอบอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันคุณควรจะทราบไว้ (ถึงอย่างไรก็ตาม Howey Test ยังคงได้รับความที่นิยมมากที่สุด)

1. The Reves Test

คล้ายกับกรณีของ EC กับ W.J. Howey Co. วิธีการนี้เกิดจากคดีของ Reves vs. Ernst & Young ซึ่งมีอยู่ 4 เงื่อนไข ได้แก่: แรงจูงใจของผู้ซื้อ-ผู้ขาย, แผนการจัดจำหน่าย, ความคาดหวังของนักลงทุน และการมีอยู่ของตัวเลือกที่ช่วยปกป้องนักลงทุน

2. The “Gary Plastic” Test

การทดสอบนี้จะสอดคล้องกับคดีความของ SEC กับ Gary Plastic Packaging มันเป็นวิธีการประเมินว่า สิ่งที่ไม่ได้เป็นหลักทรัพย์ ณ ช่วงเวลาใดๆ สามารถถูกพิจารณาเป็นหลักทรัพย์ได้หรือไม่? นอกจากนี้ พารามิเตอร์นั้นรวมถึง การทำการตลาดและการส่งเสริมการขาย, การมีอยู่ของพื้นที่การซื้อขายทั่วไป, และความคาดหวังของนักลงทุน

3. The Risk Capital Test

ประเภทการประเมินนี้เป็นที่นิยมใช้ในศาลของสหรัฐฯ เพื่อพิจารณาว่าการลงทุนเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ ตัวชี้วัดที่ใช้จะเกี่ยวข้องกับ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน, การควบคุมดูแลของนักลงทุนในบริษัท, และความเสี่ยงด้านเงินทุนที่เกิดจากความพยายามของผู้อื่น

และในขณะที่การทดสอบเหล่านี้จำกัดอยู่เฉพาะในประเทศสหรัฐฯ ประเทศเศรษฐกิจอื่นๆ ก็มีโครงสร้างการตรวจสอบของตนเองเพื่อตรวจสอบว่าการลงทุนอาจจะเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ สิ่งเหล่านี้รวมถึง Markets in Financial Instruments Directive สำหรับสหภาพยุโรป, หน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของประเทศสวิตเซอร์แลนด์, Pacific Coin Test ของประเทศแคนาดา และอื่นๆ อีกมากมาย

Howey Test และความชัดเจนของคริปโต: อนาคตจะเป็นอย่างไร?

เราคงได้คำตอบแล้วว่า Howey Test คืออะไร? แต่สรุปแล้ว มันมีความหมายอย่างไรต่ออนาคตของคริปโต? ในขณะที่ Howey Test และเงื่อนไขทั้ง 4 ถูกใช้ในการกำหนดแนวทางการกำกับดูแลสำหรับตราสารทางการเงิน รวมถึง คริปโต มันก็ยังเหมาะสมกับการลงทุนและตราสารแบบดั้งเดิมอีกด้วย

ในโลกแห่งอุดมคติ Howey Test จะช่วยในการกำหนดกฎเกณฑ์ข้อบังคับ พร้อมทั้งทำให้รู้ถึงลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของคริปโต นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันและการเจรจาระหว่างธุรกิจ ผู้บริโภค และหน่วยงานกำกับดูแล ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกฝ่าย เพื่อใช้มันในการเข้าสำรวจขอบเขตที่ซับซ้อนของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างประสบความสำเร็จ

คำถามที่พบบ่อย

องค์ประกอบ 4 อย่างของ Howey Test คืออะไร?

คริปโตเคอร์เรนซี่ผ่านการทดสอบ Howey Test หรือไม่?

การไม่ผ่านการทดสอบ Howey Test หมายความว่าอย่างไร?

ทำไม Bitcoin จึงไม่ถือเป็นหลักทรัพย์?

Ethereum ผ่าน Howey Test หรือไม่?

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

Akhradet-Mornthong-Morn.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน