Neuromarketing คือ การนำเอาหลักวิทยาศาสตร์ด้านประสาทวิทยา การทำงานของสมอง เข้ามาใช้ทำการตลาด วิเคราะห์พฤติกรรมตลาด และใช้ทำแคมเปญการตลาดต่างๆ ด้วย
ในขณะที่โลกกำลังก้าวไปสู่เทคโนโลยีที่มีการกระจายอำนาจ เช่น Web3 เหล่านักการตลาดต่างก็ให้ความสนใจในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้เพื่อก้าวขึ้นไปอีกขั้นเช่นกัน การนำเอาแนวทางของ Neuromarketing และ Artificial Intelligence (AI) มาผสมผสานกัน จะสามารถก่อให้เกิดการส่งเสริมแคมเปญการตลาด Web3 ในรูปแบบใหม่ได้
ใน Web3 แนวทางแบบดั้งเดิมในการระบุกลุ่มผู้ชมเป้าหมายนั้นไม่ได้ผลอีกต่อไป ซึ่งเป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความเป็นอิสระของผู้ใช้งาน ดังนั้น การใช้งาน Neuromarketing ร่วมกับ AI จะช่วยเปลี่ยนแปลงแนวทางในการออกแบบแคมเปญ และเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ในระดับที่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
Neuromarketing คืออะไร
Neuromarketing คือ การนำเอาหลักวิทยาศาสตร์ด้านประสาทวิทยาและการทำงานของสมอง เข้ามาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมตลาด และใช้ทำการตลาด เพื่อให้ทำให้ตลาดเข้าถึงใจผู้บริโภคมากขึ้น แม่นยำขึ้น และตรงจุดตอบโจทย์มากขึ้น
Neuromarketing เป็นคำที่ ศาสตราจารย์ด้านการตลาดชาวดัตช์ Ale Smidts บัญญัติขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2002 เป็นการนำเอาเทคนิคในด้านประสาทวิทยามาช่วยในการทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคคิดอย่างไร ด้วยการใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) เพื่อศึกษาการตอบสนองของระบบประสาทที่สัมพันธ์กับความชื่นชอบของผู้บริโภค ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมอย่างละเอียด
การสแกนคลื่นสมองเหล่านี้จะแสดงให้เห็นได้ว่า อารมณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างในแต่ละช่วงเวลา ช่วยให้เกิดความเข้าใจได้ดีกว่าการสำรวจแบบเดิมๆ ซึ่งมักจะวัดผลเฉพาะการตอบสนองโดยรวมของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อโฆษณาเท่านั้น
“ผลิตภัณฑ์ถูกสร้างขึ้นในโรงงาน แต่แบรนด์ถูกสร้างขึ้นในใจ” Walter Landor แบรนด์ดีไซน์เนอร์ กล่าวไว้อย่างน่าจดจำ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่: Building a Strong Crypto Brand Identity: A Complete Guide
การผสมผสานที่ลงตัว: Neuromarketing และ AI
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Neuromarketing จะมีความแม่นยำมาก แต่มันก็ยังมีปัญหากับความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) และนี่คือจุดที่ AI เข้ามามีบทบาท อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงของ AI นั้นเชี่ยวชาญในการตีความชุดข้อมูลขนาดใหญ่ และสามารถนำเอาข้อมูลเชิงลึกที่ค้นพบโดย Neuromarketing มาเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบที่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้
สำหรับนักการตลาด นี่หมายความว่า พวกเขาสามารถปรับแต่งแคมเปญการตลาดให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลได้ โดยไม่ละเมิดกฎจริยธรรมเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้งาน
เทคนิคการใช้งาน Neuromarketing ได้มีให้เห็นบ้างแล้วในการทำการตลาดแบบดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น บริษัทการตลาด GlassView ได้ใช้ “เฮดแบนด์” (ที่คาดศรีษะ) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อวัดการทำงานของสมองของบุคคลที่ยินยอมในแคมเปญการท่องเที่ยวของพวกเขา
ข้อมูลที่ได้มาจาก Neuromarketing นี้จะถูกป้อนให้กับปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลให้มีการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 97%
“หากคุณอนุญาตให้แมชชีนเลิร์นนิงค้นหารูปแบบของข้อมูลที่ซ่อนอยู่ในแบบเรียลไทม์ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ หรือก็คือข้อมูลทางประสาทวิทยา ความเป็นไปได้ก็ไม่มีที่สิ้นสุด” J. Brooks, CMO ของ GlassView กล่าว
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่: More Than 73% of Web3 Marketers Use Generative AI
ในทำนองเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีดนตรี Endel ใช้ Generative AI เพื่อสร้างรูปแบบเสียงของบุคคลจากข้อมูลเชิงลึกด้านประสาทวิทยา พวกเขาอธิบายวิธีการนี้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นบน “กรอบการทำงานด้านประสาทวิทยา”
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อแคมเปญการตลาด Web3
แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้มากมายมหาศาล แต่ความกังวลด้านจริยธรรมก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคลในภาคส่วน Web3
ข้อกังวลประการหนึ่งก็คือ รายละเอียดที่มากเกินไปของข้อมูลที่ได้มา ข้อมูลเหล่านี้สามารถเปิดเผยให้เห็นถึงสิ่งกระตุ้นทางอารมณ์ที่แม้แต่ตัวผู้บริโภคเองก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ นั่นจึงก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากหากมีการบิดเบือนข้อมูลเกิดขึ้น ปัญหาด้านจริยธรรมอีกประการหนึ่งเกิดขึ้นจากอัลกอริธึม AI ซึ่งต้องมีการทดสอบเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัวและอคติต่างๆ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่: These Are the Risks of Using Artificial Intelligence (AI) in Crypto Marketing
ถึงกระนั้น ผลประโยชน์ที่อาจจะได้รับนั้นก็ไม่มีขีดจำกัด ลองนึกภาพตลาดซื้อขาย NFT ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพแพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้ใช้งานได้มีส่วนร่วมมากขึ้นดูสิ
ตลาดซื้อขายสามารถวัดการตอบสนองทางอารมณ์ของผู้ใช้งานเมื่อพวกเขาดูหรือซื้อ NFT ได้ผ่านทาง Neuromarketing โดยการใช้วิธีการต่างๆ เช่น การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของดวงตา หรือ EEG จากนั้น อัลกอริธึม AI ก็จะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อวิเคราะห์ได้ว่า NFT ใดที่น่าจะได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน
จากนั้น ตลาดซื้อขายสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อแนะนำ NFT ที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละรายได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แพลตฟอร์ม DeFi ที่มีการให้บริการให้กู้ยืมและกู้ยืมสินทรัพย์ยังสามารถใช้ Neuromarketing เพื่อวัดการทำงานของสมองของผู้ใช้งานนขณะที่พวกเขาดำเนินขั้นตอนการกู้ยืมได้ ข้อมูลเชิงลึกได้เผยให้เห็นว่า ฮอร์โมนความเครียดของผู้ใช้งานพุ่งไปสู่จุดสูงสุดเมื่อเข้าไปถึงส่วนที่อธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงและอัตราดอกเบี้ย
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ แพลตฟอร์มสามารถใช้งาน “แชทบอท AI” เพื่อมอบคำแนะนำที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษให้แก่ผู้ใช้งานที่มาถึงส่วนนี้ได้
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่: Web3 Marketing Agency ที่ดีที่สุด 6 ราย ที่จะช่วยโปรโมทโปรเจกต์คริปโตของคุณได้!
การเดินทางมาบรรจบกันของ Neuromarketing และ AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการกำหนดแนวทางในอนาคตของการทำการตลาด Web3 ได้อย่างแน่นอน
การผสมผสานนี้ไม่ใช่แค่เพียงการเปลี่ยนแปลงในเชิงกลยุทธ์ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการใหม่ๆ ว่า เราจะสามารถรวบรวมและนำข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้อย่างมีจริยธรรมและมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ