ดูเพิ่มเติม

ChatGPT vs. Google Bard: ศึกแชทบอท AI ใครเหนือกว่า?

18 mins
โดย Shilpa Lama
แปลแล้ว Akradet Mornthong

ในโลกของแชทบอท AI ที่เต็มไปด้วยความสามารถที่น่าทึ่ง มีการแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างคู่แข่ง 2 ราย ได้แก่ ChatGPT vs. Google Bard ทางฝั่ง ChatGPT คือผู้เข้าแข่งขันประสบการณ์สูงจาก OpenAI ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และครองตลาดได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม คู่แข่งรายอื่นๆ ก็กำลังไล่ตามอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ Google Bard ด้วยเงินทุนและทรัพยากรมหาศาลจากบริษัทยักษ์ใหญ่ Bard จึงมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นผู้ท้าชิงที่แข็งแกร่ง สุดท้ายแล้ว ใครกันที่จะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในศึกแชทบอท AI ในครั้งนี้!

ChatGPT คืออะไร?

ChatGPT Chatbot AI

ChatGPT เป็น “แชทบอท AI” ที่พัฒนาโดย OpenAI ซึ่งกลายมาเป็นกระแสโด่งดังหลังจากที่เปิดตัวเวอร์ชั่น Public Beta ไปในช่วงปลายปี 2022 มันเป็น AI ที่ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์จำนวนมากด้วยการใช้ Machine Learning แบบ Supervised (Supervised Learning หรือ การเรียนรู้โดยต้องมีผู้ฝึกสอน เป็นประเภทของการเรียนรู้ที่มนุษย์จะเป็นผู้ที่ป้อนข้อมูลและผลลัพท์ต่างๆ ลงไป เพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์เกิดการเรียนรู้จากชุดข้อมูลดังกล่าว) และ Reinforced (Reinforcement Learning หรือการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง เป็นประเภทของการเรียนรู้แบบที่จะปล่อยให้ปัญญาประดิษฐ์ทำการลองผิดลองถูกเพื่อหาผลลัพธ์ที่มันต้องการด้วยตัวเอง)

ตัวบอทใช้งาน Generative Pre-trained Transformer 3 (GPT-3) และเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง GPT-4 เพื่อสร้างข้อความโต้ตอบที่ให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้สนทนากับมนุษย์จริงๆ คุณสามารถสนทนากับ ChatGPT ได้ด้วยหัวข้อที่หลากหลาย เพียงแค่ป้อน Text Prompt (“ชุดคำสั่ง” หรือ “ชุดข้อความ” ที่คุณส่งให้กับแชทบอทเพื่อทำการสร้างการโต้ตอบขึ้นมา) เข้าไป ไม่ว่าจะเป็น คำถาม, คำขอ, การพูดคุยธรรมดาทั่วไป หรืออะไรก็ได้ แล้วมันจะตอบกลับด้วยบทสนทนาที่คล้ายกับมนุษย์จริงๆ ซึ่งอันที่จริงแล้ว คุณก็อาจจะเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ว่าคุณกำลังสนทนากับคนอื่นอยู่จริงๆ

ตัวอย่างเช่น เราลองขอให้ ChatGPT เขียนบทกวีสั้นๆ เกี่ยวกับแมวหน้าบึ้ง (Grumpy Cat) ซึ่งมันตอบกลับมาด้วยสิ่งนี้:

“Grumpy cat with a frown so flat,

Chases shadows, spooks at a hat.

In her hiss, a sassy song,

In her world, we all belong.”

จะเห็นได้ว่า การตอบกลับของ ChatGPT นั้นเหมือนมนุษย์จนน่าขนลุก มันสามารถสร้างเนื้อหาที่สร้างสรรค์, ตอบคำถามของคุณอย่างเป็นกันเอง, หรือทำได้แม้แต่การสนทนาโต้ตอบระหว่างกัน

ถึงแม้ว่า ChatGPT จะเป็นเครื่องมือที่น่าประทับใจ แต่มันก็ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเท่านั้น ให้คิดซะว่ามันเป็นคลังความรู้ที่ถูกจำกัดช่วงเวลาเอาไว้ (ข้อมูลอัพเดตล่าสุดอยู่ในช่วงปี 2021) ดังนั้น ในตอนนี้ หากคุณต้องการติดตามข่าวสาร, ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์, หรือแม้แต่ข่าวซุบซิบดารา คุณอาจจะพบว่าข้อมูลจาก ChatGPT นั้นเป็นข้อมูลที่ล้าหลังไปบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวล! มีวิธีการบางอย่างที่จะสามารถแก้ไขช่วงเวลาที่ถูกจำกัดไว้นี้ได้ และเราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องดังกล่าวกันในช่วงหลังของบทความ

ChatGPT ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

ChatGPT เป็นเครื่องมือที่คุณสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ต้องการแก้จุดบกพร่องของโค้ดงั้นหรือ? ลองถาม ChatGPT ได้เลย หรือต้องการที่จะทำความเข้าใจในเรื่องความซับซ้อนของฟิสิกส์ควอนตัมหรือไม่? ChatGPT จะเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้คุณเอง ต้องการใครซักคนที่จะช่วยระดมสมองหาไอเดียใหม่ๆ อยู่ใช่มั้ย? ChatGPT พร้อมเสมอที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กับคุณ

อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่า มันไม่ได้ไร้ที่ติ บางครั้ง ChatGPT ก็อาจจะให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือทำให้เข้าใจผิดได้ ดังนั้น คุณควรตรวจสอบคำตอบของมันอีกครั้งเสมอ

ในเรื่องความเป็นส่วนตัว OpenAI อาจจะตรวจสอบการสนทนาของคุณกับ ChatGPT ดังนั้น หากคุณคิดที่จะแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อน คุณอาจจะต้องลองคิดใหม่อีกครั้ง

นี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วย ChatGPT:

  • ขอให้ช่วยเขียนกลอน, เพลง, หรือเรื่องรารว
  • ขอให้ช่วยเขียนและแก้ไขจุดบกพร่องของโค้ด
  • ขอให้ตอบคำถามเกี่ยวกับทุกสิ่งที่คุณต้องการ (ห้ามใช้ข้อมูลที่มันตอบกลับเป็นข้อเท็จจริงก่อนที่จะตรวจสอบให้ดีก่อนอีกครั้ง)
  • ขอให้ช่วยทำการบ้านหรือโปรเจกต์งานของคุณ
  • ระดมความคิดเพื่อหาไอเดียเพิ่ม
  • ใช้เพื่อเรียนรู้และสำรวจหัวข้อและแนวคิดใหม่ๆ
  • ใช้เพื่อสนทนากับมันไปเรื่อยๆ แล้วดูว่าบทสนทนาจะพาคุณไปสุดที่ไหน

นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น อันที่จริงแล้ว คุณสามารถใช้งานมันได้ตามที่คุณต้องการ ตราบเท่าที่คุณไม่ละเมิดนโยบายเนื้อหาของ OpenAI

หากคุณต้องการลองใช้งานด้วยตัวเอง ลองเข้าไปดูบทความ วิธีการใช้งาน ChatGPT แบบ Step-by-Step ของเราสิ

Google Bard คืออะไร?

Google Bard AI

Google Bard เป็น “แชทบอท AI” เช่นเดียวกับ ChatGPT มันขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาล่าสุดของ Google อย่าง Pathways Language Model 2 (PaLM 2) Bard ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้จำลองการสนทนาที่คล้ายกับมนุษย์จริงๆ ซึ่งจะช่วยให้ทำการค้นหาข้อมูลได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เหมือนว่าคุณได้สอบถามข้อมูลจากคนที่เป็นผู้รู้จริงๆ และถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในเรื่องการค้นหาข้อมูลด้วยคำหลัก (Keyword) ซึ่งจะนำเสนอข้อความโต้ตอบที่มีบริบทที่หลากหลาย รวมไปถึง ความสามารถในการจัดการกับคำถามที่อาจจะมีตามมาภายหลัง

Google Bard เปิดตัวออกสู่สาธารณชนเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023 แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทันทีเมื่อ Bard ได้ให้คำตอบที่ไม่ถูกต้องในวิดีโอโปรโมต อย่างไรก็ตาม Google แก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2023 Bard ก็พร้อมให้บริการในกว่า 180 ประเทศ

คุณสามารถใช้งาน Bard ได้ฟรี เพียงแค่ต้องมีบัญชี Google เท่านั้น และเช่นเดียวกับแชทบอทตัวอื่นๆ Bard ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ มันยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ข้อมูลที่ได้ออกมานั้นมีความถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายาม(ทางคอมพิวเตอร์)เป็นอย่างมาก

Bard ต้องเผชิญหน้ากับผู้ร่วมชิงชัยในสาขานี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Microsoft Bing AI, ChatSonic, หรือ Jasper Chat เป็นต้น

และเนื่องจากบทความนี้จะเป็นการเปรียบเทียบกันระหว่าง ChatGPT กับ Google Bard เราจึงจะมาลองใช้ชุดคำสั่งเหมือนที่ใช้กับ ChatGPT “เขียนบทกวีสั้นๆ เกี่ยวกับแมวหน้าบึ้ง” กับ Bard และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้มา:

“Grumpy Cat, with face so sour,

I wish I knew what made you sad.

Perhaps a treat or sunny day

Would chase the frown away.

I hope you find a reason to smile,

And chase away the gloom.”

เราจะไม่ตัดสินว่าแชทบอท AI ตัวใดที่มีความสามารถในด้านบทกวีที่เหนือกว่ากัน เพราะการแต่งกวีนิพนธ์ก็เป็นเหมือนกับศิลปะแขนงอื่นๆ ที่เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล ดังนั้น คุณสามารถเลือกได้เลยว่าคุณชอบบทกวีของใครมากกว่ากัน

Bard ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

Google Bard ได้รับการออกแบบมาให้เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่มีความสามารถมากมาย และนี่คือคุณสมบัติหลักบางประการ:

  • ความเข้าใจในภาษาธรรมชาติ: Bard ได้รับการออกแบบมาให้เข้าใจและตอบสนองต่อคำถามในเชิงสนทนาได้เป็นอย่างดี ทำให้การโต้ตอบกันรู้สึกเป็นธรรมชาติและเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
  • ทำงานร่วมกันกับ Generative AI: Bard ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานร่วมกับ Generative AI ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการระดมสมองหรือการสร้างสรรค์โปรเจกต์
  • สนับสนุนการเขียนโค้ด: Bard ได้รับการขยายขอบเขตเพื่อให้รองรับการทำงานด้านการเขียนโปรแกรมในกว่า 20 ภาษา ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขจุดบกพร่องด้วย ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการแก้หรือเขียนโค้ดอย่างรวดเร็ว
  • ผสานรวม Google Lens: Bard ได้ผสานรวมเอาความสามารถของ Google Lens เข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับภาพเพิ่มเติม หรือรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับงานด้านภาพได้
  • สร้างคอนเท้นต์: Bard สามารถสร้างบทสรุปและเนื้อหาประเภทอื่นๆ ได้ ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อเหล่าคอนเท้นต์ครีเอเตอร์และนักการตลาด
  • ปักหมุดและเปลี่ยนชื่อการสนทนา: Bard อนุญาตให้ปักหมุดและเปลี่ยนชื่อการสนทนาได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณค้นหามันได้ง่ายขึ้นในภายหลัง ทำให้มันเป็น Productivity Tool ที่ดีมากสำหรับ

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือ Bard จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และ Google จะเพิ่มคุณสมบัติและความสามารถใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ เพื่อเสริมความสามารถในการทำงานและประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง

ในอนาคต เราจะแนะนำแนวทางใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นจินตนาการและความอยากรู้อยากเห็นของคุณ ด้วยการผสานรวมความสามารถของแอปและบริการของ Google ที่คุณอาจจะใช้งานอยู่แล้ว — เช่น Google Docs, Drive, Gmail, Maps และอื่นๆ อีกมากมาย — เข้ากับการใช้งาน Bard

Sissie Hsiao รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ Google Assistant และ Bard (ผ่าน Google Blog)

ChatGPT vs. Google Bard: แชทบอททำงานยังไง?

ChatGPT

ChatGPT ของ OpenAI เป็นรูปแบบการประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ซับซ้อน (Natural Language Processing หรือ NLP) ที่สามารถสนทนากับคุณได้อย่างชาญฉลาด เคล็ดลับของ ChatGPT คือการผสมผสาน Reinforcement Learning with Human Feedback (RLHF) ซึ่งเป็นวิธีการที่แบบจำลอง Machine-Learning ใช้รูปแบบการตอบโต้ของมนุษย์เป็นตัวอย่างในการเรียนรู้ เพื่อช่วยในการสร้างรูปแบบการสนทนาได้ดียิ่งขึ้น

การฝึกฝนที่เข้มข้นนี้ช่วยให้ ChatGPT สร้างการโต้ตอบที่คล้ายกับการสนทนาของมนุษย์ขึ้นได้ โดยไม่คำนึงถึงหัวข้อที่กำลังพูดคุยอยู่ อย่างไรก็ตาม ความรู้ของ ChatGPT ได้ถูกจำกัดช่วงเวลาไว้ที่ปี 2021 เท่านั้น และยังไม่มีกลไกการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน

ดังนั้น ถึงแม้ว่า ChatGPT ตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่มันได้ถูกฝึกฝนมา แต่บางครั้ง มันก็อาจจะให้ข้อมูลที่มีข้อผิดพลาดได้ ในเดือนพฤษภาคม 2023 OpenAI ตัดสินใจเสริมพลังให้ ChatGPT แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยการผสานรวมกับ Bing Search เป็นฟีเจอร์ระดับพรีเมี่ยม การปรับปรุงครั้งนี้ทำให้ ChatGPT เข้าถึงข้อมูลข่าวสารล่าสุดจำนวนมากได้ ซึ่งทั้งหมดถูกขับเคลื่อนโดย Bing Search

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2023 บริษัทได้ปิดใช้งานฟีเจอร์ “Browse with Bing” ใน ChatGPT โดยให้เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจนี้ว่า “มีข้อควรระวังมากมาย”

หากคุณยังต้องการที่จะขยายขอบเขตความรู้ให้กับ ChatGPT มันยังมีวิธีที่สามารถทำได้อยู่ คุณสามารถเพิ่มฐานข้อมูลด้วยข้อมูลล่าสุดได้โดยการใช้ปลั๊กอินของ ChatGPT อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่สมัครใช้งาน ChatGPT Plus (ข้อมูล ณ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม) นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ Chrome Extension ของ ChatGPT อย่าง WebChatGPT ซึ่งจะช่วยให้แชทบอท AI สามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดบนอินเทอร์เน็ตได้

สรุปการทำงานของ ChatGPT โดยสังเขป:

  • ใช้รูปแบบการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี เพื่อช่วยให้สามารถสนทนากับคุณได้อย่างชาญฉลาด
  • ChatGPT ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลมากมายจากโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้มันสามารถสร้างการโต้ตอบที่คล้ายกับบทสนทนาจริงๆ ของมนุษย์ได้
  • ใช้ Reinforcement Learning with Human Feedback (RLHF) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้แบบจำลอง Machine-Learning สามารถเรียนรู้รูปแบบการตอบโต้ของมนุษย์ได้
  • ChatGPT ใช้ Generative Pre-trained Transformer 3 (GPT-3) และเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง GPT-4

Google Bard

Google Bard เป็นแชทบอท AI ที่ใช้งานโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model หรือ LLM) ซึ่งเป็นผลผลิตของ Google เป็นผู้รอบรู้แห่งโลกดิจิทัลที่ได้รับการฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลของข้อความและโค้ดจำนวนมหาศาล Bard สามารถสร้างข้อความ, แปลภาษา, เขียนครีเอทีฟคอนเท้นต์ในรูปแบบต่างๆ และตอบคำถามของคุณได้อย่างลึกซึ้ง

หัวใจสำคัญของ Bard คือ Pathways Language Model 2 (PaLM 2) ซึ่งเป็นโครงข่ายประสาทเทียมอันทรงพลังที่ได้รับการฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลของข้อความและโค้ดจำนวนมาก ทำให้สามารถสร้างข้อความที่ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลได้เท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกที่คล้ายกับการสนทนากับมนุษย์อีกด้วย

เมื่อ Bard ได้รับคำถามหรือคำขอ ระบบจะใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพื่อทำความเข้าใจมัน โดย Bard จะใช้ประโยชน์จาก NLP — ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่จะโฟกัสในเรื่องการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับภาษามนุษย์ — เพื่อระบุคำและวลีสำคัญในคำถามและทำความเข้าใจว่าคำถามนั้นหมายถึงอะไร

เมื่อเข้าใจคำถามแล้ว Bard จะค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากฐานความรู้ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของข้อความและโค้ดที่จัดเก็บไว้ในโครงสร้างพื้นฐานในระบบคลาวด์ของ Google เมื่อพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว Bard ก็จะใช้ PaLM 2 เพื่อสร้างคำตอบที่มีทั้งข้อมูลและความน่าสนใจขึ้นมา อีกทั้ง PaLM 2 ยังสามารถแปลภาษาสร้างคอนเท้นต์ประเภทต่างๆ ขึ้นมาได้

บางครั้ง Bard อาจจะขอคำชี้แจงเพิ่มเติมจากผู้ใช้งาน หากคำถามมีความไม่ชัดเจน และมันยังสามารถสร้างบทสนทนาโต้ตอบได้หลายรายการ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกคำตอบที่ต้องการด้วยตัวเองได้

สรุปการทำงานของ Google Bard โดยสังเขป:

  • Bard ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อความและโค้ดปริมาณมหาศาล
  • Bard ใช้ NLP เพื่อทำความเข้าใจคำถามและสร้างคำตอบขึ้นมา
  • ฐานความรู้ของ Bard เป็นฐานข้อมูลของข้อความและโค้ดขนาดใหญ่
  • Bard ใช้ PaLM 2 เพื่อสร้างข้อความ
  • กระบวนการสร้างการตอบสนองเป็นกระกระบวนการที่เกิดขึ้นวนซ้ำ

ChatGPT และ Google Bard ราคาเท่าไร?

ทุกคนที่มีบัญชี OpenAI สามารถใช้งาน ChatGPT 3.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นฟรีที่ขับเคลื่อนโดย GTP 3.5 รุ่นเก่าได้โดยไม่มีข้อจำกัดในการใช้งานใดๆ ส่วนเวอร์ชั่นพรีเมี่ยม ซึ่งใช้ GPT-4 ที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและผลลัพธ์ จะเรียกเก็บเงินเดือนละ 20 ดอลลาร์ (บวกภาษีท้องถิ่น ถ้ามี) เวอร์ชั่นจ่ายเงินนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเติมได้ ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการใช้ปลั๊กอิน เป็นต้น ณ ช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ChatGPT แบบพรีเมียมจะรองรับ GPT-4 Prompt เป็นจำนวน 50 รายการต่อ 3 ชั่วโมง และไม่จำกัดจำนวนสำหรับ GPT-3.5 Prompt

ส่วน Google Bard นั้นสามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับทุกคนที่มีบัญชี Google

ChatGPT vs. Google Bard: การสร้างข้อความและการเข้าใจบริบท

คุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้

ทั้ง ChatGPT และ Google Bard สามารถสร้างข้อความและโต้ตอบกับคุณได้คล้ายกับการสนทนากับมนุษย์จริงๆ คุณภาพของข้อความมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้ง 2 มีสไตล์ที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังมองหาการแชทที่รวดเร็วและไม่เป็นทางการ คุณอาจจะชื่นชอบ Bard มากกว่า ในการใช้งานในลักษณะนี้ การตอบสนองของ Bard ให้ความรู้สึกที่เหมือนมนุษย์มากกว่า ในขณะที่ ChatGPT มีแนวโน้มที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้ดูเป็นมืออาชีพมากที่สุด

ตัวอย่างเช่น เมื่อถามว่า คุณมีความรู้สึกหรือไม่? ChatGPT ปฏิเสธอย่างหนักแน่น

ChatGPT ตัวอย่าง

ในขณะที่ Bard มีแนวทางที่รอบคอบกว่า โดยอ้างถึงการถกเถียงทางปรัชญาที่มีมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแนวคิดของ “ความรู้สึก”

Google Bard ตัวอย่าง

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงประเด็นความขัดแย้งทางจริยธรรมที่ซับซ้อน ดูเหมือนว่า ChatGPT จะลงลึกได้มากกว่า โดยการใช้แนวคิดทางปรัชญาเพื่อสร้างคำตอบ ในทางกลับกัน Bard มักจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเกี่ยวกับจริยธรรมและศีลธรรมที่ขัดแย้งกัน ซึ่งบางครั้งก็ให้คำตอบที่กำกวมมากกว่า

ถ้าจะให้พูดกว้างๆ ก็คือ เราสังเกตเห็นได้ว่า ChatGPT สามารถสร้างสไตล์การเขียนได้หลากหลายกว่า และ “ยินดี” ที่จะให้คำตอบที่ยาวกว่า และเจาะลึกมากกว่า สิ่งนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับ หน้าต่างบริบท (Context Window) ของแชทบอท AI ทั้ง 2 ตัวนี้ด้วย

หน้าต่างบริบท (Context Window)

ในสาขา Machine Learning “Context” หมายถึงข้อความหรือข้อมูลก่อนหน้าที่โมเดลใช้เพื่อสร้างการตอบสนอง คล้ายกับการที่มนุษย์จดจำสิ่งที่พูดในการสนทนาเพื่อที่จะสามารถตอบกลับได้อย่างเหมาะสม นั่นคือวิธีการทำงานของ GPT-4 และโมเดลภาษาอื่นๆ พวกมันจะใช้ “Context” — ข้อความก่อนหน้าทั้งหมด — เพื่อตัดสินใจเลือกการตอบสนองที่เหมาะสม

ลองจินตนาการว่า คุณกำลังดูหนังเรื่องหนึ่ง แต่คุณจำได้เพียง 2 ฉากสุดท้ายเท่านั้น ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า คุณกำลังดูหนังด้วย “Context Window” ของ 2 ฉากสุดท้าย ด้วยการมี “Context Window” ที่จำกัด มันอาจจะทำให้ดูเหมือนว่าเนื้อเรื่องจะถูกรีเซ็ตทุกๆ 2 ฉาก ซึ่งจะทำให้คุณสับสนอยู่ตลอดเวลา

และนั่นคือคอนเซปต์ของ Context Window ที่ถูกนำไปใช้ใน Machine Learning ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว เป็นเหมือนหน่วยความจำระยะสั้นของโมเดล ซึ่งช่วยให้แชทบอทสามารถดำเนินการสนทนาต่อไปได้ตรงบริบทหรือประเด็นที่ได้ให้ไว้ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2023 ChatGPT มี Context Window ประมาณ 25,000 คำ ซึ่งมากกว่าในเวอร์ชั่นก่อนๆ อยู่พอสมควร

ในทางกลับกัน Google ไม่ได้เปิดเผยจำนวน Context Window ของ Bard ต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตาม สามารถพูดได้เลยว่า มันไม่ได้ใกล้เคียงกับ ChatGPT เลย นอกจากนี้ Google ระบุว่าความสามารถในการจดจำบริบทของ Bard ในปัจจุบัน “ถูกจำกัดเอาไว้โดยเจตนา” แต่ความสามารถดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ChatGPT vs. Google Bard: แชทบอท AI ตัวไหน ตีความข้อมูลเก่งกว่า?

เราลองให้ Bard และ ChatGPT อธิบายคอนเซปต์ของ Cryptocurrency ให้แก่มือใหม่โดยใช้ชุดข้อความดังต่อไปนี้ “Explain the concept of cryptocurrency to a beginner”

ดังที่คุณเห็นในภาพด้านล่าง แชทบอททั้ง 2 ตัวให้คำอธิบายเกี่ยวกับ Crypto อย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม พวกมันมีแนวทางที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย

การตอบสนองของ ChatGPT ใช้วิธีการที่ง่ายกว่าโดยการแบ่งคอนเซปต์ที่ซับซ้อนของ Cryptocurrency ออกเป็นกลุ่มต่างๆ ที่เข้าใจได้ง่าย และอธิบายถึงคอนเซปต์หลักที่สำคัญ เช่น การเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล, เทคโนโลยีบล็อกเชน, การกระจายอำนาจ, การขุด, และคอนเซปต์ของกระเป๋าเงินและคีย์

นอกจากนี้ มันยังได้อธิบายถึงความเสี่ยงและความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นในการลงทุนต่อสกุลเงินดิจิทัล และยังเน้นถึงความหลากหลายของสกุลเงินดิจิทัล และประโยชน์การใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น Smart Contracts ของ Ethereum

ChatGPT

ในทางกลับกัน การตอบสนองของ Bard นั้นเอนเอียงไปทางลักษณะและการกระจายอำนาจของ Cryptocurrency โดยเน้นย้ำถึงความเป็นอิสระจากหน่วยงานส่วนกลางใดๆ Bard ยังได้อธิบายคอนเซปต์ของ Blockchain และ Altcoins และยังกล่าวถึงบทบาทของ Cryptocurrency ในการใช้ทำธุรกรรมรายย่อยเล็กน้อย

คำอธิบายของ Bard ค่อนข้างกระชับกว่า เน้นให้เห็นถึงมุมมองที่ปลอดภัย, โปร่งใส, และความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ Bard ยังให้ลิ้งค์แหล่งข้อมูลที่สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cryptocurrency ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ChatGPT ไม่มีให้ โดยรวมแล้ว การตอบสนองของ AI ทั้ง 2 ตัวนั้นเต็มไปด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเป็นมิตรกับมือใหม่

Google Bard

การตัดสินใจเลือกระหว่าง ChatGPT และ Bard นั้นจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการ ทั้งในแง่ของวิธีการนำเสนอข้อมูลและรายละเอียดที่พวกเขาต้องการ ChatGPT อาจจะดึงดูดใจผู้ที่ต้องการคำแนะนำที่มีโครงสร้างและมีรายละเอียดมากกว่าได้ ในทางกลับกัน คำตอบของ Bard จะกระชับกว่า และรวมลิ้งค์ข้อมูลภายนอกไว้ให้ด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการภาพรวมโดยย่อ และต้องการสำรวจในหัวข้อดังกล่าวด้วยตนเองเพิ่มเติม

ChatGPT คือแชทบอท AI ที่ล้ำหน้าที่สุดใช่หรือไม่?

หลังจากที่ได้เปรียบเทียบกันไปแล้วแบบหมัดต่อหมัดระหว่าง ChatGPT และ Google Bard เห็นได้ชัดว่า ChatGPT-4 คือผู้ที่คว้าถ้วยรางวัลไปครอง โดยเอาชนะ Bard ไปได้ในหลายๆ หัวข้อ แม้ว่าบางหัวข้อจะชนะไปอย่างเฉียดฉิวก็ตาม ในขณะที่ดูเหมือนว่าโมเดลภาษา AI ทั้ง 2 ตัวจะสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ แต่ ChatGPT-4 ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ชาญฉลาดและเหมือนมนุษย์มากกว่าในการสร้างข้อความโต้ตอบ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า Google Bard จะมีปัญหาบางประการในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ถึงแม้ว่ามันจะได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับเนื้อหาและการสนทนาที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ Bard มักจะอาศัยข้อมูลจากการค้นหาเพื่อปรับปรุงข้อมูลแบบเรียลไทม์

แนวทางนี้ดูจะเป็นสิ่งที่ขัดขวางศักยภาพในฐานะโมเดลภาษา AI ที่ยืดหยุ่นของมัน และอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับงานประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ต้องการบริบทและฐานความรู้ที่กว้างขวางมากขึ้น ถึงแม้ว่า AI ทั้ง 2 ตัวจะดูน่าประทับใจ แต่ ChatGPT-4 ก็ดูจะเหมาะสมกับงานที่เกี่ยวข้องกับภาษาที่หลากหลายมากกว่า อย่างไรก็ตาม แชทบอททั้ง 2 ตัวจะมีพัฒนาการมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ เนื่องจาก Bard เป็นผลิตภัณฑ์ของ Google มันจึงอาจจะมีประโยชน์มากกว่าสำหรับมืออาชีพที่ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Google อยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถผสานรวมมันเข้ากับการทำงานได้อย่างราบรื่น

คำถามที่พบบ่อย

จะเข้าใช้งาน Google Bard และ ChatGPT ได้อย่างไร?

ChatGPT และ Google Bard มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

ChatGPT เป็น AI ที่ล้ำหน้าที่สุดใช่หรือไม่?

Google Bard และ ChatGPT ต่างกันอย่างไร?

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤษภาคม 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

Akhradet-Mornthong-Morn.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน