Nick Szabo ผู้อยู่เบื้องหลัง Bitcoin ในตำนาน ในโลกแห่ง Cryptocurrency และ Cryptography, Nick Szabo เป็นตำนานแก่ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการ ทุกๆคนล้วนได้ยินชื่อเขามาก่อน Nick Szbo เป็นผู้ที่ริเริ่มวงการ Cryptocurrency คนแรกๆตั้งแต่ที่มันยังไม่มี Bitcoin เขาจบ Computer Science โดยได้ทุนในการศึกษา ในปี 1996 เขาเป็นผู้บัญญัติคำว่า ‘Smart contact’ ขึ้น และมันถูกใช้ใน Ethereuem blockchain ในปัจจุบัน โดยทุกคนล้วนพูดถึงพันธสัญญาออนไลน์นี้ว่า Smart contact
เพื่อเป็นเกียรติแก่ Nick เขาเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์แก่วงการ Blockchain อย่างมากมายมหาศาล ไอเดียของเขายังถูกใช้ในเหรียญต่างๆทุกวันนี้ ไอเดียของเขานั้นถูกเผยแพร่ลงบน Blog ต่างๆที่สามารถอ่านฟรีได้ หรือการบรรยายของเขา โดยเขาเองนั้นยังเป็นที่ปรึกษาให้แก่หลายๆโปรเจ็คอีกด้วย และเขาได้มี Twitter ของตัวเอง คือ @NickSzabo4
สิ่งที่เขาได้สร้างประโยชน์แก่วงการอย่างมหาศาลมาจากผลงานของเขา 2 อย่างคือ Bit Gold และ Smart contracts
ผลงานของ Nick Szabo
Bitgold
ถ้าหากว่าคุณเป็นหน้าใหม่ในวงการคริปโต คุณอาจจะไม่รู้จักผลงานของเขา แต่ผลงานนี้มีมาก่อน Bitcoin มันคือ Bitgold ซึ่งมี Whitepaper ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับ Bitcoin, Bitgold นั้นเขาได้กล่าวว่ามันคือมาตรฐานการเงินแบบใหม่ ที่จะมาเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการอยู่ภายใต้อำนาจรัฐ
เขามองว่าการที่เราจะต้องส่งเงินกันด้วยจำนวณเงินมากๆนั้น จำเป็นที่จะต้องมี ‘บุคคลที่สาม’ มาเป็นคนสร้างธุรกรรมให้ และมูลค่าของบุคคลที่สามก็เพิ่มขึ้นตามความน่าเชื่อถือ ยิ่งความน่าเชื่อถือสูงมูลค่าก็ยิ่งแพง ซึ่งเขามองว่าคงจะเป็นเรื่องดีถ้าหากเราสามารถ ‘ขจัด’ บุคคลที่สามออกไปได้ (นั้นก็คือธนาคาร) จะทำให้ผู้บริโภคสามารถประหยัดเงินเพิ่มขึ้นได้เยอะโข
สำหรับ Nick แล้ว บุคคลที่สาม (Trusted Third Party) นั้นควรถูกขจัดออกไปตามยุคสมัย แล้ว Bitgold นี้เองที่จะมาขจัดมันได้ด้วยการใช้ Smartcontacts เข้ามาทดแทน
สิ่งที่ Nick ได้กล่าวมานั้นมันอยู่ใน Bitgold ซึ่งมีคอนเซ็ปเหมือนกันกับ Bitcoin เขาอธิบายหมดว่าธุรกรรมควรจะถูกส่งอย่างไร ทำยังไงให้มันปลอดภัย สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Bitgold กับ Bitcoin คือ Bitcoin มี Difficulty ในการผลิตมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อถูกขุดขึ้นมา ในขณะที่ Bitgold นั้นไม่ได้มีความยากมากขึ้น ซึ่งนั้นทำให้ราคาของ Bitgold อาจผันผวนต่ำลงไปมากกว่า Bitcoin เมื่อเวลาผ่านไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin และ Bitcoin ก็ยังคงเป็นคอนเซ็ปเดียวกันคือ พยายามที่จะขจัดบุคคลที่สามออกไป และใช้โปรแกรมที่สามารถเชื่อถือได้เข้ามาแทนที่ธนาคาร ซึ่งจะทำให้ธุรกรรมของเรานั้นถูกลง ด้วยข้อมูลที่ถูกรักษาอย่างดีและโปร่งใส
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ