Web3 เรื่องจริงที่เริ่มหลอก เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราจะเห็นว่ามองไปตรงไหนเราก็เห็นแต่คนเขียนแต่เรื่อง Decentralization ว่ามันทรงพลังอย่างนู้นอย่างนี้ แต่จริงๆแล้วเราลองมาดู Data กันว่ามันแค่เป็นการเปลี่ยนมือของคนที่รวยขึ้นจริงหรือไม่?
เริ่มต้นจากการดู Twitter ของ JackDorsey เจ้าของ Twitter ผู้โด่งดังกัน เขาเคยเป็นหนึ่งในเศรษฐี Sillicon Valley มาด้วยแอพสุดฮิตอย่าง Twitter เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ออกตัวแรงในการป่าวประกาศให้โลกได้รู้ถึงเบื้องหลังของ VC ซึ่งเป็นแหล่งทำเงินใน Siliconvalley เองในเรื่อง ‘Web3’ กระแสสุดฮิตที่ผ่านมา

Web3 คืออะไร?
อะไรคือ Web3? มันคือคำพูดใหม่ที่งงๆเท่ๆในการเรียก Crypto แขนงหนึ่งที่ใช้กันบน Internet โดยมีคำอธิบายง่ายๆว่า
Web3 คืออินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่ไร้ตัวกลาง ทำงานแบบกระจายศูนย์ ซึ่งผลงานของผู้สร้าง Apps นั้นจะไม่ได้เป็นเจ้าของ Apps แต่เป็น Users ซึ่งต่างจาก Web2 (Web ที่เราใช้ในปัจจุบัน) แอพที่เราใช้ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Apple เว็ปไซต์เหล่านี้มีบริษัทเป็นผู้ได้ส่วนได้ส่วนเสียสำคัญ แต่ Web3 จะใช้ Blockchain, Crypto, NFT ในการระบุตัวตนของ User และแต่ละคนสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Node ได้เพื่อได้รับผลตอบแทน
Chris Dixon, General Partner at a16Z
เมื่อมี Decentralized เข้ามา อะไรก็ตามที่ใช้ตัวกลางในการบริหารมันจะถูกทดแทนด้วย Smartcontract ทันที ซึ่งการที่เราตัดตัวกลางไปได้นั้นจะทำให้ประหยัดค่า Transaction fee ไปได้สูง และกำไรส่วนต่างเหล่านั้นก็จะมาเติมให้แก่ผู้ใช้งานจริงๆด้วย ในปัจจุบันที่บริษัทตัวกลางเหล่านี้รวยอย่างมหาศาลเพราะใช้ Algorithm มาให้บริการแก่เราและเก็บกำไรไป คงจะดีไม่น้อยถ้าหากในอนาคตพวกเราจะเป็นคนได้ส่วนต่างเหล่านั้นเองใช่ไหม?
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ
