Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance ได้ปฏิเสธว่าตนได้เข้าซื้อกิจการของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตจากอินเดีย WazirX การปฏิเสธดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทางการอินเดียได้ดําเนินการกับ WazirX ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวน AML
แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตของอินเดีย WazirX ถูกโจมตีโดยคณะกรรมการบังคับใช้ (ED) ของประเทศอินเดีย โดยทางการได้แช่แข็งเงินทุนประมาณ 8.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวน AML ในขณะเดียวกัน Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance ได้เน้นย้ำว่า Binance ไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นใด ๆ ใน Zanmai Labs บริษัท แม่ของ WazirX
Zhao โพสต์ข้อความในกระทู้บน Twitter โดยกล่าวว่าไม่เคยดำเนินการใด ๆ เพื่อซื้อ WazirX เขายังอ้างถึงโพสต์บล็อกในเดือนพฤศจิกายน 2019 ที่กล่าวว่า Binance ได้ “เข้าซื้อ” WazirX
Zhao กล่าวว่า Binance ให้บริการกระเป๋าเงินสําหรับ WazirX ในฐานะโซลูชันเทคโนโลยีและให้บริการทางเทคนิคเท่านั้น เขาระบุว่า WazirX เท่านั้นที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านอื่น ๆ ทั้งหมดของแพลตฟอร์ม รวมถึงการลงทะเบียนผู้ใช้ KYC การซื้อขาย และการเริ่มการถอนเงิน Zhao จบกระทู้ใน Twitter โดยกล่าวว่า
“ข้อกล่าวหาล่าสุดเกี่ยวกับการดําเนินงานของ WazirX และวิธีที่แพลตฟอร์มได้รับการจัดการโดย Zanmai Labs oyhoเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งต่อ Binance ทั้งนี้ Binance ได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก เรายินดีที่จะทํางานร่วมกับ ED ในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้”
อย่างไรก็ตาม การโต้เถียงไม่ได้จบลงที่คําแถลงของ Zhao เท่านั้น Nischal Shetty ผู้ก่อตั้ง WazirX โพสต์มุมมองของเขาไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก Zhao แสดงความคิดเห็น โดยพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “Binance ได้ซื้อกิจการของ WazirX ไปแล้ว” โดยเขาชี้ไปที่ข้อกําหนดในการให้บริการของแพลตฟอร์มดังกล่าวและยังกล่าวด้วยว่า “Binance เป็นเจ้าของชื่อโดเมน WazirX” นอกจากนี้ ยังมี “Root Access ในการเข้าถึงเซิฟเวอร์ AWS” นอกจากนี้ยังมี ” “มีสินทรัพย์คริปโตทุกประเภท” และได้ “ผลกําไรจากสินทรัพย์คริปโตทั้งหมด”
ปัญหาหลักที่รัฐบาลประสบคือแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเจ้านี้อาจอํานวยความสะดวกในการฟอกเงิน และกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอินเดีย และไม่น่าแปลกใจที่ทางการอินเดียกําลังตรวจสอบแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ในประเทศได้พยายามป้องกันกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ED กําลังดําเนินการสอบสวนบริษัทการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารและพันธมิตรฟินเทคของพวกเขาในประเด็น “แนวทางการให้กู้ยืมที่ส่งผลเสียต่อหน่วยงานอื่นโดยละเมิดแนวทางของ RBI และโดยใช้ผู้โทรทางไกลที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในทางที่ผิดและใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมเพื่อรีดไถอัตราดอกเบี้ยที่สูงจากผู้รับเงินกู้”
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปราบปรามครั้งใหม่ในอินเดีย รัฐบาลอนุญาตให้มีสกุลเงินดิจิทัลอยู่ก็จริงจริง แต่ได้เก็บภาษีสินทรัพย์ประเภทนี้ในอัตราที่สูงและไม่จัดประเภทของสินทรัพย์นี้ในฐานะ “เงินตรา” ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้งานบางส่วนจึงกังวลว่าจะนําไปสู่การย้ายถิ่นฐานของผู้มีความสามารถในโลกคริปโตออกจากประเทศอินเดีย
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ
