เงินเฟ้อกับตลาดอนุพันธ์ Buying the Dip ในช่วงเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา ‘Buying the dip’ ในสินทรัพย์หลังจากที่ตลาดพังลงไปแล้วนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่การซื้อขาลงในช่วง 40 ปีนั้นดูเหมือนจะทำเงินให้คุณได้เพียง 10% ต่อปี เท่านั้น
ในขณะที่ระยะเวลา 100 ปีคุณอาจจะถังแตกได้ถึง 3 ครั้งหากคุณลงทุนในหุ้น แต่นั้นมันแค่ในภาพระยะสั้นเท่านั้น (ประมาณ 40 ปี) ซึ่งมันจะบอกแค่เฉพาะอะไรที่เกิดไปแล้วเท่านั้น
เราลองมาจำลองกันดูดีกว่าว่าถ้าหากคุณเป็นนักลงทุนใน Wall street เมื่อ 100 ปีที่แล้ว ปัจจุบันคุณจะมีสภาพเป็นอย่างไร
เพื่อที่จะนำเรื่องมาเล่นต่อ เรากำลังบอกว่าเงินส่วนใหญ่ของประเทศกำลังหมุนอยู่ในตลาดอนุพันธ์ ที่ซึ่งทองคำนั้นอยู่จุดล่างสุดของ Value ทั้งหมด ซึ่งแค่ทองคำอย่างเดียวมีมูลค่า $2.5 Trillion
Crypto Market นั้นมีครึ่งนึงของ Gold Market ในปัจจุบัน
ลองคิดดูสิว่าเงินทั้งหมดใน US นั้นมีถึง $600 Trillion ซึ่งทุกๆอย่าง On top อยู่บน Asset ล่างที่สุดคือ Gold
มูลค่าตลาดของอนุพันธ์นั้นมีเพียง $15.5 Trillion ซึ่งเป็น 10-12% ของมูลค่าของหุ้นและทรัพย์สินทั่วโลก ปัญหาคือหากดอกเบี้ยนั้นขึ้นมา 5-7% นั้นเท่ากับว่าเงินจะหายไป $15.5 Trillion ไปเลย
นั้นหมายความว่ามูลค่าของ Derivative นั้นอาจจะไปถึง 0 ได้เลย
ในขณะเดียวกัน หากหุ้นและสินทรัพย์ล่วงลงไป อนุพันธ์ต่างๆกันร่วงกันตามไปเช่นกัน ลองคิดดูว่าปี 2008 เป็นเช่นไร มันก็จะเป็นเช่นนั้น แต่จำนวณเงิน x10 จากปี 2008
หากคุณคิดว่าการเจ๊งของ Luna นั้นน่าดูแล้ว ลองคิดดูว่า Derivative นั้นจะล้มลงอย่างไรเช่นกัน Fed ไม่เคยที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ
เพราะเขาอยู่ข้างเดียวกับเงินเฟ้อ
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ