ETH คือบล็อคเชนที่ทำกำไรได้เป็นที่แรก ต้องถามว่ากำไรคิดยังไง? กำไรเกิดจากรายได้หักลบกับต้นทุน…
แต่หลายๆคนกำลังคิดว่า ‘สูตรนี้’ ใช้ไม่ได้กับ Blockchain เนื่องจาก Blockchain ไม่ใช่ธุรกิจแบบธรรมดา ‘มันไม่สามารถคำนวณกำไรได้’
แต่ผมคิดว่าน่าจะผิด…
เราสามารถที่คิดกำไรจากตัว Blockchain ได้หากเรามีมุมมองที่ถูกต้อง เหมือนๆกับ Fortune 500, องค์กรเพื่อสังคม และการคิด GDP
แต่ว่ามันจะยืนยาวไปได้ขนาดไหน? ทุกๆ Chain ถ้าจะอยู่ยาวก็จำเป็นที่จะต้องมีรายได้หล่อเลี้ยงตนเอง แต่อะไรคือสิ่งที่ Blockchain ขาย? Blockchain นั้นขาย ‘Block’ และ Block นั้นแหละคือ ‘รายได้’
และอะไรทำให้ Block มีราคาแพง ก็คือความปลอดภัยยังไงหละ! ความปลอดภัยที่สูงที่สุด ในราคาที่ต่ำที่สุด
แต่แล้วมันก็ยังมีทริปโกงๆอยู่อย่างนึง
Blockchain นั้นเป็นเหมือนเลือดที่กำลังไหล มันยังไม่สามารถสร้างกำไรหรือบอกได้ว่าตัวไหนจะอยู่ตลอดไปในตอนนี้ แต่นี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เราจะบอกได้ว่า Chain ตัวไหนนั้นมีกำไร ไม่ใช่แค่นิดเดียว แต่ ‘เยอะ’ เราจะมาหาคำตอบกันว่า Chain ตัวไหนกำลังกำไร และมันทำกำไรอย่างไร?
Blockchain ที่ทำกำไรตัวแรกของโลก
US Dollar นั้นมีมูลค่ามากขนาดนี้ได้ ต้องขอบคุณการครองโลกของอเมริกา
Visa ร่ำรวยขนาดนี้ได้ ต้องขอบคุณเครือข่ายธุรกิจทั่วโลกที่ใช้งานธุรกิจของเขา ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาของคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับวงการคริปโตนั้นมันคือปัญหา ปัญหาคือมันไม่ได้ ‘ปลอดภัย’ ในความหมายของสังคมจริงๆ มันเป็นองค์กรที่รวมศูนย์ มี Layer หนึ่งที่เป็นผู้ตัดสินอยู่ดี มีผู้บริหารเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐ บริษัท หรืออะไรก็ตามแต่
Blockchain นั้นเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ธุรกิจที่อยู่บน Blockchain นั้นเปรียบเสมือนผู้ปกป้องความปลอดภัยของเรา คุณค่ามันอยู่ที่ความปลอดภัยในขณะที่เป็นการปกครองแบบกระจายศูนย์ Blockchain ได้ขาย Block และมีจำนวณ Block ที่ชัดเจนในแต่ละ Block แบบแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง เช่น
- Bitcoin ขาย Block ในทุกๆ 10 นาที โดยแต่ละ Block มีความจุอยู่ที่ 1MB ต่อ 1 ธุรกรรม
- Ethereum ขาย Block ทุกๆ 15 วินาที แต่มีความจุอยู่เพียง 80KB ซึ่งเทียบได้กับ 4 MB ต่อ 10 นาที
Block นั้นขับเคลื่อนธุรกรรม เป็นตัวสนับสนุนการดำเนินเศรษฐกิจของผู้ใช้งาน ซึ่งมันอาจจะเป็นการส่งเงิน แลกเปลี่ยน Token, ให้กู้ยืม, ออก NFT อะไรก็ตามแต่ที่มันสามารถโปรแกรมได้
จากในมุมมองของธุรกิจ Blockchain นี้เองที่เป็น Product ในตัวมันเอง เป้าหมายคือการสร้างคุณค่าในความจุของแต่ละ Block ให้ได้ และเก็บกำไรจากมัน
และอะไรหละที่เป็นคุณค่าของ Blockchain คำตอบคือ ‘ความปลอดภัย’
Blockchain ที่มีความปลอดภัยต่ำ, แต่ละธุรกรรมนั้นจะสามารถถูกย้อน ถูกปลอดแปลง ถูกโจมตีได้ อย่างเช่นเครือข่ายบางตัวที่ไม่ปลอดภัย ก็จะไม่มีคุณค่า คนก็จะไปใช้ Chain อื่น โดยเฉพาะเมื่อธุรกรรมขยายตัวเป็นจำนวนมากเป็นสิบล้านพันล้าน Transaction ความปลอดภัยก็จะยิ่งสำคัญขึ้นเป็นเท่าตัว
ยิ่งมันปลอดภัยมากเท่าไหร่ ความมั่นใจของคนอื่นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และนั้นเองทำให้คนหันมาทำธุรกรรมกันบน Blockchain ก่อนที่เราจะไปสนใจในเรื่องของความสามารถของ Chain แต่ละตัว เราต้องเข้าใจก่อนว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องอันดับ 1 สำหรับการปักหลักของ Crypto
แต่เพื่อที่จะทำให้มันปลอดภัย Blockchain นั้นก็มีมูลค่าที่จะต้องจ่ายด้วย Blockchain นั้นจะต้องมีผู้ตรวจสอบการเดินบัญชีในแต่ละครั้งเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบของการประมวลผลคอมพิวเตอร์อย่าง POS(Proof-of-stake) และ POW(Proof-of-work) ซึ่งจะทำให้เครือข่ายนั้นยิ่งปลอดภัยมากขึ้นและโจมตีได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ
💡 นี้คือสิ่งที่ Blockchain ต้องจ่ายเพื่อทำให้มันปลอดภัย
ทีนี้เราก็จะเข้าใจถึง Business Model ของ Blockchain กันแล้วว่า Chain ที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ‘รายจ่าย’ ที่เสียไป จะต้องถูกครอบคลุมด้วย ‘รายได้’ ที่ทำได้ ซึ่งมาจาก ค่าธรรมเนียม ถ้าหาก Chain ไหนมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ Chain นั้นก็จะขาดทุนและตกไป
ในฐานะที่เป็นนักลงทุนคริปโต สิ่งนึงที่คุณควรจะทำก็คือหา Blockchain ที่ทำกำไรได้มากที่สุด และลงทุนกับมัน ซึ่ง Blockchain ไหนที่ขาย Block ได้มากที่สุด (มีคนทำธุรกรรมมากที่สุด) นั้นอาจจะหมายความว่า Chain นั้นเริ่มที่จะยืนอยู่ได้ในตลาดนั้นๆ
คนเราจ่ายเป็นเป็นพันๆดอลล่าร์เพื่อซื้อ iPhone เพียงเพราะเราเพื่อว่า iPhone นั้นเป็นโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด ในปีที่แล้ว iPhone นั้นกินส่วนแบ่งตลาดไปได้เพียง 40% แต่มีกำไรไปมากกว่า 75% ของต้นทุน
การคำนวณเช่นนี้ก็เช่นเดียวกันกับ Blockchain ทุกๆ Chain เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ว่า Chain ที่มีของดีที่สุด คนก็ยอมจ่ายมันในราคาแพงที่สุดเช่นกัน
คำถามคือ ในตลาด Blockchain อะไรคือ Apple แห่ง Blockchain? ETH คือบล็อคเชนที่ทำกำไรได้เป็นที่แรก?
Trusted
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ
