พื้นฐานความรู้เรื่อง Tokenomic 101

พื้นฐานความรู้เรื่อง Tokenomic 101 หรือเศรษฐศาสตร์ของโทเค็นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของโปรเจ็ค web3 ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือ Developer ก็ตาม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโทเค็นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการลงทุนหรือการสร้างโปรเจ็ค

ความสามารถในการเพิ่มแรงจูงใจทางการเงินและเลเยอร์ของในโปรโตคอลเทคโนโลยี (เช่น โทเค็น) ในหลาย ๆ ด้านคือนวัตกรรมที่ crypto และ web3 นำมาโลกใบนี้

Tokenomics

Tokenomics คือสิ่งที่ช่วยให้ Bitcoin สามารถจัดเก็บมูลค่าแบบกระจายอำนาจ และ Ethereum เป็นเครือข่าย Computer แบบกระจายอำนาจในทุกวันนี้

Tokenomics ถูกสร้างขึ้นจากปัจจัยหลักสองประการ: 1. การทำความเข้าใจว่าโทเค็นของคุณมีจุดประสงค์อะไร และ 2. แง่มุมต่างๆ ที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของโทเค็น เหล่านี้เป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างว่าใครใช้โทเค็นของคุณและทำไมเขาถึงใช้

เมื่อคุณเข้าใจ**เหตุผลเบื้องหลังการใช้โทเค็น**ในโครงการ web3 แล้ว ก็ถึงเวลาทำความเข้าใจประเด็นสำคัญอื่นๆ ของโทเค็น: อุปสงค์และอุปทาน ในบทความนี้ ผมจะแยกย่อยคุณสมบัติที่ประกอบเป็นอุปทาน ในส่วนที่สอง ฉันจะกล่าวถึงความต้องการ นี่คือความรู้คริปโต ‘101’ เมื่อคุณเข้าใจหมดแล้ว คุณจะสามารถประเมินโครงการได้จากทุกมุม ไม่ว่าคุณจะเป็น Developer หรือนักลงทุน

• ส่วนที่ 1: ปัจจัยด้านอุปทานหลัก: ปริมาณโทเค็นทั้งหมดและอัตราเงินเฟ้อ การแจกจ่ายโทเค็นไปยังบุคคลภายในและคนอื่นสาธารณะ และการใช้ Staking
• ส่วนที่ 2: ปัจจัยความต้องการหลัก: การวัดยูทิลิตี้โทเค็น ROI, มีม และ Governance

อุปทานและอุปสงค์ของโทเค็นลดลงเหลือเพียงไม่กี่ปัจจัย ในภาพกว้างมันอาจจะดูง่ายง่าย แต่การทำความเข้าใจความซับซ้อนในระดับรายละเอียดเพื่อสร้างโทเค็นของคุณให้ถูกต้องนั้นยากมาก

อะไรคืออุปทานโทเค็น

ปริมาณโทเค็นของทุกโปรเจ็คประกอบด้วย:

1. อุปทานโทเค็นทั้งหมด (Total token supply)
2. อัตราการจำหน่ายและการออกครั้งแรกสาธารณะ (Public initial distribution and issuance rate)
3. การแจกจ่ายและให้สิทธิ์โดยบุคคลภายใน (Insider distribution and vesting)
4. การ Staking และล็อคโทเค็น (Staking & locked up tokens)

อุปทานโทเค็นทั้งหมด

ปริมาณโทเค็นทั้งหมดคือจำนวนโทเค็นที่โครงการมีรวมถึงอัตราเงินเฟ้อ Nat Eliason เคยกล่าวไว้ได้ดีมาก:

คำถามที่คุณต้องการถามตัวเองคือ:

1. ตอนนี้มีโทเค็นเหล่านี้อยู่กี่เหรียญ?
2. มันเคยสร้างมาทั้งหมดกี่เหรียญแล้ว?
3. เหรียญใหม่ออกเร็วแค่ไหน?

มันเป็นอัตราคงที่ 21 ล้านอุปทานเช่น Bitcoin หรือมีอุปทานเริ่มต้นที่มีอัตราเงินเฟ้อรายปีเช่น Audius ซึ่งเปิดตัวด้วยหนึ่งพันล้านเหรียญและอัตราเงินเฟ้อคงที่หรือไม่? จำนวนเหรียญทั้งหมดในโครงการของคุณไม่สำคัญมากนัก การมีเหรียญจำนวนมากมีผลกระทบทางจิตใจอย่างแน่นอน แต่จำนวนเหรียญไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน เช่นเดียวกับที่การแตกหุ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่ไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

สิ่งที่สำคัญคืออัตราเงินเฟ้อของโทเค็น ยิ่งอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเท่าใด ผู้ถือครองระยะยาวจะยิ่งขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น หาก Audius มีอัตราเงินเฟ้อ 7% ในปีต่อ ๆ ไป นั่นหมายความว่าผู้ถือโทเค็นรายอื่น ๆ ทั้งหมดได้รับผลกระทบจากการถูกลดมูลล่า 7%

นั่นเป็นการลดมูลค่าเป็นประจำทุกปี มีความหมายสองอย่าง อันดับแรก เว้นแต่ ROI ของคุณจะมีอย่างน้อย 7% ต่อปี เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อ คุณกำลังสูญเสียกำลังซื้อด้วยโทเค็นของคุณ นั่นอาจหมายถึงอรรถประโยชน์ที่น้อยลง สิทธิในการกำกับดูแล ผลตอบแทนจากการลงทุน หรือเพียงแค่สูญเสียกำลังซื้อในสกุลเงินดอลลาร์หรือเงื่อนไข ETH ความหมายประการที่สองคือ ROI ของคุณจะต้องสูงกว่านั้นมากจึงจะเป็นของจริง หากก่อนหน้านี้ให้ผลตอบแทน 7% เพียงพอ ตอนนี้คุณจะต้องมีผลตอบแทนจริง 7% ขึ้นไป

ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีความสำคัญในระยะยาว แต่โครงการ Crypto ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถอยู่รอดได้นานพอที่จะไปถึงปัญหาที่เกิดจากเงินเฟ้อ พวกมันตายก่อนด้วยการจัดแจกเหรียญช่วงเริ่มต้นและการออกเหรียญเยอะมากไป: พวกเขาไม่เข้าใจว่าว่ามีโทเค็นจำนวนเท่าใดในขณะนี้และจำนวนที่จะออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สิ่งนี้ต้องการความเข้าใจในความรู้ของการแจกเหรียญให้ดี

อัตราการขายเหรียญแก่สาธารณะครั้งแรก

อัตราการแจกจ่ายและการออกสู่สาธารณะครั้งแรกคือจำนวนโทเค็นที่แจกจ่ายสู่สาธารณะและความรวดเร็วที่โทเค็นของคุณจะอยู่ในมือสาธารณะ อย่างที่ไม่ใช่คนวงใน แต่สำหรับชุมชนของคุณ ใน Bitcoin จำนวนนี้จะเป็นเหรียญที่ไม่ได้ถือโดย HODLrs แรกๆ และนักขุดไม่ได้ถือและขายในตลาด¹ เนื่องจากแรงกดดันในการขายที่นักขุดต้องเผชิญใน Bitcoin เพื่อหาทุนในการขุดและต้นทุนในโลกแห่งความเป็นจริง อัตรานั้นเทียบเท่ากับอัตราการออกโปรโตคอล Bitcoin โดยรวม: การออกเหรียญลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ ~ สี่ปี

แต่เหรียญอื่น ๆ มีอัตราการออกสาธารณะที่แตกต่างกัน UNI เริ่มต้นด้วยการแจกแก้ชุมชนเริ่มต้น 172 ล้าน (17% ของการออกสี่ปีตามแผนทั้งหมด) อุปทานของชุมชนได้รับการวางแผนว่าจะเติบโต 75%, 28.5% และ 11% ในปีที่หนึ่งถึงสี่ตามลำดับ

อัตราการแจกจ่ายและการออกครั้งแรกของสาธารณะมีความสำคัญมาก นี่คือเหรียญที่หมุนเวียนในตลาดจริงในช่วงสองสามเดือนและปีแรกของโครงการ นี่คืออุปทานทั้งหมดที่ตลาดสามารถเข้าถึงได้ หากคุณมีอุปทานไม่เพียงพอตั้งแต่เนิ่นๆ แสดงว่ามีอุปสงค์เทียมเกิดขึ้น ซึ่งสามารถล้มเหลวได้อย่างง่ายดายในภายหลังหากอุปสงค์ไม่ตามทัน กลุ่มอุปทานนี้เป็นส่วนที่มีการควบคุมน้อยที่สุดของโทเค็นด้วย: ไม่มีสัญญาโทเค็นที่ตั้งค่าไดนามิกของโทเค็น ผู้ใช้สามารถทำอะไรกับมันได้ตามต้องการ

การแจกจ่ายและให้สิทธิ์โดยบุคคลภายใน

การกระจายข้อมูลภายในและการให้สิทธิ์เป็นสิ่งที่คลุมเครือที่สุดในสามส่วน และอาจสร้างผลกระทบได้มากที่สุด มีการมอบโทเค็นให้กับนักลงทุนและสมาชิกในทีมจำนวนเท่าใด พวกเขาสามารถขายในตลาดได้เมื่อใด เมื่อใดที่พวกเขาสามารถเดิมพันหรือใช้พวกเขาเพื่อมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล? การจัดสรรโทเค็นภายในในหลายโครงการอยู่ที่ประมาณ 40% จากอุปทานทั้งหมด ในช่วงสองปีแรกของการเปิดตัว สัดส่วนการถือหุ้นภายในสามารถแสดงถึงเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นมากของการหมุนเวียนหมุนเวียน

การมีความเข้าใจเกี่ยวกับกำหนดการการให้สิทธิและการกระจายข้อมูลภายในจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าโทเค็นจำนวนเท่าใดที่จะเข้าสู่อุปทานหมุนเวียนในตลาด

ตัวอย่างเช่น ในกรณีของโปรโตคอล Liquity ในเดือนที่ 13 ~50% ของอุปทานโทเค็นมาจากตลาดจากบุคคลภายในเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่า Liquity จะไม่มีอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวและมีมูลค่าสูงสุด 100 ล้านโทเค็น ใครก็ตามที่ถือโทเค็นในช่วงปีแรกสามารถคาดหวังว่าอุปทานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าหลังจากปีแรก

การ Stake และ Token ล็อคอัพ

การ Stalking (หรือการล็อคโทเค็นด้วยวิธีอื่น) เป็นวิธีการทั่วไปที่ใช้ในการหยุดยั้งจำนวณ Supply โดยเจ้าของโปรเจ็คเอง ทำไมพวกเขาไม่เพียงแค่ลด Supply เหรียญเฉยๆหละ? นั้นเป็นเพราะการเปิด Staking ทำให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งสองทาง: แจกจ่ายโทเค็นให้กับผู้ Staking จำนวนมากที่จะมีส่วนร่วมในโครงการในขณะที่อุปทานยังไม่ล้นตลาด โครงการต่าง ๆ หวังว่าผู้ถือโทเค็นจะได้รับผลตอบแทนเพื่อแลกกับสภาพคล่อง OlympusDAO เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสิ่งนี้ด้วย (3,3) meme ที่พวกเขาเผยแพร่ (3, 3) หมายความว่าถ้าตามทฤษฎีแล้วทุกคนถือโทเค็นของตน ทุกคนจะเป็นผู้ชนะ ไม่มีอุปทานเข้าสู่ตลาด ราคาสูงขึ้น ผู้ถือทั้งหมดมีกำไร

Staking & Token lockups: meme ของ OlympusDAO (3,3) ที่มา: OlympusDAO

น่าเสียดาย ที่มันซับซ้อนกว่านั้น เนื่องจากการโน้มน้าวให้ใครบางคน Stake คุณต้องครอบคลุมค่าเสียโอกาสของพวกเขา ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง นี่คือเหตุผลที่หลายโครงการพบว่าตนเองจ่าย APY สูงอย่างน่าขันให้กับผู้เดิมพัน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานมากเกินไป นี่เป็นชะตากรรมของ OlympusDAO และมีม (3, 3)

OlympusDAO ให้ผลตอบแทนสูงอย่างไม่น่าเชื่อ OHM โทเค็นของ OlympusDAO ในที่สุดก็เข้าไปในถีงขยะ (-3, -3) เนื่องจากผลตอบแทนและคำสัญญาของ OlympusDAO ไม่สามารถโน้มน้าวให้ผู้ถือถือต่อไปได้ (เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การพิจารณาโดย Jordi Alexander)

Tokenomics Supply & Demand 101

การทำความเข้าใจถึงลักษณะอุปสงค์และอุปทานของโทเค็นเป็นพื้นฐานสำหรับการประเมินโอกาสของโครงการ web3 เมื่อเห็นได้ชัดว่ามี**การใช้โทเค็นด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง** และมีศักยภาพที่จะจับมูลค่าในโลกแห่งความเป็นจริง ก็ถึงเวลาทำความเข้าใจว่าอะไรคืออุปสงค์และอุปทานของโทเค็น: ยูทิลิตี้ที่ส่งมอบให้กับใครและมากน้อยเพียงใด . เหตุผลที่คนถือและใช้มันคืออะไร? มีอุปทานจำนวนเท่าใดและจะออกในอัตราเท่าใด

ในส่วนของ Tokenomics 101 ฉันได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาโทเค็น หัวข้อแต่ละหัวข้อเหล่านี้ควรค่าแก่การลงลึกในเชิงลึก แต่ถ้าคุณทำได้ไกลถึงขนาดนี้ คุณก็พร้อมจะประเมินโครงการได้อย่างเต็มที่ด้วยตัวคุณเอง ในส่วนที่ 2 ของ Tokenomics 101 ฉันจะพูดถึงด้านอุปสงค์ของสมการและสัมผัสกับจุดที่อุปสงค์และอุปทานมาบรรจบกัน

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

YouHodler สำรวจเลย →

BYDFi สำรวจเลย →

CoinEx สำรวจเลย →

BingX สำรวจเลย →

Coinrule สำรวจเลย →

Bybit สำรวจเลย →

ดูเพิ่มเติม