Trusted

Litecoin vs Bitcoin อันไหนดีกว่า วิเคราะห์แบบละเอียดยิบ

11 mins
อัพเดทโดย Apinat Phosuwan

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจต่อสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติกองทุน Bitcoin ETFs Bitcoin ก็ได้กลายมาเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนในกระแสหลักในทันที และเมื่อเวลาผ่านไป ความสนใจที่มีต่อสกุลเงินดิจิทัลก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรู้ว่า Bitcoin อาจจะทำให้นักลงทุนร่ำรวยมากยิ่งขึ้นได้ และนับตั้งแต่ Bitcoin ถือกำเนิดขึ้นมา สกุลเงินดิจิทัลตัวอื่นๆ ก็ได้ถูกสร้างขึ้นตามมาเช่นกัน Litecoin (LTC) คือหนึ่งในเหรียญเหล่านั้น Litecoin มีพื้นฐานมาจากบล็อกเชนของ Bitcoin และมีหลายๆ สิ่งที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีความแตกต่างอยู่บางประการ และในบทความ “Litecoin vs Bitcoin” นี้ เราจะมาดูถึงความแตกต่างของสกุลเงินดิจิทัลทั้ง 2 ตัวนี้กัน

Bitcoin คืออะไร?

Bitcoin สร้างขึ้นโดย Satoshi Nakamoto ในปี 2009

Bitcoin เป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกในประวัติศาสตร์ที่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถสร้างและจัดการ “สกุลเงินดิจิทัล” ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลหรือธนาคารใดๆ ได้ แนวคิดปฏิวัติวงการนี้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2009 แต่ในปัจจุบัน มันได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักลงทุนทั่วไป รวมถึง มีการนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางโดยเหล่านักพัฒนามากมาย

ก่อนอื่น ให้คิดซะว่า Bitcoin เป็นโปรโตคอลซอฟต์แวร์ที่คุณใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับ SMTP ซึ่งใช้จัดการอีเมล หรือ HTTP ซึ่งใช้ส่งเนื้อหาเว็บจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังเบราว์เซอร์ของผู้ใช้งาน โปรโตคอล Bitcoin ช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานซอฟต์แวร์ดังกล่าวสามารถจัดการกับชุดข้อมูล (บล็อกเชน) และบังคับใช้กฎที่ทำให้ข้อมูลนี้ (Bitcoin) หายากและมีคุณค่าได้

ข้อกำหนดที่สำคัญของโปรโตคอล Bitcoin คือ:

  • การเข้ารหัส Public-Key: กระเป๋าเงินคริปโตจะมอบ Key 2 ตัวให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ Bitcoin ได้แก่ Public Key (ใช้โดยโปรโตคอลเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นเจ้าของ Bitcoin) และ Private Key (รหัสผ่านประเภทหนึ่งที่ทำให้แน่ใจว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง Bitcoin ของคุณได้ แต่คุณจะต้องเก็บรักษามันไว้อย่างปลอดภัยตลอดเวลา)
  • เครือข่ายแบบ Peer-to-Peer (P2P): Nodes (โหนด หรือ คอมพิวเตอร์ที่ใช้รันซอฟต์แวร์) จะตรวจสอบธุรกรรมต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎของซอฟต์แวร์ Miners (นักขุด) ซึ่งเป็นโหนดคอมพิวเตอร์ที่มีการทำงานแบบพิเศษ จะทำการแข่งขันกันเพื่อชิงสิทธิ์ในการจัดกลุ่มธุรกรรมเหล่านี้ออกมาเป็นบล็อก ซึ่งจะถูกนำไปเพิ่มลงในบล็อกเชนเป็นระยะๆ
  • อุปทานที่จำกัด: โปรโตคอลกำหนดให้ Bitcoins มีขีดจำกัดของอุปทานอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ โดยการใช้ SHA-256 ซึ่งเป็นแฮชฟังก์ชั่นที่เข้ารหัสที่จะทำการเข้ารหัสบล็อกเชน โดยแฮชฟังก์ชั่นจะเข้ารหัส Input Value (ข้อมูลที่ถูกป้อนลงไปในระบบ) แล้วแปลงออกมาเป็น Output (ผลลัพธ์) ที่มีความยาวคงที่

Litecoin คืออะไร?

Litecoin สร้างขึ้นโดย Charlie Lee ในปี 2011

Litecoin (LTC) เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกๆ ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ การเปิดตัว Litecoin เป็นแรงบันดาลใจให้นักพัฒนามากมายปรับแต่งโค้ดของ Bitcoin เพื่อสร้างสกุลเงินดิจิทัลตัวใหม่ๆ ขึ้นมา ถึงแม้ว่า Litecoin จะไม่ใช่สกุลเงินดิจิทัลตัวแรกที่คัดลอกโค้ด Bitcoin ไปใช้งานและเปลี่ยนฟังก์ชั่นการทำงาน อย่างไรก็ตาม มันก็ถือว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แม้ว่าอาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับมูลค่าที่ไม่ชัดเจน แต่ Litecoin ก็ยังคงสร้างสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงกลางปี 2010 เมื่อนักลงทุนเริ่มหมดความสนใจในสกุลเงินดิจิทัล Litecoin ก็ได้เริ่มพัฒนาคุณสมบัติอื่นๆ ขึ้นมาเพื่อใช้งาน เช่น Lightning Network และ Segregated Witness ซึ่งตอนนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Bitcoin แล้ว

ตลาดมองว่าความพยายามเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงมูลค่าของ Litecoin มากกว่าที่จะเป็นการแข่งขันระหว่างเครือข่าย Litecoin โดดเด่นกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ตรงที่มันทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมของ Bitcoin มาโดยตลอด ในช่วงแรกๆ ของการทำการตลาดของโปรเจกต์นี้ Bitcoin ได้รับการโปรโมตว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” และ Litecoin เป็น “เงินดิจิทัล”

องค์ประกอบที่สำคัญของโปรโตคอล Litecoin มีดังนี้:

  • Scrypt: Litecoin ใช้ Scrypt เป็นแฮชฟังก์ชั่น โดยจะใช้ SHA-256 คล้าย Bitcoin แต่จะต้องใช้หน่วยความจำที่สูงกว่ามากสำหรับการพิสูจน์การทำงาน (Proof-of-Work) นี่เป็นการลดการพึ่งพาหน่วยตรรกะทางคณิตศาสตร์ (ALU) ของ GPU และลดการพึ่งพาเครื่องขุด ASIC เช่นเดียวกัน

ความคล้ายคลึงกันระหว่าง Litecoin และ Bitcoin

ถึง Litecoin จะยังมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น ระบบการขุดที่เป็นเอกลักษณ์, เวลาสร้างบล็อกที่รวดเร็ว, และอุปทานสูงสุดที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ของ Litecoin นั้นคล้ายคลึงกับ Bitcoin เป็นอย่างมาก และทั้ง Bitcoin และ Litecoin ก็เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจที่เป็นอิสระจากรัฐบาลหรือหน่วยงานกลางใดๆ

นี่คือเรื่องสำคัญ 2 ประการที่คล้ายคลึงกัน:

  • Proof-of-Work (PoW): ทั้ง Bitcoin และ Litecoin ใช้ฉันทามติแบบ Proof-of-Work (PoW) ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเพิ่มบล็อก กล่าวง่ายๆ ก็คือ นักขุดคริปโตจะใช้อัลกอริธึมแฮชเพื่อแก้ไขปริศนาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เพื่อทำการชิงสิทธิ์ในการเพิ่มบล็อกธุรกรรมที่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องแล้วลงไปในบล็อกเชน ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับรางวัล
  • จัดเก็บและซื้อขาย: เหตุผลหลักที่นักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลเลือก Bitcoin และ Litecoin มากกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ก็เนื่องมาจากความสะดวกในการซื้อขาย สกุลเงินดิจิทัลทั้ง 2 ตัวนี้สามารถซื้อหรือแลกเปลี่ยนได้โดยใช้แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชั้นนำมากมาย และทั้ง 2 เหรียญก็มีวิธีการขุดที่ค่อนข้างง่ายเช่นกัน นอกจากนี้ ความคล้ายคลึงกันอื่นๆ ของ Bitcoin และ Litecoin ได้แก่ ความต้องการกระเป๋าเงินแบบ Cold Wallets ในการจัดเก็บ, มีราคาใกล้เคียงกัน และเผชิญกับกฎระเบียบเดียวกัน อีกทั้ง ราคาของทั้งคู่ก็มีความผันผวนสูงเหมือนกันอีกด้วย

Litecoin และ Bitcoin: ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด

Litecoin และ Bitcoin มีความแตกต่างกันอยู่บางประการ

แม้ว่า Litecoin และ Bitcoin จะมีความคล้ายคลึงกันมากมายในระดับคอร์หลักของเครือข่าย แต่มันก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้างบางประการเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น เรามาดูความแตกต่างอื่นๆ ระหว่าง Litecoin และ Bitcoin กันดีกว่า

ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่าง Bitcoin และ Litecoin คืออัลกอริธึมแฮชฟังก์ชั่นของพวกเขา อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า Bitcoin ใช้ SHA-256 ซึ่งได้รับการประมวลผลอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ ALU ของ GPU ในขณะที่ Litecoin จะใช้เป็น Scrypt ที่ทำงานคล้ายๆ กันแต่จะเน้นไปที่การพึ่งพาหน่วยความจำมากกว่า

มูลค่าตลาด

ข้อแตกต่างที่สำคัญอีกประการระหว่าง Bitcoin และ Litecoin คือ มูลค่าตลาดโดยรวม หรือก็คือ มูลค่าของเหรียญทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นมาซึ่งถูกตีค่าด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ Bitcoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่อยู่ในอันดับหนึ่งในปัจจุบัน (1.3 ล้านล้านดอลลาร์) ในขณะที่ Litecoin อยู่ในอันดับที่ 20 (6.6 พันล้านดอลลาร์)

อุปทานสูงสุด

อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างก็คือจำนวนเหรียญทั้งหมดที่โปรโตคอล Bitcoin และ Litecoin สามารถสร้างขึ้นมาได้ อุปทานของ Bitcoin จะถูกจำกัดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ ในขณะที่ Litecoin จะมีขีดจำกัดของอุปทานที่สูงกว่าที่ 84 ล้านเหรียญ

ถึงแม้ว่า Litecoin อาจจะดูดีกว่าในเชิงทฤษฏี แต่จริงๆ แล้วอุปสงค์และอุปทานคือสิ่งที่กำหนดราคาของบรรดาผลิตภัณฑ์และสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ดังนั้น หากผู้คนต้องการอะไรมากกว่า ราคาของมันก็จะสูงขึ้น และตอนนี้ ผู้คนต้องการ Bitcoin เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่ามันมีคุณค่าและเหมาะกับเป้าหมายทางการเงินของพวกเขา ทำให้ราคาของมันสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องดังกล่าว

ความเร็วในการทำธุรกรรม

ในเรื่องของความเร็วในการทำธุรกรรม Litecoin นั้นถูกออกแบบให้สามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ธุรกรรมบนเครือข่าย Bitcoin จะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีในแต่ละครั้ง ในขณะที่เครือข่าย Litecoin จะได้ใช้เวลาราวๆ 2.30 นาทีในธุรกรรมแต่ละครั้ง

อัลกอริธึม

ทั้ง Bitcoin และ Litecoin ต่างก็เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Work เพื่อเพิ่มบล็อกใหม่ให้กับบล็อกเชน อย่างไรก็ตาม อัลกอริธึมของ Litecoin จะมีความซับซ้อนน้อยกว่าและมีอัตราแฮชที่ต่ำกว่า

Bitcoin จะใช้ SHA-256 ซึ่งได้รับการประมวลผลอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ ALU ของ GPU ในขณะที่ Litecoin จะใช้เป็น Scrypt ที่ทำงานคล้ายๆ กันแต่จะเน้นไปที่การพึ่งพาหน่วยความจำมากกว่า

ดังนั้น การทำงานของ Bitcoin และ Litecoin จึงมีลักษณะที่คล้ายกันมาก ทั้ง 2 ต่างต้องการพลังการประมวลผลจำนวนมหาศาลในการขุดบล็อกบนเครือข่ายหลัก

ขนาดบล็อก

ทั้ง Bitcoin และ Litecoin เดิมมีขนาดบล็อกจำกัดที่ 1MB อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดนี้สามารถแทนที่ได้โดยการใช้โซลูชั่นการประมวลผลธุรกรรมแบบ Off-Chain หรือ Layer 2 ซึ่งช่วยให้สามารถทำธุรกรรมพร้อมๆ กันได้มากยิ่งขึ้น

ค่าธรรมเนียมธุรกรรม

ในแง่มุมหนึ่ง Litecoin ก็มีเป้าหมายที่จะลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม โดยเฉลี่ยแล้ว บนเครือข่าย Litecoin ผู้ใช้งานจะต้องจ่ายเงินประมาณ 0.03 ดอลลาร์หรือ 0.04 ดอลลาร์ต่อธุรกรรม ในขณะที่ค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยของ Bitcoin อยู่ที่ 7.60 ดอลลาร์ ทำให้ Litecoin ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างต่ำ

เปรียบเทียบการขุด Litecoin vs Bitcoin

เปรียบเทียบการขุด Litecoin vs Bitcoin

ทั้ง Litecoin และ Bitcoin มีอุปทานที่จำกัด อุปทานของ Bitcoin อยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ และ Litecoin อยู่ที่ 84 ล้านเหรียญ เมื่อเหรียญทั้งหมดถูกขุดออกมาแล้ว ก็จะไม่สามารถขุดมากเกินไปกว่านี้ได้ ดังนั้น เครือข่ายของทั้งคู่จึงมีระบบการปรับความยากในการขุด ทำให้อัตราการสร้างบล็อกใหม่คงที่ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Bitcoin เหรียญสุดท้ายจะไม่ถูกขุดจนกว่าจะถึงปี 2100 ความขาดแคลนที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยให้เหรียญที่ถูกสร้างขึ้นมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นได้

ในส่วนของ Litecoin ก็มีการคาดการณ์ว่าจะถึงขีดจำกัดของอุปทานในช่วงเวลาเดียวกัน โดยที่ Bitcoin ให้รางวัลแก่นักขุดทุกๆ 210,000 บล็อก ในขณะที่ Litecoin ให้รางวัลแก่นักขุดทุกๆ 840,000 บล็อก

ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งการขุด Bitcoin และ Litecoin นั้นใช้ระบบ Proof-of-Work แต่ด้วยอัลกอริธึมที่เรียบง่ายกว่าของ Litecoin ช่วยให้นักขุดเข้าร่วมเครือข่ายได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษใดๆ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในการขุด

ทุกอย่างเริ่มต้นอย่างไร

Charlie Lee เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ Google ก่อนที่จะสร้าง Litecoin ขึ้นในปี 2011 เขาสร้าง Litecoin เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่กำลังมองหาวิธีการประมวลผลธุรกรรมที่รวดเร็วยิ่งขึ้น จากนั้น เขาก็หยุดพัฒนา Litecoin และออกไปทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมให้กับกระดานเทรดคริปโตแห่งหนึ่งในช่วงปี 2013 ถึง 2017

Charlie Lee ออกจากบริษัทกระดานเทรดคริปโตในช่วงปลายปี 2017 และอุทิศตนเองให้กับการพัฒนา Litecoin ปัจจุบัน เขาเป็นกรรมการผู้จัดการของ Litecoin Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศให้กับโปรเจกต์ Litecoin

ในปี 2008 Satoshi Nakamoto ได้เผยแพร่เอกสารไวท์เปเปอร์เกี่ยวกับ Bitcoin ในชื่อ <Bitcoin: A P2P Electronic Cash System> เขาสร้าง Bitcoin ขึ้นในปี 2008 เพื่อตอบสนองต่อภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก เมื่อซอฟต์แวร์เปิดตัว เขารับรองว่าเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบกระจายอำนาจนี้จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลได้

Satoshi หายตัวไปจากโปรเจกต์ในปี 2011 และไม่เคยมีใครได้ยินเกี่ยวกับเขาหรือพบเห็นเขาอีกเลย ตั้งแต่นั้นมา นักพัฒนาหลายร้อยคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงโค้ดของ Bitcoin ตั้งแต่การแก้ไขข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึง การปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม

ทั้ง Bitcoin และ Litecoin ต่างก็เป็นผู้บุกเบิกเส้นทาง

มีการคาดการณ์ว่าทั้ง Litecoin และ Bitcoin จะยังคงได้รับความนิยมต่อไป แต่อาจจะเป็นไปได้ยากที่ Litecoin จะขึ้นไปแซงหน้า Ethereum ได้ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024 Litecoin มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 5.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในทางกลับกัน มูลค่าตลาดของ Ethereum อยู่ที่ 2.91 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 47% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าช่องว่างระหว่าง Litecoin และ Ethereum กำลังกว้างขึ้น

Litecoin และ Bitcoin จะเติบโตมากยิ่งขึ้นทั้งในเรื่องคอมมูนิตี้ของผู้ใช้งาน, นักขุด, นักพัฒนา, และผู้สนับสนุนโหนด เราอาจจะได้เห็น Litecoin มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมันเป็นตัวเลือกในการชำระเงินแบบ P2P ที่มีราคาถูก นอกจากนี้ Bitcoin ก็จะยังคงทำหน้าที่ในฐานะ “ทองคำดิจิทัล” ต่อไป เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้นๆ นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม 2024 กองทุน Bitcoin Spot Exchange-Traded Fund (ETF) ยังได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วยให้คนทั่วไปสามารถลงทุนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อย

Litecoin ดีกว่า Bitcoin หรือไม่?

Litecoin ยังเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่?

🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024
🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024
🎄แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | ธันวาคม 2024

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

Akhradet-Mornthong-Morn.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน