ดูเพิ่มเติม

Merkle Tree Proof of Reserves คืออะไร?

3 mins
โดย Ryan Glenn
แปลแล้ว Akradet Mornthong

พื้นที่ Crypto ในปีนี้นั้นถือว่าเป็นปีที่ยากลำบาก การล่มสลายของ FTX, Three Arrows Capital และ Celsius ทำให้หลายๆ คนได้รับผลกระทบและพร้อมที่จะเดินหนีจากเหล่าสกุลเงินแบบกระจายอำนาจนี้ไปตลอดกาล แต่ด้วย Proof of Reserves กระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchanges) จะสามารถฟื้นฟูความไว้วางใจในระบบนิเวศของ Crypto ได้ แต่ Proof of Reserves คืออะไร?

Proof of Reserves จะช่วยส่งเสริมความโปร่งใสของกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEXs) และแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ เหล่านักสืบออนไลน์เชื่อว่ามันจะสามารถแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของคู่สัญญาในบริการเก็บรับฝากทรัพย์สินต่างๆ ได้ แต่มันคืออะไรกัน?เหมือนกับที่ธนาคารได้รับคำสั่งให้เปิดเผยรายงานประจำปีเพื่อรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ กระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEXs) ก็จะมี Proof of Reserves

Merkle Tree คืออะไร?

เพื่อทำความเข้าใจว่า Proof of Reserves ทำงานอย่างไร คุณจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับ Merkle Tree เสียก่อน Merkle Tree นั้นเป็นโครงสร้างข้อมูลประเภทหนึ่งในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยมันจะช่วยให้สามารถยืนยันเนื้อหาของชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ตลอดไปจนถึงการรับรองความถูกต้องของข้อมูล

Merkle Tree (หรือในอีกชื่อว่า Hash Tree หรือ Binary Hash Tree) นั้นจะประกอบด้วย Hash (แฮช) ต่างๆ ซึ่ง Hash เหล่านี้จะรู้จักกันในชื่อว่า “Leaf Nodes” โดย Hash Tree นั้นจะเชื่อมและจับคู่ Leaf Nodes เข้าด้วยกัน ส่งผลให้เกิด Parent Node (โหนดพ่อแม่) หรือ Hash

กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปจนกว่าจะมี Single Node ที่ “ด้านบนสุด” ของ Tree โดย Node นี้จะถูกเรียกว่า Merkle Root กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ:

  1. คุณมีข้อมูล (A, B, C, D)
  2. ข้อมูลคือแฮช H(A), H(B), H(C), H(D)
  3. ถัดไปคือคู่แฮช H(A,B), H(C,D)
  4. สุดท้าย ข้อมูลจะถูกสรุปเป็น Merkle Root H(A,B,C,D)

ข้อมูล (A,B,C,D ในตัวอย่างของเรา) ใน Merkle Tree นั้นอาจจะเป็นธุรกรรม, บัญชี, ยอดคงเหลือของสกุลเงินดิจิทัล หรือแม้แต่ Parent Node เอง วิธีการสร้าง Tree จาก 4 Leaf Nodes (ตัวอย่างเช่น ธุรกรรม) นี้สามารถใช้สร้าง Tree ในขนาดใดๆ ก็ได้

แผนผังภาพ Leaf Nodes ใน Merkle Tree

Bitcoin นั้นมีธุรกรรมตั้งแต่หลายร้อยไปจนถึงมากกว่าพันรายการซึ่งทั้งหมดอยู่ในบล็อกเดียว บล็อกทั้งหมดจะ “Merkelize” ด้วยวิธีเดียวกัน โดยการสร้างข้อมูล 32 ไบต์เป็น Merkle Root หนึ่งตัว โดย Merkle Root จะสรุปธุรกรรมทั้งหมดเข้าไปอยู่ในข้อมูล 32 ไบต์

เพื่อที่จะตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม ผู้ใช้งานก็แค่เพียงตรวจสอบแฮช (Transaction ID/Leaf Node) เท่านั้น หากธุรกรรมถูกเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม แฮชที่เป็นผลลัพธ์ก็จะเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับ Parent Node และ Merkle Root ดังนั้น Merkle Tree จึงเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันการปลอมแปลงและใช้สำหรับตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้อย่างยอดเยี่ยม

Proof of Reserves คืออะไร?

กระดานเทรด Cryptocurrency แบบรวมศูนย์ส่วนใหญ่นั้นจะเก็บบัญชีแยกประเภทและงบดุลไว้เป็นการส่วนตัว — ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับลักษณะพื้นฐานของ Crypto โดย Proof of Reserves จะเป็นข้อปฏิบัติของธุรกิจรับฝากทรัพย์สินที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัลและสร้างหลักฐานการรับรองต่อเงินสำรองของพวกเขาในแบบสาธารณะ ข้อมูลเหล่านี้จะตรงกับยอดคงเหลือของผู้ใช้งาน กล่าวโดยสรุปก็คือ มันคือสถานะของเงินสำรอง Cryptocurrency จากส่วนกลางที่โปร่งใสและเป็นสาธารณะ ซึ่งสามารถยืนยันผ่านการตรวจสอบได้

หลักการบัญชีของประเทศส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ระบุถึงสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้แล้ว เทคนิคการตรวจสอบส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถนำมาปรับใช้งานกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ และนี่เป็นตอนที่ Proof of Reserves ก้าวเข้ามามีส่วนร่วม

Celsius, Three Arrows Capital และ FTX (รวมถึงกระดานเทรดแบบรวมศูนย์รายอื่นๆ ที่เลิกกิจการหรือล้มละลายไปแล้ว) ต่างพบกับวิกฤตในการขาดสภาพคล่อง และการที่พวกเขาต่างขาดความโปร่งใสนั้นทำให้หลายๆ คนต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ได้แก่นักลงทุนรายย่อย, สถาบัน, และเจ้าหนี้ต่างๆ

เมื่อในที่เหล่ากระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEXs) ไม่สามารถรองรับการ Bank Run (การที่ผู้คนต่างแห่กันไปถอนสินทรัพย์และปิดบัญชีเงินฝากของผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ จนก่อให้เกิดวิกฤตสภาพคล่อง) ได้ หมายความว่าพวกเขาจะล้มละลาย หากบริษัทมี Proof of Reserves มันจะเป็นหลักฐานว่าบริษัทนั้นถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณจริงๆ ดังนั้น ผู้ใช้งานจะสามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ตลอดเวลาโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ

อนึ่ง Proof of Reserves นั้นมักจะนำไปใช้กับโทเค็นแบบ “Wrapped” และ Stablecoins เช่นกัน ในทั้ง 2 กรณี บริษัทหรือบริการจะรับฝากทรัพย์สินของคุณและสร้างบันทึกหรือ IOU ที่เกี่ยวข้องในรูปแบบ 1:1 บริษัทเหล่านี้หลายๆ แห่งไม่มีความโปร่งใสเกี่ยวกับจำนวนสินทรัพย์ของผู้ใช้งาน

Merkle Tree Proof of Reserves ทำงานอย่างไร?

Merkle Tree จะตรวจสอบยืนยันชุดข้อมูลขนาดใหญ่โดยไม่ต้องคำนวณข้อมูลใหม่ พวกเขายังแยก “Proof” ของข้อมูลออกจากตัวข้อมูลอีกด้วย

หาก Hash ใน Merkle Tree รักษาคุณสมบัติทางคณิตศาสตร์ไว้ได้ ดังนั้นมันก็ป้องกันการปลอมแปลงได้เช่นกัน ผู้ใช้งานสามารถระบุความถูกต้องของชุดข้อมูลได้ด้วยข้อมูลเพียงส่วนเดียวจากชุดนั้นๆ ไอเดียหลักๆ ของ Proof of Reserves คือการพิสูจน์ต่อสาธารณชนว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ฝากไว้นั้นสะท้อนให้เห็นถึงยอดเงินในบัญชีจริงของพวกเขา

ลองนึกภาพว่า Leaf Nodes คือยอดคงเหลือในบัญชีจริงของผู้ใช้งาน และ Merkle Root คือผลรวมของยอดคงเหลือในบัญชีผู้ใช้งานทั้งหมดของกระดานเทรดในแบบเรียลไทม์ ทำให้เมื่อกระดานเทรดยืนยันว่าพวกเขามีเงินสำรองเท่าใด ผู้สอบบัญชีอิสระจะมีภาพรวมของจำนวนเงิน เทียบกับจำนวนเงินที่กระดานเทรดอ้างว่าพวกเขามี Merkle Tree Proof of Reserves นี้คือวิธีที่จะยืนยันข้อมูลนี้ได้

ด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้งานจะสามารถยืนยันยอดคงเหลือของตนเองได้ สุดท้ายแล้ว พวกเขาสามารถใช้ Unique ID และยอดคงเหลือในบัญชีของพวกเขา ทำการแฮชมัน แล้วค้นหามันใน Tree การตรวจสอบหลายๆ รอบช่วยให้มั่นใจได้ว่าโครงสร้างของ Tree ทั้งหมดนั้นมีความถูกต้อง และผู้ตรวจสอบภายนอกก็สามารถตรวจสอบได้

ประโยชน์และข้อจำกัดของ Proof of Reserves

การตรวจสอบ Proof of Reserves นั้นเป็นการแสดงเจตนาดีต่อสาธารณชน มันช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริษัทต่างๆ มุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจผ่านการกำกับดูแลตนเอง การตรวจสอบ Proof of Reserves ยังรับประกันว่าบริษัทหรือบริการแบบรวมศูนย์ใดๆ จะไม่โอนเงินของคุณไปให้อยู่ในความดูแลของคู่สัญญา

แม้ว่าการตรวจสอบ Proof of Reserves จะเป็นวิธีที่ดีในการสร้างความไว้วางใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อจำกัด สิ่งที่นำไปสู่การล่มสลายของ FTX ในท้ายที่สุดนั้นก็คือหนี้สิน หนี้สินก็คือภาระผูกพัน โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นหนี้ที่บริษัทเกิดกับบุคคลอื่นๆ (เช่น เจ้าหนี้)

ในบางกรณี หนี้สินนั้นคือเงินทุนของผู้ใช้งาน หรือพูดอีกอย่างคือ มันอาจจะเป็นเงินกู้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ การตรวจสอบ Proof of Reserves นั้นไม่ได้หมายความถึงความสามารถในการชำระหนี้ หากบริษัทมีเงินกู้คงค้างหรือผู้ลงทุนที่ได้รับการประกัน ฝ่ายหลังจะได้รับความสำคัญสูงสุดในกรณีที่เกิดการล้มละลาย

ซึ่งนั่นหมายความว่านักลงทุนรายใหญ่อาจจะได้รับผลประโยชน์จากสินทรัพย์ของบริษัทก่อนใคร และจะได้รับการชดเชยสิ่งที่สูญเสียไปก่อน ตามหลักการแล้ว Proof of Reserves (หลักฐานของเงินสำรอง) > Proof of Liabilities (หลักฐานของหนี้สิน) => Solvency (ความสามารถในการชำระหนี้) นอกจากนี้แล้ว เหล่ากระดานเทรดก็สามารถเคลื่อนย้ายเงินสำรองได้

การรับรอง ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจะรับประกันเรื่องเงินสำรอง ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ กระดานเทรดสามารถย้ายเงินของผู้ใช้งานออกไปได้หลังจากมีการดำเนินการตรวจสอบแล้ว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถยืมเงินทุนมาเพื่อพิสูจน์ปริมาณเงินสำรองของพวกเขา จากนั้นจึงส่งคืน ซึ่งทำให้พวกเขาไม่มีความสามารถในการชำระหนี้จริงๆ

การวิเคราะห์แบบ On-Chain นั้นทำได้ยาก เนื่องจากบริษัทกระดานเทรดมักจะเป็นเจ้าของกระเป๋าเงินจำนวนมาก ซึ่งบางกระเป๋าก็ไม่ได้มีการเปิดเผย ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทต่างๆ ยังมีบัญชีคงค้างระหว่างกันและกัน ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไปยากที่จะพิสูจน์ทั้งเงินสำรองและหนี้สินของพวกเขา

Merkle Tree
Binance Wallets On-Chain

การตรวจสอบมีวิธีดำเนินการอย่างไร?

Merkle Tree

การตรวจสอบที่ดีควรจะมีคุณสมบัติ 3 ประการ:

  • ผู้สอบบัญชีได้รับบันทึกเงินฝากของลูกค้าทั้งหมด
  • ความสามารถในการตรวจสอบยืนยันว่าจำนวนเงิน Fiat และสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดในมือ ณ วันและเวลาที่ทำการตรวจสอบนั้นเพียงพอที่จะครอบคลุมหนี้สินของลูกค้า
  • บริษัทเป็นเจ้าของเงินที่พวกเขาอ้างว่าเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

การตรวจสอบ Proof of Reserves นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา ขั้นตอนการดำเนินการ “การตรวจสอบ Proof of Reserves” มีดังต่อไปนี้

  1. บุคคลที่สามที่เป็นกลางจะเก็บภาพรวมที่ไม่ระบุตัวตนของยอดคงเหลือของผู้ใช้งานในกระดานเทรด
  2. คำนวณโดยการแฮช Unique ID ของผู้ใช้งานและยอดคงเหลือในบัญชี
  3. ผู้สอบบัญชีจะรวบรวมแฮชเหล่านี้ไว้ใน Merkle Tree และสร้าง Merkle Root
  4. หลังจากนั้น ผู้สอบบัญชีจะรวบรวมลายเซ็นดิจิทัลของบริษัท ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาควบคุม Address ที่ถือครองสินทรัพย์ On-Chain เหล่านั้น
  5. ผู้สอบบัญชีสามารถยืนยันได้ว่าแพลตฟอร์มมีสินทรัพย์ของลูกค้าทั้งหมดอยู่ในการสำรอง หากยอดคงเหลือในลายเซ็นดิจิทัลที่เกี่ยวข้องตรงกับที่ค้นพบผ่าน Merkle Tree

จะตรวจสอบเงินสำรองของบริษัทได้อย่างไร?

Merkle Tree

ในขณะที่แนวทางปฏิบัตินั้นเพิ่งจะเริ่มขึ้น มันก็มีวิธีการตรวจสอบยืนยัน Proof of Reserves ของบริษัท สำหรับผู้ใช้งานรายบุคคล แพลตฟอร์มอาจจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีตรวจสอบ Proof of Reserves ของพวกเขา ทั้ง Kraken และ Gate.io ได้จัดเตรียมแหล่งข้อมูลไว้บนเว็บไซต์ของพวกเขาเพื่อยืนยันเรื่องเงินสำรอง ซึ่งรวมถึง:

  • คำแนะนำในการค้นหา Unique User ID ของคุณ
  • จะทำการตรวจสอบได้ที่ไหน
  • วิธีเปรียบเทียบ User ID และยอดคงเหลือที่แฮชแล้วกับภาพรวมของบัญชีของคุณ

หากคุณมีบัญชีกับกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ที่มี Proof of Reserves คุณควรตรวจสอบเพื่อดูว่าพวกเขามีคำแนะนำสำหรับผู้ใช้งานรายบุคคลหรือไม่ หากบริษัทไม่มีการนำเสนอ Proof of Reserves สำหรับผู้ใช้งานรายบุคคล บริการต่างๆ เช่น Nansen ก็จะเก็บรักษาบันทึก Proof of Reserves สำหรับบริษัทต่างๆ “เรากำลังร่วมงานกับบริษัทกระดานเทรดเพื่อแสดง Proof of Reserves บน @nansenportfolio เพื่อให้ทุกคนได้ตรวจสอบการถือครองโทเค็นและธุรกรรมของพวกเขา” Nansen กล่าวบนหน้า Twitter อย่างเป็นทางการ

Nansen เก็บรักษาบันทึก Proof of Reserves ของเหล่ากระดานเทรดแบบรวมศูนย์ที่มีชื่อเสียง, บริการ DeFi, DAO, และกองทุนต่างๆ ลิสต์ดังกล่าวประกอบไปด้วยบริษัทระดับชั้นนำอย่าง Binance, Kucoin, Huobi, dYdX, Uniswap และ Aave

Merkle Tree
Nansen Dashboard ที่แสดงการถือครองของเหล่ากระดานเทรด

Nic Carter — ผู้ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในแวดวง Crypto ผู้ซึ่งเป็นบอร์ดบริหารที่ Coin Metrics — ยังเก็บรักษาบันทึกของบริษัทที่ดำเนินการการรับรอง Proof of Reserves โดยจะแบ่งเป็นรายชื่อตาม:

  • กระดานเทรด
  • ผู้ให้บริการสินเชื่อ
  • ประกาศแล้ว/มีแผนที่จะดำเนินการ
  • การตรวจสอบยืนยันบางส่วน
  • ผู้ออก Stablecoin/ETP
  • หลักฐานแสดงทรัพย์สิน (ไม่มีหนี้สินที่เกี่ยวข้อง)

Proof of Reserves จะจำเป็นในอนาคตหรือไม่?

อนาคตนั้นจะดูสดใสหากมีความโปร่งใสของบริการรับฝากทรัพย์สินในสกุลเงินดิจิทัล ในขณะที่เขียนบทความนี้ โปรเจกต์ต่างๆ เช่น Chainlink เสนอฟีด Proof of Reserves ผ่านเครือข่าย Oracle แบบกระจายอำนาจ (DON) ของพวกเขา บริการเหล่านี้มีให้บริการสำหรับทั้งการสำรองแบบ On-Chain และ Off-Chain

ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่มันเป็นแนวทางปฏิบัติใหม่ มันจึงมีศักยภาพที่จะทำให้เกิดผู้ประกอบวิชาชีพใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากบริการตรวจสอบบัญชี ผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชีสาธารณะจำนวนมากนั้นไม่อยากจะเข้ามาข้องแวะกับกระดานเทรดหรือแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ด้วยสิ่งนี้ มันจะก่อให้เกิดพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่มขึ้นมา

ในกรณีของการเป็นกฏเกณฑ์ต่ออุตสาหกรรมในวงกว้าง Proof of Reserves อาจจะช่วยป้องกันการออกกฎหมายที่รุนแรง(ต่ออุตสาหกรรม)ได้ การควบคุมดูแลด้วยตนเองนั้นก็เป็นเพียงหลักการของการกระจายอำนาจที่ขยายขอบเขตเพิ่มเท่านั้น

คำถามที่พบบ่อย

Proof of Reserves คืออะไร?

เราจะตรวจสอบการถือครอง Crypto ได้อย่างไร?

Kraken ได้รับการตรวจสอบหรือไม่?

เหตุใดปริมาณเงินสำรองที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจึงมีความสำคัญ?

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

bic_photo_6.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน