“เทคโนโลยีบล็อกเชน” คือสิ่งที่เข้ามาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อุตสาหกรรม ซึ่งต้องขอบคุณคุณสมบัติตามธรรมชาติของบล็อกเชน เช่น ความสามารถในการไม่สามารถเปลี่ยนรูป, ปลอมแปลง, หรือแทรกแซงได้ และ การกระจายอำนาจ เป็นต้น หนึ่งคำถามที่น่าสนใจก็คือ แล้ว “บริษัทคริปโต” ที่เป็นผู้นำในเรื่องนี้หล่ะ? ใครที่เราควรจับตามองในปี 2024 นี้? ในบทความนี้ เราจะมาดูรายชื่อของ 11 บริษัทคริปโต ที่น่าจับตามองในปี 2024 ที่ไม่เพียงแต่ไหลตามกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง แต่ยังเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
แนวโน้มในการนำ Crypto และ Blockchain ไปใช้งานในปี 2024
ถึงแม้ว่า อัตราการนำเอาสกุลเงินดิจิทัลไปใช้งานอาจจะไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์และเหล่าสาวกเคยคาดการณ์ไว้ แต่มันก็ยังสูงพอสมควร เมื่อพิจารณาถึงเรื่องอุปสรรคต่างๆ ในด้านกฎระเบียบ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตลาด การเติบโตในระดับปานกลางแต่มั่นคงคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า “ตลาดคริปโต” มีความยืดหยุ่นมากเพียงใดเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันจากโลกภายนอก
เมื่อดูที่ Crypto Adoption Index ล่าสุดของ Chainalysis ซึ่งนำเสนอภาพรวมโดยละเอียดเกี่ยวกับแนวโน้มของการนำเอาสกุลเงินดิจิทัลไปใช้งานทั่วโลก เราก็จะได้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
Chainalysis ให้คะแนนประเทศต่างๆ ด้วยตัวชี้วัด 3 ประการ ได้แก่ กิจกรรมของสกุลเงินดิจิทัลโดยรวม, การซื้อขายโดยผู้ใช้งานทั่วไป และ ปริมาณการซื้อขายแลกเปลี่ยนแบบ P2P น้ำหนักของตัวชี้วัดเหล่านี้จะถูกคำนวณจากกำลังซื้อต่อคน และภาพรวมโดยสรุปของผลการวิจัยในปี 2023 มีดังนี้
ผลลัพธ์ในระดับภูมิภาค
- อิทธิพลในบริเวณเอเชียกลางและใต้และโอเชียเนีย (CSAO): ภูมิภาค CSAO มีความโดดเด่นในลิสต์ของ Global Crypto Adoption Index โดยมีประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ อยู่ในอันดับต้นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ภูมิภาคนี้มีความสำคัญต่อตลาดคริปโตทั่วโลกอย่างไร
- ประเทศที่มีผลลัพธ์สูงสุด: อินเดียมีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในเกือบทุกหมวดหมู่ ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นผู้นำในดัชนีนี้ ตามมาด้วย ไนจีเรีย และ เวียดนาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการซื้อขายแบบ P2P และความนิยมของการเงินแบบกระจายอำนาจในระดับร้านค้าปลีก
- ผลลัพธ์ที่หลากหลาย: ประเทศชั้นนำอื่นๆ ได้รับผลลัพธ์ที่หลากหลายตามเกณฑ์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความหลากหลายของการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้งานทั่วโลก
การวิเคราะห์การนำ Crypto ไปใช้งานทั่วโลก
- การนำไปใช้งานโดยรวมที่ลดลง: รายงานกล่าวถึงการนำสกุลเงินดิจิทัลไปใช้งานในระดับรากฐานที่ลดลงทั่วโลก เห็นได้ชัดจากคะแนนดัชนีรวมของ 154 ประเทศ
- การฟื้นตัวหลังการล่มสลายของ FTX: จำนวนการนำสกุลเงินดิจิทัลไปใช้งานเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 หลังจากการล่มสลายของ FTX อย่างไรก็ตาม จำนวนการนำไปใช้งานก็ยังเคยกลับไปถึงจุดสูงสุด เหมือนที่เห็นได้ในช่วงปีก่อนหน้า
โฟกัสไปที่ประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปถึงต่ำ (LMI)
- การจำแนกประเภทรายได้ของ World Bank: รายงานนี้ใช้การจำแนกประเภทรายได้ของ World Bank เพื่อวิเคราะห์เทรนด์ของการยอมรับสกุลเงินดิจิทัล โดยชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของประเทศในกลุ่ม LMI (รายได้ปานกลางไปถึงต่ำ) ในโลกของสกุลเงินดิจิทัล
- ประเทศในกลุ่ม LMI มีประสิทธิภาพเหนือกว่าประเทศอื่นๆ: ประเทศในกลุ่ม LMI เช่น อินเดีย ไนจีเรีย และ ยูเครน มีการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลเป็นอย่างดี พวกเขากำลังฟื้นตัวอย่างมากและก้าวข้ามจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ไปได้ แม้ว่าสภาพโดยรวมทั่วโลกจะลดลงก็ตาม
- ความสำคัญของประเทศในกลุ่ม LMI: ประเทศเหล่านี้ซึ่งมีประชากรรวมถึง 40% ของโลก มีความสำคัญต่อการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลเป็นอย่างยิ่ง เศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตของพวกเขา ทำให้พวกเขามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อโลกสกุลเงินดิจิทัล
ผลกระทบและการคาดการณ์ในอนาคต
- ศักยภาพในการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่: ผลลัพธ์ที่ดีจากประเทศในกลุ่ม LMI แสดงให้เห็นว่า ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจจะเป็นผู้นำในการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ในอนาคต
- การยอมรับในระดับสถาบัน vs. ระดับรากหญ้า: การยอมรับในระดับสถาบันในประเทศที่มีรายได้สูง กับ การยอมรับในระดับรากหญ้าในประเทศในกลุ่ม LMI นั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้คนใช้งานสกุลเงินดิจิทัลในรูปแบบที่แตกต่างกันด้วยเหตุผลหลายประการ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของพวกเขา
- อนาคตของสกุลเงินดิจิทัล: รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่สดใสสำหรับสกุลเงินดิจิทัล โดยมีศักยภาพในการนำไปใช้งานทั้งในระดับบุคคลในประเทศในกลุ่ม LMI และ การยอมรับในระดับสถาบันในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง
ตอนนี้ เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ล่าสุดในการนำเอาสกุลเงินดิจิทัลไปใช้งานทั่วโลกกันบ้างแล้ว ต่อไป เรามาดู “บริษัทคริปโตชั้นนำ” ที่นำเอา Crypto และ Blockchain ไปใช้งานกันดีกว่า
12 บริษัทคริปโตที่น่าจับตามอง ในปี 2024
บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม ได้แก่ บริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน บริษัทเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล และ ผู้ผลิตเทคโนโลยีบล็อกเชน ฯลฯ เรามาดู บริษัทคริปโตที่น่าจับตามอง 11 บริษัทที่สร้างผลกระทบอย่างมากในตลาดคริปโตกันเลยดีกว่า
แนวทางการคัดเลือกของเรา
เราพิจารณาข้อมูลทางการเงินที่เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างละเอียดเพื่อทำการประเมินบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน การศึกษาข้อมูลของเรานั้นรวมไปถึงการลงทุนใดๆ ในสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชน ขอบเขตในการดำเนินธุรกิจ และเหตุการณ์ที่สำคัญๆ ที่พวกเขาได้ดำเนินการไปเมื่อเร็วๆ นี้ ท้ายที่สุดของกระบวนการคัดสรร บริษัทคริปโตที่น่าจับตามอง นี้คือการจัดอันดับบริษัทเหล่านี้ตามมูลค่าตลาด ณ เดือนมกราคม 2024
1. Coinbase
Coinbase คือ กระดานเทรดแบบรวมศูนย์และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลก รวมถึง บริการการทำธุรกรรม และ ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ออกแบบมาสำหรับโลกสกุลเงินดิจิทัลโดยเฉพาะ แพลตฟอร์มของ Coinbase ช่วยให้ผู้ใช้งานรายย่อยสามารถลงทุน, ใช้จ่าย, บันทึก, รับ, และใช้งานสกุลเงินดิจิทัลได้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มนี้ยังช่วยให้สถาบันต่างๆ มีสภาพคล่องมากพอสำหรับการทำธุรกรรมในสินทรัพย์คริปโต และช่วยให้พันธมิตรในระบบนิเวศคริปโตสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นคริปโต รวมถึง รองรับการชำระเงินด้วยสินทรัพย์คริปโตอย่างปลอดภัย
Coinbase กลายเป็นบริษัทมหาชนในเดือนเมษายน 2021 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2023 รายได้ต่อไตรมาสของบริษัทอยู่ที่เกือบๆ 675 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้านี้
2. Chainalysis
Chainalysis ช่วยให้ธนาคาร, บริษัท, และรัฐบาลต่างๆ สามารถติดตามและตรวจสอบกิจกรรมบนบล็อกเชนได้ ปัจจุบัน สกุลเงินดิจิทัลได้กลายหนึ่งในวิธีการหลักในการถ่ายโอนมูลค่า แต่เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถปิดบังตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริงของผู้ใช้งานได้ เหล่าอาชญากรจึงมักจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เงินทุนจากตลาดออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย หรือ กองทุนที่ถูกแฮ็ก/ถูกขโมยมามักจะถูกฟอกผ่านกระดานเทรดคริปโตที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือบริการ Bitcoin Mixer
พื่อให้แน่ใจว่าสกุลเงินดิจิทัลจะถูกนำไปใช้อย่างเหมาะสม สถาบันต่างๆ จำเป็นจะต้องมีความสามารถในการตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบนบล็อกเชน และระบุ/แยกแยะผู้กระทำผิดออกจากผู้ที่ใช้งานอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ และนี่คือจุดที่ Chainalysis เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยการให้บริการซอฟต์แวร์ตรวจสอบและรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบของสกุลเงินดิจิทัลแก่สถาบันชั้นนำในระบบนิเวศนี้
จากข้อมูลของ Crunchbase Chainalysis ระดมทุนได้ถึง 536.6 ล้านดอลลาร์จากรอบระดมทุนทั้งหมด 11 รอบ (ถึงเดือนตุลาคม 2022) และเนื่องจากพวกเขาเป็นบริษัทเอกชน Chainalysis จะไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงิน — เช่น มูลค่าตลาดและรายได้ — ต่อสาธารณะ
3. Gemini
ที่ Gemini ไม่มีงานใดที่เล็กเกินไป และ ไม่มีโปรเจกต์ใดที่ใหญ่เกินไป พวกเขามีเป้าหมายในการกำหนดอนาคตของ “เงินตรา” ขึ้นมาใหม่ Gemini คือ ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนและดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฏหมาย
Gemini ซึ่งก่อตั้งโดยฝาแฝด Winklevoss เป็นกระดานเทรดคริปโตยอดนิยม ใช้งานได้ง่าย และมีความปลอดภัยสูง พวกเขาให้บริการการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย และเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับนักลงทุนทั้งรายบุคคลและสถาบัน Gemini ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวด ทำให้แพลตฟอร์มนี้มีความน่าเชื่อถืออย่างยิ่งในหมู่คอมมูนิตี้คริปโต นอกจากนี้ พวกเขายังมีบริการการซื้อขายขั้นสูงและบริการกระเป๋าเงินสำหรับผู้ใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่มีความต้องการที่แตกต่างกันไป ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงทำให้ Gemini กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
4. Galaxy Digital
Galaxy Digital คือบริษัทบริการทางการเงินและการลงทุนซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งให้บริการโซลูชั่นทางการเงินเต็มรูปแบบแก่สถาบันและลูกค้าโดยตรง บริษัทดำเนินธุรกิจที่ทำงานร่วมกัน 5 สายงาน ได้แก่ การซื้อขาย การจัดการสินทรัพย์ การลงทุนหลัก วาณิชธนกิจ และเหมืองขุด
บริษัท Galaxy Digital นำโดย CEO และผู้ก่อตั้ง Mike Novogratz โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงนิวยอร์ก พวกเขามีชื่อเสียงในการเชื่อมโยงระบบนิเวศสกุลเงินดิจิทัลและนักลงทุนสถาบันรายใหญ่เข้าด้วยกัน Galaxy Digital นำเสนอบริการแก่ลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ นักลงทุนรายย่อย ไปจนถึง สถาบันขนาดใหญ่ ที่ต้องการลงลึกเข้าไปในพื้นที่ของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
บริษัทจดทะเบียนใน TSX Venture Exchange ของตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (Toronto Stock Exchange) โดยใช้สัญลักษณ์ว่า GLXY
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 Galaxy Digital Holdings รายงานว่า พวกเขามีทุนจดทะเบียน 1.5 พันล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 94 ล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นเดือนตุลาคม ทุนจดทะเบียนของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ และมีรายรับก่อนหักภาษีประมาณ 124 ล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 1.4 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน
5. OpenSea
OpenSea ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 และนับตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำในตลาด Non-Fungible Tokens (NFT) OpenSea มีอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายสำหรับการซื้อ ขาย และเรียกดูสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ เช่น งานศิลปะ และ ของสะสม แพลตฟอร์มนี้ทำงานอยู่บน Ethereum และ เครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ และได้รับความนิยมจากทั้งเหล่าสาวกคริปโตและมือใหม่ไม่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์
OpenSea สร้างรายได้จากหลากหลายวิธี วิธีการหลักๆ ก็คือ พวกเขาจะได้รับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นจากยอดขาย NFT ที่ขายได้สำเร็จ นอกจากนี้ พวกเขายังอาจจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเหล่าครีเอเตอร์ที่ต้องการลิสต์ NFT บนแพลตฟอร์มอีกด้วย
แหล่งรายได้ที่อาจจะเป็นไปได้ของพวกเขาในอนาคต ได้แก่ บริการระดับพรีเมียมเพื่อเพิ่มการมองเห็นและการวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับศิลปินเพื่อนำเสนอคอนเทนต์พิเศษ หรือ การผสานรวมบริการกับแพลตฟอร์มอื่นๆ และ การออกใบอนุญาตสินทรัพย์ดิจิทัล ณ เดือนมกราคม 2024 แหล่งรายได้หลักของ OpenSea คือ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และ ค่าลงทะเบียนขายผลงาน โดยมีค่าบริการมาตรฐาน 2.5% สำหรับ Secondary Sales (ผลงานที่ไม่ได้มาจากเว็บไซต์/ผู้สร้างหลัก) และ 2.5% ถึง 10% สำหรับ Primary Mints (การมิ้นต์บนตลาดหลัก)
6. Consensys
ConsenSys เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน พวกเขามีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ Ethereum โดยการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชั่นที่จะช่วยให้เครือข่ายเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทฑิภาพมากยิ่งขึ้น
ณ เดือนมกราคม 2024 บริษัทได้นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมไปถึง MetaMask (กระเป๋าเงิน Ethereum ยอดนิยม), MetaMask for Developers, Infura และ Diligence (3 ตัวหลังเป็นบริการสำหรับนักพัฒนา) นอกจากนี้ พวกเขายังมีบริการ Linea, Besu, Teku และ Consensys Stake ที่พร้อมใช้งานสำหรับระบบนิเวศ Ethereum โดยรวมอีกด้วย
การที่บริษัทให้ความสำคัญกับ Ethereum แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างอินเทอร์เน็ตแบบกระจายอำนาจ และ ขยายขอบเขตของการใช้งานแอปพลิเคชั่นของเทคโนโลยีบล็อกเชนให้มีประโยชน์นอกเหนือไปจากสกุลเงินดิจิทัลด้วย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและการมีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก ในการพัฒนาบล็อกเชน ConsenSys จึงเป็นหนึ่งในบริษัท Crypto/Blockchain ที่โดดเด่นที่สุดในปี 2024
7. Crypto.com
Crypto.com เป็นแอปสำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของ Foris DAX Asia Pte. Ltd บริษัทในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Foris DAX MT Limited แพลตฟอร์มของ Crypto.com มีลูกค้ามากกว่า 50 ล้านรายในกว่า 90 ประเทศตามข้อมูลของ CoinMarketCap
ประเทศเหล่านั้นรวมไปถึง ยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ละตินอเมริกา และ บางประเทศในเอเชีย
8. Binance
Binance คือ ราชาแห่งกระดานเทรดคริปโตที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ บริษัทคริปโตชั้นนำ รายนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 นับตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดเมื่ออิงจากปริมาณการซื้อขาย แม้ว่าจะพวกเขาจะต้องเผชิญกับข้อปัญหาทางด้านกฎหมายและข้อบังคับในปี 2023 แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในโลกของสกุลเงินดิจิทัล
ในปี 2023 Binance มีผู้ใช้งานใหม่มากกว่า 40 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากปีก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนแล้วมากถึง 170 ล้านรายทั่วโลก ณ เดือนมกราคม 2024 แพลตฟอร์มนี้มีสินทรัพย์ให้บริการกว่า 431 รายการในคู่การซื้อขายกว่า 1,785 คู่ นอกจากนี้ยังมีบริการต่างๆ เช่น การชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล การซื้อขายแบบ P2P และ Binance Earn ก็เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน
บริษัทยังมีความภาคภูมิใจในนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Binance Square และ Web3 Wallet ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมได้มากขึ้น
9. LeewayHertz
ด้วยประสบการณ์ในการสร้างแอปพลิเคชั่นระดับองค์กรมายาวนานกว่าทศวรรษ LeewayHertz เป็นผู้นำในการพัฒนาบล็อกเชนที่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI), Internet of Things (IoT), ความเป็นจริงเสริม (AR)/ความเป็นจริงเสมือน (VR) และบริการคลาวด์ บริษัทนี้จะนำเสนอโซลูชั่นบล็อกเชนแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเรื่องการออกแบบและประสบการณ์การใช้งาน ไปจนถึงการพัฒนา การใช้งาน การบำรุงรักษา และการอัพเดตอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนที่ LeewayHertz ได้สร้างและใช้งาน Smart Contracts มากกว่า 80 รายการ และพัฒนาแอปพลิเคชั่นบล็อกเชนมากกว่า 10 รายการ
10. Intellectsoft
Intellectsoft ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทพัฒนาแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สามารถปรับแต่งเองได้ และ บริการให้คำปรึกษาในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น บล็อกเชน, ปัญญาประดิษฐ์, Internet of Things, การประมวลผลแบบคลาวด์, และ ความเป็นจริงเสริม ฯลฯ เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้วที่บริษัทได้ช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ออกแบบ, พัฒนา, และบำรุงรักษาโซลูชั่นซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพ
Intellectsoft เป็นบริษัท Web3 ชั้นนำที่นำเสนอบริการการพัฒนาบล็อกเชนสำหรับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและองค์กรขนาดใหญ่
11. Ripple
Ripple มีพัฒนาการเป็นอย่างมากในปี 2023 หลังจากเปลี่ยนไปโฟกัสในเรื่องโปรเจกต์สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และการเพิ่มประสิทธิภาพ XRP Ledger (XRPL) ด้วยความสามารถใหม่ๆ นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับชัยชนะในคดีความที่มีการฟ้องร้องโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ในข้อหาขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน (XRP) และข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อผู้บริหารระดับสูง Ripple ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ เช่น การเป็น 1 ใน “100 บริษัทที่มีความใส่ใจ” ของนิตยสาร People และ “สถานที่ทำงานชั้นนำด้านเทคโนโลยี” ของนิตยสาร Fortune พร้อมทั้งยังได้รับรางวัล PAY360 Award ของ สหราชอาณาจักร อีกด้วย
ในปี 2023 ราคา XRP ของ Ripple เพิ่มขึ้นกว่า 77% โดยได้รับอิทธิพลมาจากความสำเร็จเหล่านี้ การมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ CBDC มากมายถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์จากการโฟกัสในเรื่องที่โซลูชั่นการชำระเงินแบบเดิมๆ นอกจากนี้ พวกเขายังมีการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับหลายๆ ประเทศ เช่น ปาเลา ภูฏาน มอนเตเนโกร ฮ่องกง และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อช่วย สร้าง Stablecoins ของรัฐบาลดังกล่าว
ปัจจุบัน ธนาคารกลางหลายแห่งต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มของบุคคลที่ 3 ในการสร้าง จัดการ และใช้งาน CBDC วันนี้ ทีมงาน Ripple กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลของปาเลา ภูฏาน มอนเตเนโกร ฮ่องกง และประเทศอื่นๆ อีกมากมายเพื่อดูแลจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ CBDC
– ทีมงาน Ripple ประกาศผ่าน บล็อกของ Ripple Labs
ปี 2023 ยังเป็นปีที่โดดเด่นสำหรับ XRPL เนื่องจากพวกเขาสามารถดึงดูดนักพัฒนา Web3 ได้มากยิ่งขึ้น การเปิดใช้งานฟังก์ชั่นการทำงาน Automated Market Maker (AMM) ใน XRPL ที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นก้าวสำคัญ สิ่งนี้สามารถเปลี่ยน Ripple ให้เป็นระบบนิเวศ DeFi ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นได้
12. Blockchain Intelligence Group
Blockchain Intelligence Group เป็นบริษัทชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบสกุลเงินดิจิทัลและการจัดการความเสี่ยง พวกเขามีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล การตรวจจับธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย และต่อสู้กับการฉ้อโกงในบล็อกเชน
“เครื่องมือของเราจัดทำโดยผู้สืบสวนและผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลสหรัฐฯ เราจะส่งมอบข้อมูลบล็อกเชนที่เชื่อถือได้และยืนหยัดเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าวในห้องพิจารณาคดี”
Blockchain Intellegence Group
บริษัท Non-Crypto ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีกระจายอำนาจ
รายชื่อต่อไปนี้คือบริษัทชั้นนำทั้งหมดที่ประสบความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
1. Walmart
Walmart ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อทำให้ระบบนิเวศของฟู๊ดซัพพลายเชนมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยการเปลี่ยนกระบวนการฟู๊ดซัพพลายเชนทั้งหมดให้เป็นรูปแบบดิจิทัล ซึ่งต้องขอบคุณ Hyperledger Fabric ที่ทำให้บริษัทสามารถทำให้กระบวนการโปร่งใส, ตรวจสอบย้อนกลับได้, และมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พนักงานสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ และใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการสแกนผลิตภัณฑ์หลายสิบรายการเพื่อดูว่า อาหารมาจากไหน และ จัดเก็บไว้ที่ใด
บล็อกเชนช่วยให้พนักงาน Walmart ตรวจสอบที่มาของอาหารได้ภายในไม่กี่วินาที แทนที่จะตรวจสอบเป็นวันๆ ช่วยลดขยะ(กระดาษ) ทำให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปโดยอัตโนมัติ และเพิ่มความโปร่งใสของซัพพลายเชน
2. Ford
ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2020 บริษัท Ford Motor ได้ประกาศว่า พวกเขากำลังวางแผนที่จะใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อตรวจสอบโคบอลต์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า Ford และ IBM วางแผนที่จะตรวจสอบวัตถุดิบของพวกเขา เช่น โคบอลต์ จากเหล่าซัพพลายเออร์
ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน พวกเขาจะต้องการสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ของแท้ เมื่อโคบอลต์ถูกขุด มันจะถูกบันทึกในบัญชีแยกประเภท จากนั้น บริษัทจะสามารถติดตามได้ว่า มันจะไปที่ไหนอย่างไรได้จากที่นั่น
3. De Beers
De Beers ผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ที่สุดของโลกใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อติดตามกระบวนการของเพชรธรรมชาติทุกเม็ดจากเหมืองไปยังเคาน์เตอร์ขายปลีก แพลตฟอร์มบล็อกเชนที่รู้จักกันในชื่อ Tracr ช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของเพชร และรับประกันว่าเพชรเหล่านั้นไม่ได้มาจากเขตที่มีความขัดแย้ง ซึ่งอาจจะเป็นการขายเพชรเพื่อหาทุนให้กับการก่อการร้าย
Bruce Cleaver ผู้ซึ่งเป็น CEO ของ De Beers กล่าวว่า Tracr สามารถติดตามเพชรได้ตลอดทั้งกระบวนการ ซึ่งเป็นการรับประกันการตรวจสอบย้อนกลับของสินทรัพย์ในลักษณะที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
4. UPS
United Parcel Service (UPS) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในซัพพลายเชนของตนเอง ในเดือนพฤศจิกายน 2018 บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้เข้าร่วม Blockchain in Trucking Alliance (BiTA) เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในซัพพลายเชนในทุกๆ องค์กร
ในเดือนมีนาคม 2019 UPS ร่วมกับ บริษัทเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ Inception ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนโดยบล็อกเชนเพื่อปรับปรุงซัพพลายเชนของร้านค้า นอกจากนี้ UPS ยังได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรสำหรับระบบบล็อกเชนที่จะจัดเก็บข้อมูลปลายทาง, ความเคลื่อนไหว, วิธีการขนส่ง, และข้อมูลสำคัญอื่นๆ ของพัสดุ ซึ่งทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
5. FedEx
FedEx ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งที่ใหญ่ที่สุด มองว่าบล็อกเชนเป็นวิธีการใหม่ในการปกป้องระบบ CoC (Chain of Custody) พวกเขาได้เข้าร่วม BiTA และเปิดตัวโปรแกรมที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อติดตามการจัดส่ง ช่วยให้ลูกค้า FedEx ได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มันยังช่วยให้ทีมบริการลูกค้าสามารถตอบคำถามได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย
“บริษัทคริปโตชั้นนำ” กำลังเปิดเส้นทางใหม่ๆ ในปี 2024
รายชื่อต่างๆ ในบทความนี้เป็นตัวแทนของ “บริษัทคริปโตที่น่าจับตามอง” เพียงไม่กี่แห่งที่นำเสนอการให้บริการ Web3 และเทคโนโลยีบล็อกเชนในปี 2024 เมื่อตลาดหมีคลายตัวลง ยังมีโอกาสมากมายที่บริษัทหรือองค์กรขนาดเล็กจะก้าวขึ้นมาแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมคริปโตนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ยังใหม่อยู่ บริษัทที่ดีที่สุดในปี 2030 หรือ 2025 นั้นอาจจะยังไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ นอกจากนี้ บริษัท Non-Crypto ก็ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้ในซัพพลายเชนของตนเองอีกด้วย ในปี 2024 นี้ อนาคตของการกระจายอำนาจใกล้เข้ามาแล้ว!
คำถามที่พบบ่อย
บริษัทคริปโต 10 อันดับแรกคือบริษัทใด?
บริษัทคริปโตที่ใหญ่ที่สุดคือบริษัทใด?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์