“Price Pattern” หรือ “รูปแบบราคา” คือ รูปแบบการเรียงตัวของแท่งเทียนอย่างต่อเนื่องบนกราฟราคาของสินทรัพย์ ก่อให้เกิดเป็นรูปแบบพฤติกรรมของราคาที่ช่วยให้นักเทรดหรือนักลงทุนสามารถทำการวิเคราะห์และคาดการณ์ถึงความเคลื่อนไหวของราคาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้กันว่า Price Pattern คืออะไร? มันมีความสำคัญอย่างไรต่อการเทรด และรูปแบบราคาที่สำคัญๆ ที่เราควรจะรู้จักเอาไว้มีแบบใดบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลย!
BeInCrypto Trading Community บน Telegram: พูดคุยกันเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด รับชมคอร์สพื้นฐานการซื้อขายฟรี และสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่คุณต้องการจากนักเทรดมืออาชีพ!
Price Pattern คืออะไร?
Price Pattern (รูปแบบราคา) หรือ Chart Pattern (รูปแบบกราฟ) คือ รูปแบบความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ที่ปรากฏขึ้นบนกราฟราคา (Price Chart) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของราคาในอดีตที่เกิดขึ้นและสิ่งที่กำลังจะดำเนินต่อไป มันเป็นสิ่งที่เหล่านักเทรดมักจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคาที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อช่วยหาโอกาสในการเข้าทำกำไร “รูปแบบราคา” นั้นจะให้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือกว่าการอ่านสัญญานจากแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการอ่านรูปแบบราคานั้นจะใช้ช่วงระยะเวลาที่ยาวนานกว่า อีกทั้ง การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยรูปแบบราคานั้นมักจะถูกนำไปใช้ร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ ผลลัพท์ที่ออกมาจึงมักจะมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
รูปแบบต่างๆ ของ Price Pattern
Price Pattern จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
Continuation Pattern (รูปแบบต่อเนื่อง)
Continuation Pattern เป็นรูปแบบที่มักจะปรากฏขึ้นระหว่างแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ โดยจะเป็นเหมือนช่วงการพักตัวของราคา ก่อนที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดิมหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม รูปแบบต่อเนื่องนั้นไม่ได้หมายความว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดิมเสมอไป ดังนั้น นักวิเคราะห์อาจจะต้องจับตามองเส้นแนวโน้มของรูปแบบราคานั้นๆ ให้ดี โดยส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์จะถือว่าแนวโน้มของราคาจะดำเนินต่อเนื่องไปเสมอ จนกว่าจะได้รับการยืนยันได้ว่าเกิดการกลับตัวขึ้นแล้ว
Reversal Pattern (รูปแบบกลับตัว)
Reversal Pattern เป็นรูปแบบของสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้น โดยการที่แนวโน้มที่ดำเนินอยู่ในขณะนั้นจะเริ่มชะลอตัวและอ่อนแรงลง จากนั้น ราคาก็จะเริ่มเคลื่อนที่ไปในทิศทางใหม่ จากขาขึ้นเป็นขาลง หรือ จากขาลงเป็นขาขึ้น
รูปแบบต่างๆ ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป
1. Double Top
รูปแบบ Double Top เป็น Bearish Reversal Pattern (รูปแบบการกลับตัวเป็นขาลง) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษร M โดยเป็นการที่ราคาสินทรัพย์พยายามที่จะฝ่าแนวต้านขึ้นไปแต่ไม่สำเร็จ จากนั้น ราคาก็ตกลงมาเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามฝ่าขึ้นไปอีกครั้ง แต่ก็ยังล้มเหลว ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าระดับแนวต้านดังกล่าวมีความแข็งแกร่ง ดังนั้น เมื่อราคาปรับตัวลดลงมาอีกครั้ง ก็อาจจะเกิดการกลับตัวของแนวโน้มได้
2. Double Bottom
รูปแบบ Double Bottom นั้นถือเป็นรูปแบบตรงกันข้ามของ Double Top โดยจะเป็น Bullish Reversal Pattern ที่มีลักษณะคล้ายกับตัวอักษร W ซึ่งจะเป็นการที่ราคาลดลงไปทดสอบแนวรับถึงสองครั้ง แต่ไม่สามารถพังแนวรับลงไปได้ ซึ่งบ่งบอกได้ถึงแนวรับที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสในการกลับตัวจากขาลงไปเป็นขาขึ้นได้
อีกรูปแบบที่มีลักษณะความคล้ายคลึงกับรูปแบบ Double Top/Bottom ก็คือรูปแบบ Triple Top/Bottom ซึ่งจะมีความเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบที่คล้ายกัน แต่จะเป็นการขึ้นไปทดสอบแนวต้าน หรือ ลงไปทดสอบแนวรับ 3 ครั้งแต่ไม่สามารถฝ่าไปได้ (เช่นเดียวกับรูปแบบ Double Top/Bottom) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแนวต้าน/แนวรับนั้นๆ มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทำให้โอกาสในการกลับตัวของราคาสินทรัพย์ก็จะเพิ่มสูงขึ้น
3. Ascending Triangle
รูปแบบ Ascending Triangle นั้นเป็นรูปแบบ Continuation Pattern ที่เกิดขึ้นจากการลากเส้นแนวโน้ม 2 เส้น โดยเส้นแนวโน้มด้านบนจะเป็นเส้นแนวต้านแนวนอน ในขณะเส้นแนวโน้มด้านล่างจะลาดเอียงขึ้นไปบรรจบกับเส้นแนวโน้มด้านบน รูปแบบนี้มักจะปรากฏในช่วงขาขึ้น หลังจากที่ตลาดเริ่มมีการชะลอตัว หากความเคลื่อนไหวของราคาฝ่าเส้นแนวต้านด้านบนไปได้ แนวโน้มขาขึ้นครั้งใหม่ก็จะก่อตัวขึ้น
4. Descending Triangle
เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากลักษณะของรูปแบบ Descending Triangle ว่าเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับ รูปแบบ Ascending Triangle ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นในช่วงขาลง โดยมีเส้นแนวโน้มด้านบนที่ลาดเอียงลงมาบรรจบกับเส้นแนวโน้มด้านล่างหรือเส้นแนวรับ ซึ่งหากราคาทะลุจากเส้นแนวรับลงไปได้ ก็มีโอกาสที่ราคาสินทรัพย์จะลดลงเป็นอย่างมากไปสู่ระดับแนวรับใหม่ได้
อีกหนึ่งรูปแบบที่มีความคล้ายคลึงกับรูปแบบ Triangle ทั้ง 2 ก็คือรูปแบบ Symmetrical Triangle ซึ่งจะเป็นการลาดเอียงมาบรรจบกันของเส้นแนวโน้มทั้งด้านบนและด้านล่าง เป็นรูปแบบที่สามารถส่งสัญญาณได้หลายอย่าง โดยขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะนั้นๆ
5. Head and Shoulders
รูปแบบ Head and Shoulders จะเป็นรูปแบบ Bearish Reversal Pattern ที่ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ จุดสูงสุดตรงกลาง (เปรียบเสมือนส่วนหัว หรือ Head) และจุดสูงเล็กที่ด้านซ้ายและขวาอีก 2 จุด (เปรียบเสมือนเป็นไหล่ หรือ Shoulders) ซึ่งจุดสูงทั้ง 3 จุดนั้นควรตกลงมาทดสอบที่เส้นแนวรับเดียวกันที่เปรียบเสมือนเป็นเส้นระนาบช่วงคอ (Neck Line) หากราคาของสินทรัพย์หลุดเส้น Neck Line ลงมาได้ ก็มีโอกาสที่มันจะกลายเป็นแนวโน้วขาลงได้ในทันที
6. Inverse Head and Shoulders
เช่นเดียวกับรูปแบบอื่นๆ รูปแบบ Head and Shoulders ก็จะมีขั้วตรงกันข้ามของมันเช่นกัน โดยจะถูกเรียกว่า Inverse Head and Shoulders ซึ่งจะเป็น Bullish Reversal Pattern (รูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น) ซึ่งจะเป็นลักษณะในทางตรงกันข้ามที่จะมีจุดต่ำ 3 จุดแทน และเส้น Neck Line ก็จะไม่ใช่เส้นแนวรับ แต่เป็นเส้นแนวต้านนั่นเอง
การนำ Price Pattern ไปใช้งาน
ในการนำ Price Pattern ไปใช้งานจริงนั้น มันมีข้อควรระวังบางอย่างที่คุณจะต้องทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน:
- ต้องใช้ประสบการณ์ในการทำความเข้าใจ — Price Pattern เหล่านี้ไม่ใช่แค่เพียงท่องจำแล้วจะนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ เราจะต้องหมั่นฝึกฝน ทำความเข้าใจ รวมถึงใช้มันวิเคราะห์ร่วมไปกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อเป็นการยืนยันถึงสัญญาณของความเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นจริงๆ
- ก่อนที่จะทำการลงทุนใดๆ ให้ยืนยันรูปแบบให้ชัดเจนเสียก่อน — ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน Price Pattern ก็เช่นกัน ดังนั้น ก่อนที่คุณจะทำการลงทุน โปรดยืนยันทิศทางของราคาให้ชัดเจนเสียก่อน เช่น คุณอาจจะรอให้เกิดแท่งสีเขียว 2-3 แท่งเสียก่อน หลังจากที่รูปแบบ Inverse Head and Shoulders เสร็จสิ้น เพื่อเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มได้กลายเป็นขาขึ้นแล้วจริงๆ
- ใช้เครื่องมือการเทรดหรือตัวชี้วัดต่างๆ มาช่วยในการยืนยันข้อมูล — การใช้เครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยในการยืนยันรูปแบบราคาก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ด้วยการใช้เครื่องมือที่หลากหลายช่วยวิเคราะห์หรือคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคา คุณจะสามารถมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นว่า ทิศทางของราคาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นั้นเป็นไปตามการคาดการณ์ของคุณจริงๆ
Price Pattern คือตัวช่วยที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
สุดท้ายนี้ “รูปแบบราคา” ก็ถือเป็นหนึ่งในข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญที่ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ถึงความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ หรือ สามารถคาดคะเนถึงพฤติกรรมของราคาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการกำหนดจุดเข้า/ออกที่จะสามารถทำกำไรให้กับเราได้
ถึงแม้ว่า การตระหนักรู้ถึง “รูปแบบราคา” เหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความได้เปรียบในการเทรด แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณจะต้องทำความคุ้นเคย ศึกษาและทำความเข้าใจถึงเหตุและผลของรูปแบบราคาต่างๆ ให้ดี รวมไปถึงการใช้งานเครื่องมือต่างๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในความสูญเสียของคุณที่อาจจะเกิดขึ้น
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์