คู่แข่งของ Twitter นั้นปรากฏตัวขึ้นมามากมายนับตั้งแต่ Elon Musk เข้าซื้อกิจการแพลตฟอร์ม “นกฟ้า” นี้ ซึ่งบรรดาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ๆ เหล่านี้ก็พยายามจะใช้ประโยชน์จากความไม่มั่นคงที่เกิดขึ้นกับ “อดีตยักษ์ใหญ่” ที่ตกเป็นข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวัน และในขณะที่ Spill, T2, และ Mastodon เริ่มที่จะเดินหน้าชิงฐานลูกค้าจาก Twitter แล้ว Damus ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหวบ้างเช่นกัน แต่ Damus คืออะไร? ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ในทุกๆ เรื่องที่คุณควรจะรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Web3 แบบกระจายอำนาจใหม่ล่าสุดรายนี้กัน
🛡ท่องโลกอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและเก็บข้อมูลของคุณไว้ให้เป็นส่วนตัว! เมื่อสมัครใช้งาน Atlas VPN ใช้โค้ดโปรโมชั่น ATLASWELCOME เพื่อรับส่วนลด 82% ได้ที่ลิ้งค์นี้เลย!
Damus: แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กระจายอำนาจอย่างแท้จริง
Damus นั้นเปรียบเปรยว่าตนเองเป็นดั่ง “Twitter Killer” แต่ใครๆ ก็เคยอวดอ้างเรื่องนี้มาก่อนทั้งนั้น ดังนั้น เราไปเจาะลึกกันดีกว่าว่า Damus มีดีมากพอที่จะเป็น “Twitter Killer” ได้หรือไม่?
Damus เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบกระจายอำนาจที่มี UI ที่เรียบง่าย, ไม่ซับซ้อนที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอลโซเชียลมีเดียแบบกระจายอำนาจยอดนิยมอย่าง Nostr และเรื่องสำคัญที่เราต้องรู้เลยก็คือ Nostr นั้นเป็นโปรโตคอล (ซอฟต์แวร์) ในขณะที่ Damus นั้นเป็นแอปใช้งาน และเมื่อนำชื่อของพวกเขามารวมกัน ก็จะออกมาเป็น Nostr-Damus (นอสตราดามุส) ซึ่งเป็นชื่อของนักโหราศาสตร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส
และนี่คือหน้าตาของอินเตอร์เฟสของมัน:
ในขณะที่แอปในฝั่ง iPhone/iPad ที่มีพื้นฐานมาจาก Nostr จะถูกเรียกว่า Damus แอปในฝั่งของ Google นั้นจะถูกเรียกว่า Amethyst Damus นั้นตั้งเป้าที่จะลดการการเซ็นเซอร์จากการมีปฏิสัมพันธ์กันทางโซเชี่ยลและทำหน้าที่เป็นแอปสนทนาแบบ End-to-End
Damus นั้นพร้อมให้บริการบน App Store แล้ว และลองเข้าไปดูที่ส่วนข้อบังคับ “App Privacy” ของแอป
พูดง่ายๆ ก็คือ Damus “Twitter Killer” นั้นเป็นแอปที่มีความกระจายอำนาจอย่างแท้จริงและมีการระบุอย่างชัดเจนว่าไม่ได้มีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องการทำความเข้าใจ Damus อย่างสมบูรณ์ เราจะต้องไปทำความรู้จักกับ Nostr เสียก่อน
Nostr คืออะไร?
Nostr คือโปรโตคอลโซเชียลมีเดียที่มุ่งเน้นในเรื่องการจัดการข้อมูลและการกระจายอำนาจซึ่งใช้คีย์เข้ารหัสหลายตัว หากต้องการใช้งาน Nostr เครือข่ายแบบกระจายอำนาจใดๆ ที่ขับเคลื่อนโดย Nostr คุณจะต้องมี Public Key ที่สร้างขึ้นโดยการเข้ารหัสและ Private Key ด้วยการมี Nostr เป็นแกนหลักให้กับเครือข่าย ทุกคนสามารถสร้างเครือข่ายแบบกระจายอำนาจด้วยตนเองได้
หากคุณต้องการจับตามองพัฒนาการของ Nostr อย่างใกล้ชิด นี่คือโปรไฟล์ Github ของพวกเขา Nostr Github นั้นประกอบไปด้วย Repository (โครงสร้างโค้ดจัดเก็บข้อมูลประเภทหนึ่ง) และโค้ดแบบเปิดสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างเครือข่ายแบบกระจายอำนาจ
ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง Nostr?
ประการแรก ไม่มีองค์กรใดที่เป็นผู้ควบคุมหรือจัดการ Nostr ดังที่เคยได้กล่าวเอาไว้ มันคือโปรโตคอลแบบโอเพ่นซอร์ส โดยมีนักพัฒนาเพียงไม่กี่คนที่มีส่วนร่วมในโค้ดเบสและสุนทรียศาสตร์ ซึ่ง Fiatjaf เป็นผู้ที่เบิกทางนั้นไว้ให้ สำหรับผู้ที่อาจจะไม่ทราบ Fiatjaf (นามแฝงของนักโปรแกรมเมอร์รายหนึ่ง) คือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Lightning Network ของ Bitcoin
ยิ่งไปกว่านั้น Nostr ยังมีผู้มีส่วนร่วมและผู้ร่วมทดสอบชื่อดังอย่าง วุฒิสมาชิก Lummis, Vitalik Buterin, Jack Dorsey และ Edward Snowden
Nostr: ทำไมต้องชื่อนี้?
หากคุณให้ความสนใจใน Open Protocol (โปรโตคอลที่อนุญาตให้บุคคลที่สนใจสามารถนำไปใช้หรือพัฒนาต่อยอดได้) ของ Web3 โดยเฉพาะ Nostr อาจจะเป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสนใจ Nostr เป็นโปรโตคอลที่ช่วยขับเคลื่อนเครือข่ายแบบกระจายอำนาจซึ่งมีตัวย่อมาจาก Notes and Other Stuff Transmitted by Relays (ข้อความและข้อมูลอื่นๆ ที่ส่งมาโดยตัวส่งข้อมูล)
Dumb Relays ซึ่งเป็น Nostr Node นั้นเป็นรากฐานของ Open Protocol นี้ Relays เหล่านี้ส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นการเติมเต็มบทบาทของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ที่มันถูกเรียกว่า Dumb ก็เพราะว่าพวกมันไม่สามารถตีความหรือประมวลผลข้อมูลได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานมีความเป็นส่วนตัว
และในขณะที่ Relays เหล่านี้เป็น Relays แบบกระจายอำนาจที่เป็นมาตรฐาน Fiatjaf ยังได้นำเสนอ Relays ที่เป็นแบบชำระเงินและปลอดภัยกว่าจำนวนหนึ่ง ซึ่งช่วยให้โปรโตคอลจัดการกับการสแปมในลักษณะที่จดจ่อได้มากยิ่งขึ้น
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวสำหรับชื่อ Nostr เนื่องจากคำว่า Nostr นั้นคล้ายกับคำหนึ่งในภาษาสเปน “Nuestro” ซึ่งหมายความว่า “ของเรา” และด้วยการที่มีการกระจายอำนาจเป็นแกนหลัก คอนเซปต์ของคำว่า “ของเรา” ก็ดูจะมีความเกี่ยวข้องมากเลยทีเดียว
ระบบนิเวศโซเชี่ยลที่ขับเคลื่อนโดยโปรโตคอล Nostr นั้นเป็นเครือข่ายแบบกระจายอำนาจอย่างแท้จริงซึ่งไม่มีการพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง และเนื่องจากมันเป็นโปรโตคอลในระดับพื้นฐาน เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่ต้องการการกระจายอำนาจมากมายอาจจะลงเอยด้วยการใช้งานโปรโตคอลนี้เพื่อพัฒนาแอปที่สร้างความแตกต่างขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น Start9 ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโฮมเซิร์ฟเวอร์ ได้มีการใช้ Nostr Relays ในการพัฒนาทางธุรกิจแล้ว
ความเชื่อมโยงกับ Jack Dorsey
Open Protocol อย่าง Nostr นั้นมักจะได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นชื่อดังจากแวดวงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค Jack Dorsey อดีต CEO ของ Twitter ก็คือหนึ่งในนั้น ในปี 2022 เขาได้บริจาคเกือบ 14 BTC (มูลค่าราว 245,000 ดอลลาร ณ ขณะนั้น) เพื่อเป็นเงินทุนให้กับ Nostr
เมื่อได้รับเงินทุนดังกล่าวแล้ว Fiatjaf ก็ได้โพสต์บน Twitter โดยระบุว่าเงินครึ่งหนึ่งถูกส่งไปที่ DFND ซึ่งเป็น Damus Foundation เพื่อการพัฒนา Nostr ในทันที
เมื่อ Damus เปิดให้บริการบน App Store แล้ว Jack Dorsey ก็ได้ทวีตเพื่อแจ้งข่าว:
ความเชื่อมโยงของ Nostr-Bitcoin
Nostr นั้นมีความเชื่อมโยงกับ Bitcoin อยู่บ้างบางเรื่อง เรื่องแรก Fiatjaf ซึ่งเป็นผู้สร้าง Nostr นั้นเคยมีความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin Lightning Network เรื่องที่ 2 เครือข่ายแบบกระจายอำนาจที่ขับเคลื่อนโดย Nostr จะผสานรวมกับ Lightning Network เพื่อส่งทิปให้กับผู้สร้างคอนเท้นต์
หากคุณชอบโพสต์ บทความ หรือคอนเท้นต์ใดๆ บนแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนโดย Nostr คุณสามารถใช้ Strike — ซึ่งเป็นแอปชำระเงินที่รองรับ Lightning Network — เพื่อส่งทิปให้กับเจ้าของเนื้อหาได้ การชำระเงินยังสามารถทำได้ด้วยสกุลเงิน Sats (Satoshi) (เหล่าสาวกต่างก็ถือว่านี่เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของ Nostr) ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดัน Bitcoin ให้ไปสู่กระแสหลักอีกทางหนึ่ง
Nostr เป็นส่วนหนึ่งของ Bitcoin หรือไม่?
Nostr นั้นไม่ใช่บล็อกเชนที่มาพร้อมกับโทเค็นดั้งเดิม (Native Token) แต่เป็นโปรโตคอลของโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม Nostr นั้นตั้งเป้าที่จะเป็นโปรโตคอลแบบ Permissionless (โปรโตคอลที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ) เช่นเดียวกับ Bitcoin อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือผู้มีส่วนร่วมและผู้ใช้งานส่วนใหญ่ของ Nostr นั้นคือผู้ที่มีส่วนร่วมกับระบบนิเวศ Bitcoin ด้วยเช่นกัน (รวมถึง Fiatjaf เองด้วย)
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Nostr ไปแล้ว เราจะกลับไปที่คำถามเดิมที่เราค้างไว้ก่อนหน้านี้กัน
Damus คืออะไร?
Damus หรือแอป Damus นั้นคือโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่ควบคุมโดยผู้ใช้งาน แอป Damus ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย William Casarin นั้นติดขัดอยู่หลายครั้งในการขอเปิดให้บริการบน Apple App Store และหลังจากที่ทำการแก้ไข EULA (End-User License Agreement) อยู่หลายครั้ง Damus ก็เปิดให้บริการบน App Store ได้สำเร็จ
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2023 Twitter ของ Damus มีผู้ติดตามมากกว่า 23,700 รายแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป Damus ตั้งเป้าที่จะล้มล้างระบบโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแบบเดิมๆ เพื่อนำเสนอคลื่นลูกใหม่ของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คในแบบ Web3
รายละเอียดของข้อมูลและฟีเจอร์ต่างๆ ของ Damus
ตอนนี้ เรามาดูข้อมูลและฟีเจอร์ต่างๆ ที่สำคัญของ Damus กัน:
1. ต่อต้านการตรวจสอบทุกประเภท
2. การสนทนาเข้ารหัสแบบ End-to-End (เข้ารหัสบทสนทนาของผู้ใช้งานทั้ง 2 ฝั่ง)
3. เป็นหนึ่งในไคลเอ็นต์ที่เชื่อมต่อกับโปรโตคอล Nostr และฐานข้อมูล (Relays) ที่เกี่ยวข้องได้ คุณสามารถดาวน์โหลดและส่งข้อความได้เลยทันที
4. ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบด้วยการใช้บัญชีอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์
5. สมาชิกทีมผู้พัฒนา 44 คน รวมถึง William Casarin ผู้นำของทีม
6. โครงสร้างของโปรเจกต์สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นแหล่งข้อมูลการยืนยันตัวตนแบบกระจายอำนาจได้
7. รองรับการให้ทิปโดยใช้ Lightning Network ของ Bitcoin
8. วางแผนที่จะพัฒนา Bridges (สะพานเชื่อมต่อระหว่างแอป) ร่วมกับ Bluesky และ Mastodon
9. เช่นเดียวกับ Nostr Damus ก็มี GitHub ที่พร้อมให้ใช้งาน
10. นอกจากนี้ มันยังมีเวอร์ชั่น Android ในชื่อ Amethyst
11. คอนเซปต์ของตัวส่งข้อมูลอย่างอิสระนั้นสามารถโค่นล้มเครื่องมือสื่อสารองค์กรแบบเดิมๆ อย่างเช่น Slack ได้ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทตั้งค่าตัวส่งข้อมูลให้กับพนักงานบางคนได้ และเนื่องจากอุปกรณ์ทุกเครื่องที่รัน Damus จะกลายเป็นจุดติดต่อ การหยุดทำงานของเซิร์ฟเวอร์จึงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ข้อดีของ Damus
1. การใช้งาน Public Key ของผู้ใช้งานแบบเฉพาะทางนั้นค่อนข้างสร้างสรรค์
2. การใช้งาน Lightning Network เพื่อให้ทิปนั้นรวดเร็วมาก
3. Nostr Relays ช่วย Damus ในการป้องกันการโจมตีแบบ DDoS
4. มีประสิทธิภาพมากกว่าตัวเลือกของโซเชียลเน็ตเวิร์คแบบรวมศูนย์เช่น Mastodon
5. เนื่องจากมันต่อต้านการตรวจสอบทุกประเภท ซึ่งนั่นหมายความการเข้าชมนั้นจะไม่สามารถถูกปิดกั้นอย่างแน่นอน หาก Relays ตัวหนึ่งหยุดทำงาน คุณก็ยังจะมี Dumb Relays ตัวอื่นสำหรับแชร์ข้อมูลออกไป
6. มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นฐานข้อมูลแบบกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรณีการใช้งานมากมายที่สามารถทำได้ด้วย Damus
7. ด้วยการเป็นตัวเลือกของฐานข้อมูลแบบกระจายอำนาจ มันจะช่วยลดการพึ่งพาบล็อกเชนและบัญชีแยกประเภทที่ไม่เปลี่ยนรูปแบบที่มากจนเกินไป
8. ต่างจากการใช้งานฐานข้อมูลแบบดั้งเดิม มันใช้การสืบค้นข้อมูลในรูปแบบของ Web Socket ซึ่งทำให้สามารถสืบค้นและดึงข้อมูลได้ในแบบเรียลไทม์
ข้อเสียของ Damus
1. Relays ของข้อความจำเป็นจะต้องซิงค์กัน ซึ่งหมายความว่า ในการที่เพื่อนของคุณจะได้รับข้อความบน Damus จากคุณ เขาหรือเธอจะต้องใช้งาน Relays เดียวกัน เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ได้เป็นแบบ Peer-to-Peer
2. ยังคงต้องแจกจ่าย Public Key ให้กับเพื่อนของคุณเพื่อเป็นการยืนยันบัญชี
3. ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการแสวงหาการยอมรับในการใช้งาน ทำให้อินเทอร์เฟสของ Damus ยังดูว่างเปล่าเมื่อเทียบกับ Twitter
Damus vs. Twitter vs. Mastodon
ตัดเรื่องทางเทคนิคออกไป เราจะไปทำการเปรียบเทียบในเรื่องข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ Damus, Twitter, และ Mastodon กัน
ประการแรก Twitter ที่เก็บรายละเอียดของผู้ใช้งานทุกคนไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ในขณะที่ Mastodon มาพร้อมกับเซิร์ฟเวอร์มากมายที่อนุญาตให้ผู้ดูแลสามารถแบ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียออกเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่แตกต่างกันไว้ใช้งานได้ แต่มันก็ยังคงมีปัญหาในเรื่องการควบคุมดูแลเนื่องจากผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์อาจจะทำตัวเป็นเผด็จการได้
บน Mastodon ผู้ใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ที่แตกต่างกันจะสามารถสื่อสารกันได้ ในขณะที่ทวิตเตอร์จะสามารถทำงานในรูปแบบนี้ได้ด้วยการอาศัยตัวตนส่วนกลางอื่นๆ เช่น LinkedIn หรือ Instagram ซึ่งผู้ใช้งานสามารถแชร์ทวีตไปบนแพลตฟอร์มเหล่านั้นได้
Damus นั้นทำงานในรูปแบบที่แตกต่างออกไป จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง หากคุณล็อกอินด้วยอุปกรณ์ใดๆ Damus จะสร้าง Public Key เข้ารหัสขึ้นมา (เพื่อใช้ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตน) และ Private Key เพื่อเข้าถึงอินเตอร์เฟสการใช้งาน นอกจากนี้ คุณยังสามารถเริ่มต้นส่งข้อความได้ทันที — ด้วยการเป็น Relays (ตัวส่งข้อมูล) — โดยผู้ใช้งานที่จับคู่ Relays เดียวกันจะสามารถเห็นข้อความเดียวกันได้ในทันที
และถึงแม้ว่า Relays เลือกที่จะไม่แสดงข้อความ แต่เนื้อหาเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ใน Relays อื่นๆ ทำให้ Damus ต่อต้านการตรวจสอบทุกประเภท คุณสามารถสมัครรับข้อมูลจากผู้ใช้งานนั้นๆ เพื่อติดตาม Relays ของผู้ใช้งานนั้นๆ ได้
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Twitter vs. Mastodon vs. Damus
นี่คือตารางเปรียบเทียบข้อมูลแบบเรียบง่ายที่จะช่วยให้คุณเห็นความแตกต่างในส่วนต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
อนาคตของ Damus จะเป็นอย่างไร?
Damus ซึ่งขับเคลื่อนโดยโปรโตคอล Nostr อาจจะกลายเป็นอนาคตใหม่ของโซเชียลมีเดีย ด้วยการทำให้การส่งข้อความเข้ารหัสปลอดภัยมากยิ่งขึ้นโดยการใช้งาน Relays แพลตฟอร์ม Web3 นี้อาจจะกลายเป็น Twitter Killer ได้จริงๆ และเมื่อพัฒนาการของ Nostr เติบโตมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป Damus ก็พร้อมที่จะเติบโตไปพร้อมกัน ทำให้การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกระจายอำนาจและทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง
คำถามที่พบบ่อย
แอป Nostr คืออะไร?
ใครคือผู้สร้าง Damus?
Damus ใช้งานได้ฟรีหรือไม่?
จะใช้งาน Damus ได้อย่างไร?
Nostr Relay คืออะไร?
Nostr ทำงานอย่างไร?
Nostr สร้างขึ้นบนอะไร?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์