เครือข่าย Monero ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน, ประวัติการทำธุรกรรม, หรือจำนวนเงินที่แน่นอน เครือข่ายนี้และสกุลเงินดิจิทัลของเครือข่ายอย่าง XRM จะมอบสถานที่ที่ปลอดภัยให้กับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ในช่วงเวลาที่มีการจับตามองและการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้กันว่า Monero คืออะไร? รวมไปถึง หลักการทำงาน, สกุลเงินดิจิทัลของ Monero, และบทบาทของเครือข่ายนี้ในโลกแห่งสกุลเงินดิจิทัลในมุมมองที่กว้างขึ้น
ต้องการซื้อเหรียญ XMR หรือไม่? ลองใช้กระดานเทรดเหล่านี้สิ!
ดีที่สุดในเรื่องการทดลองเทรดและการเทรดแบบสปอต
กระดานเทรดที่มีความปลอดภัยพร้อมข้อจำกัดการฝาก/ถอนที่สูง
กระดานเทรดที่มีความเชื่อถือซึ่งมาพร้อมระบบนิเวศคริปโตที่สมบูรณ์แบบ
Monero คืออะไร?
Monero เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบโอเพ่นซอร์สที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการตรวจสอบทุกรูปแบบ Monero แตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมอย่าง Bitcoin และ Ethereum ตรงที่พวกเขาใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมจะถูกเก็บเป็นความลับและไม่สามารถติดตามหรือตรวจสอบได้ คุณสมบัติพิเศษนี้ทำให้ Monero กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำเพียงสกุลเดียวที่มีค่าเริ่มต้นที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินไปกับการไม่เปิดเผยตัวตนโดยอัตโนมัติได้
ธุรกรรมทั้งหมดใน Monero มีความเป็นส่วนตัวและไม่สามารถตรวจสอบได้ ความเป็นส่วนตัวนี้เกิดขึ้นได้ผ่านเทคโนโลยีหลัก 3 ประการ ได้แก่ Stealth Addresses, Ring Signatures และ RingCT ซึ่งจะช่วยปกปิดข้อมูลของผู้ส่ง, ผู้รับ, และปริมาณของแต่ละธุรกรรมที่ทำ
ประวัติในวงการคริปโตของ Monero
ประวัติของ Monero มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ Bitcoin เครือข่ายนี้เปิดตัวในปี 2012 ในฐานะ Fork (เครือข่ายที่แยกตัวออกมาจากเครือข่ายหรือโปรโตคอลเดิม) ของ Cryptonote ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างขึ้นเพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวในโลกคริปโต และปรับปรุงสิ่งที่ผู้ก่อตั้งมองว่าเป็นข้อจำกัดของ Bitcoin
แนวคิดก็คือ Crytponote สามารถทำให้ธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถตรวจสอบและติดตามได้ คล้ายกับธุรกรรมเงินสดแบบดั้งเดิม
ที่อยู่ (Address) ของ Bitcoin แบบดั้งเดิม เมื่อมีการเผยแพร่ออกไปแล้ว ก็จะกลายเป็นตัวระบุที่ชัดเจนสำหรับการโอนเงินเข้ามา โดยจะเชื่อมโยงที่อยู่และการชำระเงินเข้าด้วยกันแล้วเชื่อมต่อกับนามแฝงของผู้รับ หากมีคนต้องการรับธุรกรรม “ที่ไม่ได้มีการเชื่อมโยง” พวกเขาจะต้องแจ้งที่อยู่ของตนเองกับผู้ส่งผ่านช่องทางส่วนตัว หากพวกเขาต้องการรับธุรกรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามาจากเจ้าของคนเดียวกัน พวกเขาจะต้องที่อยู่ที่แตกต่างกันทั้งหมดและหลีกเลี่ยงการเผยแพร่โดยใช้นามแฝงของตนเอง
Nicolas van Saberhagen: Cryptonote v2.0 Whitepaper
เราขอนำเสนอโซลูชันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานที่อยู่เดียวและรับการชำระเงินที่ไม่สามารถเชื่อมโยงได้โดยไม่มีเงื่อนไข
เครือข่ายเดิมมีชื่อว่า Bit Monero (“Monero” หมายถึง “เหรียญ” ในภาษาเอสเปรันโต) จากนั้น เครือข่ายได้แยกตัวออกมา (Fork) และเปลี่ยนชื่อเป็น Monero หลังจากที่สูญเสียความไว้วางใจจากชุมชน การสูญเสียความไว้วางใจนี้เกิดจากการกระทำที่น่าสงสัยหลายประการโดยทีมพัฒนาเครือข่าย ซึ่งรวมถึง การแอบขุดเหรียญจำนวนมากก่อนที่จะเปิดตัวสู่สาธารณะ
กลุ่มนักพัฒนาของ Monero ก็มีความคล้ายคลึงกับ Satoshi Nakamoto ผู้ลึกลับของ Bitcoin ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงใช้นามแฝงและไม่เปิดเผยตัวตน สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ กลุ่มนักพัฒนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนความเป็นเจ้าของเครือข่ายไว้หลังจากเปิดตัว XMR แต่พวกเขาอาศัยการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากชุมชนเพื่อพัฒนาเครือข่ายต่อไป
แม้ว่าสมาชิกในทีมส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผยตัวตน แต่หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งที่ได้รับการยืนยันแล้วก็คือ Riccardo Spagni (หรือที่รู้จักในชื่อ @FluffyPony) ในเดือนมีนาคม 2023 เขาถูกบังคับให้ปฏิเสธข้อกล่าวหาบนโพสต์ของ X (อดีต Twitter) ว่าเขาเป็นสายข่าวของตำรวจสากล (Interpol)
Monero ทำงานอย่างไร?
Monero ใช้กลไกฉันทามติ Proof-of-Work ซึ่งหมายความว่า นักขุดจะต้องแก้ไขอัลกอริธึมการคำนวนที่ซับซ้อนเพื่อทำการตรวจสอบธุรกรรมและเพิ่มบล็อกใหม่ให้กับเครือข่ายหลัก
แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นจากโค้ดแบบโอเพ่นซอร์สของ CryptoNote ซึ่งถูกใช้เป็นพื้นฐานของสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักบางตัวด้วย ต่อไป เรามาดูเทคโนโลยีหลักที่ทำให้การทำธุรกรรมบน Monero เป็นส่วนตัวกันดีกว่า
- Stealth Addresses: Monero ใช้ Stealth Addresses เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ที่อยู่เหล่านี้จะเปิดใช้งานที่อยู่แบบสาธารณะ (Public Addresses) ที่ไม่ซ้ำกันที่สามารถใช้งานได้ครั้งเดียวต่อผู้รับแต่ละราย เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละธุรกรรมจะมีที่อยู่สาธารณะที่ไม่ซ้ำกันซึ่งไม่สามารถเชื่อมโยงกับผู้รับได้ อย่างไรก็ตาม ผู้รับสามารถเปิดเผยที่อยู่สำหรับรับเงินได้เพียงที่อยู่เดียว ในขณะที่ส่งธุรกรรมไปยังที่อยู่อื่นๆ ที่ไม่ซ้ำกันบนบล็อกเชน
- Ring Signatures: Monero ใช้งาน Ring Signatures เพื่อซ่อนตัวตนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม เมื่อการทำธุรกรรมบน Monero เกิดขึ้น บุคคลภายนอกจะสามารถมองเห็นได้เฉพาะกลุ่มผู้ส่งที่อาจจะเป็นไปได้เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ส่งที่แท้จริงได้ คุณสมบัติอันทรงพลังนี้ทำให้การทำธุรกรรมบน Monero เป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
เทคโนโลยีเสริมความเป็นส่วนตัวเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมบน Monero เป็นส่วนตัวและปลอดภัย และที่สำคัญ พวกเขาไม่ได้มีดีแค่เพียงเรื่องการไม่เปิดเผยตัวตนเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงความสามารถในการใช้งานทดแทนกันได้อีกด้วย
สิ่งที่ทำให้ Monero ไม่ซ้ำใคร
Monero ได้เพิ่มฟีเจอร์หลักและการอัพเดตที่สำคัญหลายประการเพื่อช่วยรับประกันความเป็นส่วนตัว, การไม่เปิดเผยตัวตน, และฟังก์ชั่นการทำงาน ฯลฯ นอกเหนือจาก Stealth Addresses และ Ring Signatures ซึ่งประกอบไปด้วย:
- Tail Emission: การทยอยปล่อยเหรียญอย่างต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนและช่วยให้ไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อมากจนเกินไป
- Ring CT (Ring Confidential Transactions): เทคโนโลยีนี้ช่วยในการปกปิดจำนวนธุรกรรม
- Bulletproofs: เปิดตัวในปี 2018 หรือ 2019 Bulletproofs ช่วยลดขนาดและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมลงเป็นอย่างมาก
- RandomX: อัลกอริธึมการขุดที่เท่าเทียมกันซึ่งส่งเสริมการกระจายอย่างยุติธรรมโดยเน้นที่ “หนึ่ง CPU หนึ่งโหวต”
- กระบวนการขุดที่เรียบง่าย: ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ Monero อยู่ที่ความมุ่งมั่นอย่างมากในเรื่องการกระจายอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการขุดของพวกเขา ต่างจาก Bitcoin ซึ่งต้องการเครื่องขุดเฉพาะทางที่มีราคาแพง (ASIC) การขุดของ Monero นั้นจะใช้แค่เพียง CPU ปกติที่พบในคอมพิวเตอร์ทั่วไปเป็นหลัก สิ่งนี้ทำให้การขุดเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้นสำหรับบุคคลทั่วไป และช่วยหลีกเลี่ยงการรวมศูนย์และจุดอ่อนของเครือข่ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
Monero แตกต่างจาก Bitcoin อย่างไร
เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของ Monero สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่ามันแตกต่างจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลรุ่นบุกเบิกอย่างไร
- ความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง: Monero แตกต่างจาก Bitcoin เนื่องจากพวกเขาให้ความเป็นส่วนตัวและไม่เปิดเผยตัวตนในการทำธุรกรรม แตกต่างจาก Bitcoin ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้และติดแท็กประวัติในการทำธุรกรรม Monero รับประกันว่าธุรกรรมทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับและไม่สามารถตรวจสอบหรือติดตามได้
- ขนาดบล็อก: Monero ใช้วิธีการที่ยืดหยุ่นสำหรับเรื่องขนาดบล็อก แตกต่างจาก Bitcoin ที่มีขีดจำกัดคงที่ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นในท้ายที่สุด Monero ช่วยให้ขนาดบล็อกสามารถขยายได้เมื่อจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดของเครือข่าย Monero ยังมีบทลงโทษสำหรับบล็อกที่มีขนาดใหญ่เกินไปเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด ซึ่งช่วยให้การทำงานของเครือข่ายราบรื่นยิ่งขึ้น
- การกระจายอำนาจ: Monero ส่งเสริมการกระจายอำนาจในระดับที่สูงขึ้นผ่านกลไกการขุดของพวกเขา ต่างจาก Bitcoin ซึ่งอาศัย ASIC เฉพาะทาง การขุด Monero จะใช้ CPU ทั่วไปเป็นหลัก ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย การกระจายอำนาจนี้ช่วยลดความเสี่ยงของการรวมศูนย์และปรับปรุงความแข็งแกร่งของเครือข่าย
- ความสามารถในการใช้งานทดแทนกันได้: เหรียญ Monero นั้นแตกต่างจาก Bitcoin ตรงที่ไม่สามารถแยกแยะได้และไม่สามารถแกะรอยได้ ซึ่งหมายความว่า เราสามารถนำมันไปใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมากสำหรับผู้ใช้งานที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวและความสามารถในการใช้เงินของพวกเขาทดแทนกันได้ เนื่องจากเหรียญ Monero ทุกเหรียญมีมูลค่าและประวัติที่เหมือนกัน
เหรียญ Monero (XMR)
$XMR คือสกุลเงินหลักที่ใช้งานในเครือข่าย Monero ณ วันที่ 7 ธันวาคม 2023 Monero (XMR) อยู่ในอันดับที่ 26 ในการจัดอันดับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 78.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
XMR สามารถใช้สำหรับการชำระเงินแบบ Peer-to-Peer และใช้จัดเก็บมูลค่าภายในเครือข่าย Monero ได้ เหรียญหลักประจำเครือข่ายนี้ยังสามารถใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการทำธุรกรรมได้อีกด้วย เนื่องจากคุณลักษณะความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง ซึ่งนำเสนอการไม่เปิดเผยตัวตนโดยอัตโนมัติ ทำให้ $XMR ถูกใช้อย่างกว้างขวางเป็นสกุลเงินสำหรับตลาดมืดหรือตลาดใต้ดิน
บทวิเคราะห์ราคาเหรียญ Monero จากผู้เชี่ยวชาญของเราได้คาดการณ์ถึงราคาที่อาจจะเป็นในได้อนาคตของเหรียญ XMR ไว้สูงสุดอยู่ที่:
- 237.58 ดอลลาร์ ในปี 2024
- 261.34 ดอลลาร์ ในปี 2025
- 287.47 ดอลลาร์ ในปี 2026
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจไว้ก่อนว่า การคาดการณ์นั้นไม่ได้แม่นยำ 100% และควรที่จะใช้มันเป็นแนวทางเท่านั้น นอกเหนือจากการวิเคราะห์เรื่องปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค ปัจจัยต่างๆ เช่น ข่าวสาร, กลไกตลาด, และความเชื่อมั่น ก็อาจจะส่งผลต่อราคาของ XMR ได้เช่นกัน
ผู้ใช้งานที่ต้องการซื้อ Monero สามารถซื้อเหรียญ XMR ได้จากกระดานเทรดชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง OKX (ดีที่สุดสำหรับการซื้อขายแบบสปอตและคัดลอกแนวทางการซื้อขาย), Kraken (ดีที่สุดในเรื่องคุณสมบัติด้านความปลอดภัย) และ Binance (ระบบนิเวศโดยรวมที่มีความครอบคลุมมากที่สุด)
โทเค็นโนมิคส์
เช่นเดียวกับ Bitcoin และ Litecoin รางวัลบล็อกของ Monero จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป Monero (XMR) ดำเนินงานโดยให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและอัตราเงินเฟ้อที่จำกัด ในเดือนธันวาคม 2023 Monero มีรางวัลบล็อกอยู่ที่ 0.6 XMR ซึ่งหมายความว่าประมาณ 0.3 XMR ถูกสร้างขึ้นทุกๆ นาที อัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่ำนี้ส่งผลให้มีเหรียญ XMR มูลค่าประมาณ 80 ดอลลาร์เข้าสู่ระบบหมุนเวียนในแต่ละนาที
อัตราการปล่อยเหรียญ Monero ได้รับการออกแบบมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่ามีการกระจายเหรียญอย่างยุติธรรมเมื่อเครือข่ายเติบโตมากยิ่งขึ้น ในช่วงแรก อัตราการปล่อยเหรียญจะค่อนข้างสูง และค่อยๆ ลดลงเมื่อเครือข่ายเติบโต แนวทางนี้กระตุ้นให้ผู้ใช้งานเข้ามาใช้งานก่อนใคร ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้เหรียญ XMR ไหลเข้าสู่ตลาดอย่างกะทันหัน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของมันได้
การกำกับดูแล
การกำกับดูแลของ Monero เกิดขึ้นนอกเครือข่ายหลัก โดยมีการส่งข้อเสนอสำหรับการปรับปรุงบน GitHub และโหวตโดยชุมชน เมื่อข้อเสนอได้รับการอนุมัติ โค้ดจะถูกเพิ่มไปยัง Monero Core Client แม้ว่าการอัพเดตโหนดอาจจะมีความล่าช้าอยู่บ้างเนื่องจากลักษณะของการกระจายอำนาจ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Monero จึงกำหนดช่วงเวลาในการ Hard Fork เป็นจำนวน 2 ครั้งต่อปี ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ดำเนินการโหนด (Node Operators) มีส่วนร่วมและรับรองว่าการอัพเดตจะเกิดขึ้นตรงเวลา การ Hard Fork ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2022
Monero (XMR) Wallet
Monero (XMR) Wallet คือ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลดิจิทัลที่ได้รับออกแบบมาเพื่อให้ช่วยปกป้องเหรียญ Monero (XMR) ของคุณ มันไม่ได้เป็นกระเป๋าเงินที่ใช้เก็บเหรียญ XMR ของคุณเหมือนที่กระเป๋าเงินจริงทำกับเงินสด แต่จะจัดเก็บ Private Key ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณ และช่วยให้คุณสามารถทำธุรกรรมได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ในการจัดการและเข้าถึงเหรียญ Monero (XMR) ของคุณ คุณมีตัวเลือกของ Monero Wallet ให้ใช้งานอยู่มากมาย ซึ่งรวมไปถึง กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ เช่น Ledger และ Trezor ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet ที่ให้ความปลอดภัยแบบออฟไลน์
อีกตัวเลือกหนึ่งก็คือ กระเป๋าเงินแบบซอฟต์แวร์ หรือที่เรียกกันว่า “Hot Wallet” ซึ่งมีให้บริการทั้งในเวอร์ชั่นเดสก์ท็อปและมือถือ ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้จัดเก็บ XMR ได้แก่ Trust Wallet, Cake Wallet และ Feather Wallet เป็นต้น
กระเป๋าเงินอีกหนึ่งใบที่น่าสนใจได้แก่ Monero GUI Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงิน GUI แบบโอเพ่นซอร์สที่ใช้งานได้ง่ายที่พัฒนาโดยชุมชน Monero
เส้นทางข้างหน้าของ Monero
Monero ถือเป็นหนึ่งในเหรียญที่ให้ความเป็นส่วนตัว (Privacy Coin) ที่มีความสำคัญและเป็นที่รู้จักมากที่สุดอย่างแน่นอน เครือข่ายของพวกเขายังช่วยให้ผู้คนสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวทางการเงินและควบคุมทรัพย์สินของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม อนาคตของ Monero นั้นยังคงไม่แน่นอน บางคนคิดว่ามันยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักลงทุนรายใหญ่มากเพียงพอ ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งของพวกเขาก็ทำให้รัฐบาลเกิดความกังวล เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขาสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์และบทลงโทษได้ ความสามารถในการต่อต้านการควบคุมจากรัฐบาลนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน Monero อย่างมาก แต่มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้มันได้รับความนิยมในวงกว้างเช่นกัน และอาจจะทำให้เครือข่าย Monero และสกุลเงิน XMR เกิดปัญหากับหน่วยงานกำกับดูแลได้
คำถามที่พบบ่อย
เหรียญ Monero (XMR) เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่?
Monero ดีกว่า Ethereum หรือไม่?
เหรียญ Monero มีความเสี่ยงหรือไม่?
ธุรกรรม Monero สามารถตามรอยได้หรือไม่?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์