รายงานใหม่อ้างว่า Meta กําลังวางแผนตัดทอนแผนก Reality Labs ทั้งนี้ การลดขนาดองค์กรครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการปลดพนักงาน โดยองค์กรมุ่งมั่นที่จะหยุดโครงการบางโครงการที่ทําให้โครงการอื่น ๆ ล่าช้า

ตามที่ผู้บริหารคนหนึ่งของ Meta แจ้งให้ Reuters ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 11 พฤษภาคมว่าทางอค์กรมีแผนจะตัดทอนแผนก Reality Labs ของ Metaverse ทราบ

ทั้งนี้ Reality Labs เป็นแผนกหนึ่งของ Metaverse ที่รับผิดชอบแอ็ปในพื้นที่เสมือนรวมถึงรับผิดชอบผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง 

Reuters ยังได้รับบทสรุปของการสนทนาระหว่าง Andrew Bosworth ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีกับสมาชิกของแผนก;jkจะไม่มีการปลดพนักงาน การตัดทอนจะมุ่งเน้นไปที่การระงับบางโครงการที่สร้างความล่าช้าแก่โครงการอื่น ๆ แทน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลว่าโครงการใดจะถูกตัดทอนแน่

บริษัทได้แจ้งให้สาธารณชนทราบว่าในปี 2022 นั้นจะมีการลดค่าใช้จ่ายของบริษัท แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือการที่แผนก Reality Labs จะต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

Metaverse เป็นแรงผลักดันทางการตลาดที่สําคัญของยิ่งบริษัทในปี 2022 นี้โดย มีการเปิดหน้าร้านสำหรับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์เพื่อใช้กับ Metaverse ด้วย

ทั้งนี้ ผู้บริหารดูจะตระหนักถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ของ Metaverse มากขึ้นเนื่องจากแพลตฟอร์มดังกล่าวยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง

NFTs ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักดีกว่าก็อยู่ในสถานะคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ Meta ได้ทําการรวม NFTs เข้ากับ Instagram ซึ่งอาจประสบความสําเร็จได้รวดเร็ว

ความทะเยอทะยานที่มากขึ้นของ Meta

เป็นที่ทราบกันดีว่าแผนก Reality Labs กําลังเผาผลาญทรัพยากรหลายพันล้านดอลลาร์สําหรับโครงการ Metaverse ซึ่งถือว่าไม่ใช่โครงการที่ยั่งยืนสำหรับบริษัท นอกจากนี้ ศักยภาพที่แท้จริงของ Metaverse ยังคงค่อนข้างจํากัด ถึงขนาดว่าผู้ใชงานคริปโตบางท่านกล่าวว่า ?etaverse ไม่มีอยู่จริง

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Meta ได้เผยแพร่ รายงานxit0e9ไตรมาสซึ่งแสดงตัวเลขที่เป็นบวก ในระหว่างการทำ earnings call ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวว่า Meta กําลังวางแผนที่จะชะลอการเติบโตการลงทุนระยะยาวซึ่งรวมถึง Reality Labs ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และแพลตฟอร์มธุรกิจของตน

จากความพยายามของ Meta ทำให้เขาใจได้ว่าทําไมหลายบริษัทจึงต้องการจะประสบความสำเร็จในตลาด Metaverse ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 678,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 นอกจากนี้ ในโลกเสมือนจริงดังกล่าวยังคาดว่าจะมีธุรกิจเกิดขึ้นอีกจำนวนมาก