PwC Middle East เสนอโรดแมพสำหรับการออกกฎระเบียบคริปโตใน UAE 

แม้ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังเติบโต PwC Middle East คิดว่าสินทรัพย์ประเภทนี้สามารถเติบโตได้ยิ่งกว่าเดิมและระบุโมเดลที่อำนวยความสะดวกในสามระดับสำหรับผู้กำกับดูแล 

จากรายงานล่าสุด PwC เชื่อว่าอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาจจะกลายเป็นตัวกำหนดความคืบหน้าของคริปโตเคอเรนซีทั่วโลก  ทั้งนี้ รายงานที่มีชื่อว่า “UAE Virtual Assets Market” เน้นไปที่กระบวนการทำงานภายในอุตสาหกรรมคริปโต โดยเน้นไปที่ประเด็นที่สามารถปรับปรุงได้ และแสดงให้เห็นแนวโน้มในการเติบโต ผู้ให้บริการทางการเงินรายนี้แนะนำโมเดลสามรูปแบบให้กับหน่วยงานกำกับดูแลของ UAE ให้พิจารณาเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวของอุตสาหกรรม โมเดลสำคัญที่ต้องรีบนำมาปรับใช้คือเรื่องความกระจ่างแจ้งของกฎหมาย 

รายงานฉบับดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า UAE ต้องการ “กรอบกฎหมายที่ครอบคลุมและมีผลบังคับใช้ทั่วถึง” สำหรับการต่อต้านการฟอกเงินและภาคส่วนเฉพาะอื่น ๆ เช่น การเงินแบบไร้ตัวกลางควบคุม (DeFi) และ NFT

การออกกฎระเบียบนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำและตกลงจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และ PwC แนะนำให้ผู้กำกับดูแลของ UAE ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรม นักวิชาการ และบริษัทคริปโตในการออกกฎระเบียบสำหรับทั้งอุตสาหกรรม 

“การกำกับดูแลตนเองนั้นถูกเสนอให้เป็น counterpart ของกระบวนการทำให้ถูกกฎหมาย และไม่ใช่เครื่องมือที่จะมาแทนที่ และขอให้มีผู้ออกกฎหมายมีส่วนร่วมและสนับสนุนเพื่อให้เกิดความสำเร็จ” รายงานระบุ

ความร่วมมือระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น 

รายงานของ PwC เน้นย้ำการประสานงานระหว่างประเทศว่าเป็นเป้าหมายที่สามสำหรับการเติบโตของภาคสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บริษัทยังตั้งข้อสังเกตว่าลักษณะไร้พรมแดนของประเภทสินทรัพย์และความหลากหลายของกฎหมายในเขตอำนาจศาลต่าง ๆ อาจขัดขวางการพัฒนาของอุตสาหกรรมคริปโตได้

“ต้องมีการประสานงานกัน การสื่อสาร และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากขึ้นกับเขตอำนาจศาลอื่น ๆ เพื่อให้ UAE ประสบความสำเร็จในขั้นตอนสุดท้ายของรูปแบบการกำกับดูแลคริปโตที่เรานำเสนอ” PwC กล่าว

Mahmoud Al Salah หุ้นส่วนการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านอาชญากรรมทางการเงินของ PwC Middle East กล่าวชื่นชมรายงานฉบับนี้และแสดงทัศนคติเชิงบวกในแง่ดีว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าว

ขาขึ้นของการเงินดิจิทัลใน UAE

ภายในระยะเวลา 24 เดือน สินทรัพย์ดิจิทัลของ UAE เติบโตถึง 500% และกลายเป็นประเทศลำดับที่สามในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีปริมาณธุรกรรมคริปโตมากที่สุด โดยมีเพียงตุรกีและเลบานอนที่มีลำดับสูงกว่า

Dubai ถือเป็นหน้าด่านของ UAE ในการผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัล โดยอนุมัติกฎหมาย Virtual Assets Law และสร้างหน่วยงานทางกฎหมายแห่งใหม่ที่เรียกว่า Dubai Virtual Assets Regulatory Authority (VARA) เพื่อที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมคริปโต

ผลกระทบเป็นไปในทางตรงกันข้าม ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน บริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโตอย่าง Binance และ FTX ได้ตั้งสำนักงานที่ดูไบ โดยได้รับแรงจูงใจจากกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นมิตรต่อคริปโตเคอเรนซี อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ PwC รายหนึ่งซึ่งกำลังเลือกตั้งค่าบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองถึงกับเลือกดูไบเป็นสถานที่เก็บเงินลงทุนของตนเองอันใหม่แทนที่จะเป็นประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย